เล่มนี้มีเมฆมาก ด้วยรัก ความตาย หัวใจสลาย

ชีวิตเป็นสิ่งน่าอัศจรรย์ ไม่ว่าชีวิตพืช ชีวิตสัตว์ จนชีวิตมนุษย์ ที่ลึกลับซับซ้อนทั้งกายภาพ ระบบประสาท จิต รวมเป็นภาพเต็มของชีวิตธรรมชาติที่เคลื่อนไหวไปมาปกติจนเห็นเป็นธรรมดา แต่ธรรมชาติมีเด็กช่างฝัน บ้างเติบโตเป็นผู้ใหญ่ช่างฝัน ก่อนสภาพแวดล้อมบีบรัดทางสังคมทำให้นิสัยช่างฝันของบางคนแปรไปวนเวียนกับการแสวงวัตถุกระทั่งความฝันเลือนหายไปในที่สุด

ส่วนอีกไม่น้อยคนยังแหงนมองท้องฟ้า มองความว่างที่ไม่ว่างของท้องฟ้า ซึ่งแต่งแต้มด้วยปุยเมฆ ก้อนเมฆ ทิวเมฆ ธารเมฆ กระแสเมฆ เชิงชั้นเมฆ ที่อาจไหลเอื่อยไปบางเบาตามกระแสลม หรือพัดพลิ้วเปลี่ยนรูปไปนานา จุดไฟจินตนาการกับเด็กน้อย หรือผันผวนกระเจิดกระจายม้วนหายไปกับสายลมบน จนภาพธรรมดาทำให้ท้องฟ้ากลายเป็นผืนผ้าที่สร้างสีสันวิจิตรอัศจรรย์

วันนี้ ผู้คนที่เท้าติดดินทั้งหลาย มิใช่เด็กน้อย มีเวลาเงยหน้ามองฟ้าพิจารณาหมู่เมฆอย่างที่เคยวาดฝันกันบ้างไหม

เล่มนี้มีเมฆมาก (Limited Edition : All About Clouds) โดย บัญชา ธนบุญสมบัติ นักวิทยาศาสตร์ผู้หลงใหลในมวลเมฆ หยิบสอยความฝันบนท้องฟ้า ที่วเนจรล่องลอยแต่จับต้องได้ มารวบรวมเป็นสิ่งละอันพันละน้อยเรื่องเมฆที่ครบทุกมิติไว้ในเล่ม จากรายละเอียดของเมฆแต่ละชนิด ที่จะทำให้การมองท้องฟ้าเพิ่มรสชาติขึ้น จนถึงความรู้ตามหลักการอุตุวิทยา ลงมาถึงเกร็ดทางวัฒนธรรมและตำนานพื้นบ้านเกี่ยวกับ ลม ฟ้า อากาศ หนังสือเล่มนี้จึงเหมาะแก่ผู้ต้องการรู้จักเมฆ ตั้งแต่เริ่มต้น กระทั่งคนระดับหายใจเข้าออกเป็นเมฆขั้น “คลาวด์ เนิร์ด” (cloud nerd) หรือ “ผู้งมงายเมฆ” เลยทีเดียว

Advertisement

นอกจากนี้ ยังเพิ่มเนื้อหาใหม่เอี่ยมให้เห็นทันธรรมชาติอีก 3 ตอนพิสดารคือ “อาทิตย์ ๕ ดวง” ที่พระตะบองและจันทบุรี ซึ่งยากจะพบเห็น-เหวอ, อาทิตย์ ๕ ดวง ดวงเดียวก็แย่แล้ว ยังมีมหัศจรรย์ “ฟ้าสองสี” เอ, เป็นไงหว่า ฟ้าสองสี กับการถ่ายภาพ sprite & blue jet (ถ่ายแบบไหนไม่เข้าใจเหมือนกันขอรับ ขอไปซื้อหนังสือมาดูก่อนย่อมรู้ได้) ซึ่งเป็นการถ่ายภาพฝีมือคนไทย (ที่ไม่แพ้ชาติใดในโลก-ว่ากันอย่างนั้นนะ คงหมายรวมถึงสถิติการเจ็บตายจากโควิดด้วย)

โดยเฉพาะหากช่วงชิงเวลาสั่งจองล่วงหน้าได้ภายใน 30 กรกฎาคมนี้ละก็ จะได้รับหนังสือสวยพร้อมลายเซ็นผู้เขียน กับกระเป๋า All About Clouds ใบงามงดทีเดียวเชียว ขอบอก

• เคยสงสัยไหมว่า ทำไมเพื่อนร่วมงานซึ่งดูแล้วไม่ได้เก่งกว่าเรา ทำไมถึงได้การสนับสนุนก่อน ทำไมผู้หญิงในชั่วโมงเรียนโยคะคนนั้น ถึงมีเพื่อนรายล้อมไปหมด คำตอบอาจจะอยู่ที่การมี “นุนชี่” ที่ดีนั่นเอง

Advertisement

นุนชี่อยู่ในวิถีชีวิตคนเกาหลีมายาวนานกว่า 5,000 ปี จนแทบจะเรียกได้ว่า เป็นสัมผัสที่ 6 ของชาวเกาหลี และนุนชี่นี่เอง ที่นำเกาหลีใต้จากจุดซึ่งตกต่ำยากจนที่สุดสู่ประเทศแถวหน้าของโลก เป็นผู้นำเทคโนโลยี และผู้ส่งออกวัฒนธรรมของตนสู่นานาชาติได้ นุนชี่ก็คือศิลปการอ่านประเมินสถานการณ์ด้วยสายตา ว่าผู้อื่นกำลังคิดหรือรู้สึกอย่างไรอยู่ เพื่อสร้างความกลมกลืน ความไว้วางใจ และความสัมพันธ์กับคนรอบข้างได้อย่างแม่นยำน่าทึ่ง

นุนชี่ พลังแห่งการสังเกตชีวิต ของ หงยูนี แปลโดย ณิชารีย์ ผาติทิต หนังสือแห่งการสามารถอ่านอารมณ์ผู้คน

นุนชี่คือความสามารถที่เรียนรู้ได้ ใช้เพียงสองตาสองหู ในการจับสังเกตผู้อื่นมากกว่าพะวงสนใจเรื่องตัวเอง ในระยะสั้น นุนชี่อาจช่วยไม่ให้เราทำตัวผิดที่ผิดทางชนิดไม่สมควรทำต่อสาธารณะ จนระยะยาว ที่อาจช่วยเปิดประตูบานใหม่ๆ ซึ่งไม่เคยสังเกตเห็น เพื่อผ่านไปยังสถานที่ที่ไม่เคยคิดไม่เคยรู้ว่ามีอยู่ ด้วยการเรียนรู้ที่จะทำความเข้าใจผู้อื่น ผ่านถ้อยคำ ภาษากาย หรือแม้แต่สิ่งรอบข้างที่จะช่วยให้อนุมานสถานการณ์ตรงหน้า เพื่อเลือกปฏิบัติอย่างเหมาะสมได้

เริ่มจากการเข้าใจแนวคิดพื้นฐาน ก่อนนำไปใช้ในชีวิตประจำวัน กับความสัมพันธ์รอบด้าน ที่ทำงาน ทั้งมีนุนชี่สำหรับคนขี้กังวลด้วย

เล่มนี้น่าสนใจจริงๆ แนวคิดที่ค้ำจุนผู้คนและสังคมมาได้ยาวนาน

• ปัจจุบัน มีคนไม่น้อยทีเดียวที่ไม่นับถือศาสนา ไม่เชื่อเทพ ไม่เชื่อเรื่องพระเจ้า คำถามด้วยความสงสัยจากคนที่นับถือศาสนาก็คือ คนเหล่านั้นสามารถมีศีลธรรมหรือไม่ มีด้วยหลักอะไร หรือจากความเข้าใจอันใด และจะระบุตรงไหน ระบุได้อย่างไรไหม ว่าคนไม่ถือศาสนาเป็นคนไม่ดี

แต่สำหรับคนไม่ถือศาสนา ไม่เชื่อเรื่องเทพ เรื่องพระเจ้าเหล่านั้น หนังสือเล่มนี้ อเทวนิยม (อะเทอิสม์-atheism) ของ จูเลียน แบ๊กกินี แปลโดย ธนาพงศ์ เกิ่งไพบูลย์ ให้น่าอ่านเข้าใจได้ง่ายๆ จะช่วยสร้างความมั่นใจในรูปธรรมความเชื่อนี้ได้ดียิ่งขึ้น

ลองติดตามเนื้อหาดูว่า อเทวนิยมคืออะไร, เหตุผลใดสนับสนุนอเทวนิยม, รู้จักจริยศาสตร์แบบอเทวนิยม-คืออเทวนิยมก็มีแนวจริยศาสตร์ของตัวเองเหมือนกัน, ความหมายและจุดหมาย, อเทวนิยมในประวัติศาสตร์, อเทวนิยมคือการต่อต้านศาสนาหรือเปล่า จากนั้นก็เป็นบทสรุปเรื่อง

น่ารู้อยู่เหมือนกันว่า เมื่อไม่ถือศาสนาแล้ว จะมีหลักการดำเนินชีวิตในการอยู่ร่วมกับสังคมผู้คนแบบไหน

• สำหรับคนทำงานบริหารจัดการ ไม่ว่าจะจัดการตัวเอง ในฐานะเจ้าของกิจการที่มีตัวเองเป็นนาย หรือคนมีห้องทำงาน ที่ทำงาน ในรูปแบบสำนักงาน องค์กร ไม่ว่าจะลักษณะใด บางคนอาจเคยรู้สึกแต่อาจไม่เคยคิดว่า สถานที่ทำงานส่งผลต่องานของตัวอย่างไรบ้างหรือไม่ เช่น นักเขียนคนหนึ่งต้องการความสงัดยามดึกดื่นค่ำคืนในห้องทำงาน แต่อีกคนเขียนงานได้ในร้านกาแฟที่สรรพสำเนียงอึกทึก และขณะที่อีกคนนั่งลงตรงไหนก็เขียนหนังสือได้ตลอด

ที่ (น่า) ทำงาน (The Best Place to Work) ของ รอน ฟรีดแมน แปลโดย นรา สุภัคโรจน์ ช่วยให้คนทำงานมองอีกมุม

ผู้เขียนเป็นนักจิตวิทยาสังคมผู้สนใจศึกษาแรงจูงใจของคนและพฤติกรรมองค์กร พยายามตอบคำถามเรื่อง “ศาสตร์และศิลปการสร้างที่ทำงานชั้นยอด” ในโลกยุคใหม่ ผ่านการค้นพบล่าสุดจากงานวิจัยด้านประสาท วิทยาศาสตร์ เศรษฐศาสตร์พฤติกรรม การบริหารจัดการ ความคิดสร้างสรรค์ ฯลฯ รวมถึงกลเม็ดเคล็ดลับจากบริษัทชั้นนำ เช่น กูเกิล แอมะซอน สตาร์บัคส์ ว่าเนื้อหากับรูปแบบการสร้างตนผสานกันได้แบบไหน

ทำไมที่ทำงานชั้นยอดจึงจ้างเราไป “เล่น” จะออกแบบที่ทำงานอย่างไรให้ “ใส่ใจทุกรายละเอียด” และ “ส่งเสริมพลังสร้างสรรค์” ไปพร้อมกัน ทำไมบริษัทที่ประสบ “ความสำเร็จ” จึงให้รางวัลกับ “ความล้มเหลว” กลวิธีเปลี่ยนกลุ่ม “คนแปลกหน้า” ให้กลายเป็น “ชุมชน” ต้องทำอย่างไร ที่ทำงานสมัยใหม่ก้าวข้ามปัญหา “สมดุลของชีวิตกับงาน” โดยผสมผสานงาน ชีวิตส่วนตัว กับครอบครัว เข้าด้วยกันอย่างไร ทำไมพนักงานที่มี “ความสุข” หมายถึง “กำไร” ที่มากขึ้น

และกาสิโน โลกวิดีโอเกม นักเจรจาต่อรองกับคนร้าย สอนอะไรเราเรื่องงานกับที่ทำงาน ฟังแล้วต้องหามาอ่านจริงๆ

• สำหรับผู้ไม่ได้อ่านหนังสือแต่ชมภาพยนตร์แล้ว นอรวีเจียน วู้ด (Norwegian wood) หนังญี่ปุ่นซึ่งสร้างเมื่อปี 2553 ฉายในไทยปีรุ่งขึ้น จากนิยายของ ฮะรุกะ มุระกะมิ นักเขียนที่มีผู้ติดตามงานแปลมากมายในเมืองไทย และทั่วโลก รับความกินใจจากหนังเรื่องนี้ไปแล้วเต็มๆ หนังซึ่งเข้าชิงรางวัลสาขาต่างๆ ไปแทบทุกเทศกาลภาพยนตร์ ไม่ว่าที่เวนิส ตุรกี ซิดนีย์ อิสตันบูล ดูไบ โดวิลล์ ญี่ปุ่นเอง และเอเชียน ฟิล์ม เฟสฯ จากฝีมือผู้กำกับเวียดนาม อาห์น ฮง ตรัน ซึ่งมีฝีมือระดับเข้าชิงและรับรางวัลมาจากบริติช ฟิล์ม, คานส์ ฟิล์ม, เซซาร์ อวอร์ด, เวนิส, ดูไบ และอีกหลายแห่งมาแล้วเช่นเดียวกัน

เมื่อได้ยินเสียงเพลงของเดอะ บีทเทิลส์ ความคิดของชายหนุ่มก็กระหวัดกลับไปหาอดีตวัยเรียน ยุคสมัยของการเปลี่ยนแปลงทั้งการเมืองและเพศสัมพันธ์ ที่ไปเกี่ยวข้องกับคนรักของเพื่อนซึ่งฆ่าตัวตายและหญิงสาวช่างสังคมผู้เปี่ยมชีวิตชีวา สัมพันธ์รักที่เหมือนปมบนเส้นด้ายแห่งความสูญเสีย เธอมิได้เลือกเขา เพราะเธอเลือกความตายมาแต่ต้นแล้ว

นพดล เวชสวัสดิ์ แปล ด้วยรัก ความตาย และหัวใจสลาย ให้ซาบซึ้งตามวิถีคนเปลี่ยวในเมืองใหญ่ แบบมุระกะมิ

ลองอ่านนิยายร่วมสมัยที่นักอ่านทั่วโลกรู้จักดู หากไม่เคยอ่าน

• อ่านนิยายรักรันทดกินใจไปแล้ว ลองอีกโครงเรื่องที่เพิ่มความระทึกระหว่างตัวละครที่ต้องเผชิญหน้ากันให้ต้องติดตามด้วยความอยากรู้จุดจบ จากเรื่องของ โชคชะตา สิ่งซึ่งมนุษย์กำหนดเรียกขานขึ้นจากความพยายามเข้าใจเส้นทางชีวิตตัวเอง แต่โชคชะตามีจริงหรือไม่ ผู้ใดตอบได้ หลายเหตุการณ์ หลายกรณี หลายเส้นทางชีวิต และหลายการลงเอย ที่ทั้งสมและไม่สมปรารถนา ผู้คนจึงโยนคำตอบอันอับจนไปที่คำคำนั้น

ผู้เขียน ฮิงาชิโนะ เคโงะ ที่เผื่อนักอ่านไทยยังไม่รู้จัก คือยอดนักเขียนแนวสืบสวนสอบสวนชั้นนำ ซึ่งผลิตงานมาแล้วร่วม 90 เล่ม และแปลไทยมาแล้ว 40 กว่าเรื่องจนมีช่วงที่เรียกว่า “เคโงะฟีเวอร์” หรือไข้เคโงะที่นักอ่านติดกันงอมแงม หากจะให้รู้จักแน่ๆ ก็ต้องบอกว่า นี่คือเจ้าของงานชุดนักสืบ กาลิเลโอ ซึ่งถูกทำเป็นหนังชุดคนติดตึมมาตลอดทุกตอน ทีนี้จะบอกไม่รู้จักก็คงไม่ได้แล้ว

เรื่องนี้เคโงะให้ชายที่จำใจต้องแยกจากหญิงแรกรักเพื่อดิ้นรนฝ่าฟันทางชีวิต จนในที่สุดได้เป็นผู้พิทักษ์สันติราษฎร์ แต่กลับได้พบอีกชายที่เคยเป็นคู่แข่งสมัยเรียน และปัจจุบันคือสามีของหญิงที่เคยเป็นรักแรก หากสภาพที่พบกันอีกครั้งนั้น กลับเป็นสถานะของเจ้าหน้าที่กับผู้ต้องสงสัย นิยายซึ่งดำเนินไปอย่างร้าวรานใจนี้ ชวนติดตามขนาดไหนเห็นได้ชัด

ทินภาส พาหะนิชย์ แปลให้อ่านอย่างเข้าถึงอารมณ์ความรู้สึก

• ไหนๆ ก็ไหนๆ เอางานเคโงะเจ๋งๆ สนุกๆ อีกเล่มแล้วกัน อวตาร คราวนี้ ดนูรัตน์ ทุ่งบูรพา แปลให้อ่านกันแบบติดหนึบ

เรื่องของเด็กสาวมหาวิทยาลัยวัย 18 เมืองซัปโปโรที่ได้ยินมาว่า มีผู้หญิงหน้าตาอย่างกับพิมพ์เบ้าเดียวกับเธอไปออกทีวี ขณะเดียวกับนักศึกษาหญิงวัย 20 ที่มหาวิทยาลัยโตเกียวคนหนึ่ง ซึ่งเป็นนักร้องวงดนตรีสมัครเล่น ถูกแม่สั่งนักสั่งหนาห้ามออกทีวี

อะไรคือสิ่งเชื่อมโยงระหว่างสองสาว นี่คือนิยายตีแผ่อันตรายของวงการแพทย์ปัจจุบัน ที่จะนำเราค้นหาจุดกำเนิดอันน่าพิศวงของสองสาว ที่แม้เติบโตขึ้นอย่างแตกต่าง แต่เกี่ยวพันกันอย่างน่าตื่นเต้น
ลึกซึ้ง

• เช่นเคย อีกสัปดาห์หนึ่งกำลังจะพ้นไปสถานการณ์โรคระบาดยังไม่บรรเทา อีกสัปดาห์กำลังจะมา ความหวังว่าสถานการณ์จะทุเลายังไม่เกิดขึ้นแม้เพียงเลือนราง แต่ยังหวังให้แต่ละสัปดาห์ผ่านไปเร็วขึ้นๆ เพื่อรีบไปถึงวันได้รับวัคซีน รีบถึงวันผู้ป่วยลดอัตราเสียชีวิต ลดอัตราป่วยหนัก หวังว่าหลับตาลงชั่วขณะ แล้วเมื่อลืมตาขึ้น สถานการณ์จะเบาลงแล้ว

ความหวัง ความฝันของผู้คนวันนี้

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image