ติดจุฬาฯเพราะกล้าเสี่ยง เปิดใจ น.ศ.เชียร์นายกฯ ซื้อหนุ่มเมืองจันท์เล่มใหม่ – เผยคะแนนรั้งท้าย แต่ขอคว้าโอกาส
เมื่อวันที่ 28 มีนาคม ที่ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ ชั้น LG ฮอลล์ 5-7 สมาคมผู้จัดพิมพ์และผู้จำหน่ายหนังสือแห่งประเทศไทย (PUBAT) พร้อมด้วยพันธมิตรสำนักพิมพ์ ร่วมจัดงาน “สัปดาห์หนังสือแห่งชาติ ครั้งที่ 52 และสัปดาห์หนังสือนานาชาติ ครั้งที่ 22” ตั้งแต่วันที่ 28 มีนาคม-8 เมษายน
บรรยากาศเวลา 16.20 น. นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง พร้อมด้วย น.ส.สุดาวรรณ หวังศุภกิจโกศล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา เดินทางมาเดินเยี่ยมชมงานมหกรรมสัปดาห์หนังสือแห่งชาติ ท่ามกลางประชาชนเข้ามาขอถ่ายภาพคู่และขอลายเซ็น
จากนั้นเวลา 16.30 น. ที่บูธสำนักพิมพ์มติชน J47 นายเศรษฐาเดินทางมาเลือกซื้อหนังสือ โดย นายมณฑล ประภากรเกียรติ ผู้จัดการสำนักพิมพ์มติชน ให้การต้อนรับ พร้อมแนะนำหนังสือออกใหม่ ทั้ง 14 เล่ม และชี้ไปยังหนังสือเล่มที่นายกฯแนะนำให้อ่านคือ Amidst the New World Order ไทยในระเบียบโลกใหม่ ที่เขียนโดย รองศาสตราจารย์ ดร.ปิติ ศรีแสงนาม
ทั้งนี้ นายเศรษฐาได้เลือกซื้อหนังสือ “ไม่มีโอกาสครั้งสุดท้ายสำหรับโอกาส” โดย หนุ่มเมืองจันท์ ซึ่งเป็นหนังสือเล่มใหม่ของ นายสรกล อดุลยานนท์ หรือ หนุ่มเมืองจันท์ นักเขียนและคอลัมนิสต์ชื่อดัง (ฟาสต์ฟู้ดธุรกิจ) จากการแนะนำของ น.ส.ชนิสรา สุทธิกาญจนวงศ์ หรือ ฟลอเรนซ์ อายุ 18 ปี ว่าที่นักศึกษา ชั้นปีที่ 1 คณะอักษรศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย หลักสูตรนานาชาติ ที่ได้รับแรงบันดาลใจในการสอบเข้ามหาวิทยาลัยด้วยคะแนนรั้งท้ายหลังจากอ่านหนังสือของหนุ่มเมืองจันท์
โดยนายเศรษฐาได้พูดคุยกับแฟนคลับอย่างเป็นกันเอง ก่อนแวะไปยังซุ้มวรรณกรรมรางวัลพานแว่นฟ้าของรัฐสภาและรับมอบหนังสือเป็นที่ระลึก รวมถึงเยี่ยมชมบูธของการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย และถ่ายภาพกับ ตุ๊กตุ๊กจำลอง ทะเบียน สก 2567 ประเทศไทย
เมื่อถาม น.ส.ชนิสรา สุทธิกาญจนวงศ์ หรือฟลอเรนซ์ ว่าเคยเจอนายกฯมาก่อนหรือไม่ รู้สึกอย่างไรที่ได้เจอนายกฯในงานสัปดาห์หนังสือแห่งชาติครั้งนี้
น.ส.ชนิสรากล่าวว่า เอาจริงๆ ตนเป็นแค่เด็กคนหนึ่ง ไม่คิดว่าจะได้เจอกับท่านนายกฯ รู้สึกดีมากที่ท่านมาเดินงานหนังสือ
“มันเหมือนกับว่าท่านให้ความสนใจกับการส่งเสริมเรื่องการศึกษากับเด็ก รู้สึกดีมากที่เด็กรุ่นใหม่ก็หันมาสนใจกับการอ่านหนังสือมากขึ้น
ถือเป็นเกียรติกับทางบูธสำนักพิมพ์มติชนอย่างมาก ที่นายกฯได้มาเยี่ยม และเป็นประสบการณ์ใหม่ๆ ของเราเหมือนกัน” น.ส.ชนิสราเผย
เมื่อสักครู่ได้พูดคุยกับนายกฯว่าอย่างไรบ้าง?
น.ส.ชนิสราเปิดเผยว่า ได้แนะนำหนังสือเล่มหนึ่งซึ่งเป็นหนังสือเล่มใหม่ชื่อว่า “ไม่มีครั้งสุดท้ายสำหรับโอกาส” ของคุณหนุ่มเมืองจันท์
“เป็นเล่มใหม่ที่ออกมาเลย เรารู้สึกว่าตอบโจทย์มากๆ สำหรับเด็กในหลายๆ ช่วงวัย โดยเฉพาะเด็กยุคใหม่อย่างเรา
รู้สึกว่าความจริงแล้วโอกาสไม่ได้เป็นเรื่องยากที่เราจะเข้าหา ถ้าเรามีพื้นที่และมีความมั่นใจในการพัฒนาตัวเอง แล้วคอยยกระดับความตั้งใจและความมั่นใจของเรา ทุกๆ นาทีคือโอกาสสำหรับเราเสมอ” น.ส.ชนิสราชี้
เมื่อถามว่า ส่วนตัวประทับใจอะไรกับเนื้อหาในหนังสือเล่มนี้ถึงอยากพรีเซ็นต์ให้ท่านนายกได้อ่าน และส่วนตัวอยากให้นายกฯโฟกัสนโยบายอะไรเพื่อผลักดันให้โอกาสคนรุ่นใหม่?
น.ส.ชนิสรากล่าวว่า ตนเคยอ่านเล่มก่อนๆ ของหนุ่มเมืองจันท์ รวมถึงเล่มล่าสุดนี้ด้วย แล้วรู้สึกว่ามีบทความหนึ่งที่ชอบมาก ทำให้เราตัดสินใจยื่นเข้าจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยด้วยคะแนนที่ต่ำที่สุด
“เพราะคำว่าโอกาส ทำให้หนูกล้าที่จะเสี่ยง เพราะเราไม่ได้มีศักยภาพมากพอ แต่หนูมั่นใจว่าตัวเองมีความอดทน มีความตั้งใจ และความสามารถมากพอจะเท่าเทียมกับคนอื่น
หนังสือเล่มนี้จึงเป็นหนังสือที่ถูกใจเรา ทำให้รู้สึกว่า ‘เราจะไม่มีทางข้ามมหาสมุทรได้ ถ้าเรายังหันกลับไปมองชายฝั่ง’ มันทำให้เรารู้สึกว่าทุกๆ การก้าวเดินมันคือสเต็ปที่เป็นโอกาสของเราในทุกๆ วัน เราเลยคว้ามันไว้ ถึงแม้ว่าบางทีเราอาจจะรู้สึกว่าเราทำไม่ได้ด้วยซ้ำ แต่ถ้าเราไม่ลอง โอกาสมันจะกลายเป็นศูนย์” น.ส.ชนิสราระบุ
น.ส.ชนิสราเผยอีกว่า ตอนนี้กำลังจะเข้าศึกษาที่คณะอักษรศาสตร์ จุฬาฯ หลักสูตรนานาชาติ ซึ่งตนยังสอบติดคณะนิเทศศาสตร์ รวมถึงรัฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์ หลักสูตรนานาชาติทั้งคู่ด้วย
เมื่อถามต่อว่า ตอนนี้มีหลายตัวเลือก อยากเลือกเรียนคณะอะไรมากที่สุด?
น.ส.ชนิสราเผยว่า ตนจะเลือกเรียนคณะอักษรศาสตร์ เพราะมีความตั้งใจอยากเป็นทูต และตอนนี้ก็กำลังทำแคมเปญเกี่ยวกับสิทธิสตรีและสิทธิเด็กด้วย ผลักดันเรื่องสมรสเท่าเทียม ซึ่ง พ.ร.บ.สมรสเท่าเทียม เพิ่งผ่านสภาไปล่าสุดนี้ด้วย
“เราเลยรู้สึกประทับใจมาก ยิ่งท่านนายกฯมา ก็ยิ่งเป็นก้าวกระโดดอีกขั้นหนึ่งของประเทศเราที่เห็นการพัฒนาในหลายๆ รูปแบบและหลายโอกาส”
ส่วนตัวเห็นความสำคัญของสมรสเท่าเทียมอย่างไร ถึงอยากผลักดันประเด็นนี้?
น.ส.ชนิสรากล่าวว่า เรื่องการสมรสเท่าเทียมควรเป็นสิทธิเสรีภาพขั้นพื้นฐาน เราไม่ควรถูกจำกัดทุกๆ อย่างด้วยคำว่า “เพศ”
“บางทีเราเป็นผู้หญิง แต่เราโดนจำกัดว่าเราไม่สามารถทำอย่างนู้นอย่างนี้ได้ เพราะว่าเราไม่มีสมรรถภาพมากพอ แต่ความจริงแล้วผู้หญิงก็ยังมีจุดที่เรียกว่าละเอียดอ่อนและดีกว่าในหลายๆ รูปแบบและมุมมอง
เราเลยรู้สึกว่า พอมาเป็นหญิงรักหญิง หรือชายรักชาย ไม่ว่าอย่างไรทุกคนคือคนเหมือนกันการที่เราเกิดมาเป็นเพศอะไรที่เราเลือกไม่ได้ ซึ่งไม่ได้มาจำกัดความสามารถของเราในการที่จะรักใคร” น.ส.ชนิสราชี้
เรียกว่าไม่ควรจะมีเส้นแบ่งในเรื่องเพศ มากดขีดความสามารถ หรือศักยภาพ เพราะเพศทางเลือกบางคนก็มีความสามารถและไอเดียที่ดี?
น.ส.ชนิสรากล่าวว่า อย่าง Miss tiffany คนล่าสุด เขาก็เป็นแอร์โฮสเตสในสายการบินอเมริกันเหมือนกัน เรารู้สึกว่าเป็นอีก 1 ปีที่เปิดอะไรใหม่ๆ อย่างมากในสังคมไทย
“มันเริ่มเปิดกว้างมากขึ้น เริ่มมีสิทธิที่เท่าเทียมกันมากขึ้น”
แล้วส่วนตัวอยากเห็นอะไรเกิดขึ้นในสังคมไทยมากที่สุด?
น.ส.ชนิสรากล่าวว่า ความจริงตนอยากเห็นความเท่าเทียมทางการศึกษาเกิดขึ้นในพื้นที่ชนบท หรือชุมชนด้วย
“รู้สึกว่าตอนนี้ความเจริญกองอยู่ที่กรุงเทพฯซึ่งอาจจะเป็นเรื่องปกติเพราะเป็นศูนย์กลางของการทำทุกอย่างแต่ก็ยังอยากเห็นความเจริญในแถบ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ เรื่องระบบสาธารณสุขที่ดียิ่งขึ้นในจังหวัด 3 ชายแดนภาคใต้ที่เขาต้องการความช่วยเหลือ อยากให้รัฐบาลกระจายอำนาจเข้าไปดูแลเรื่องโรงพยาบาลของรัฐบาล และปรับปรุงสถานอนามัยในกรุงเทพฯให้เทียบเท่ากับโรงพยาบาลเอกชน ถ้าทำได้ก็จะดีมาก” น.ส.ชนิสราเผย
ในเบื้องต้นคิดว่าถ้ามีงานหนังสือในลักษณะนี้กระจายไปทั่วประเทศก็น่าจะช่วยบูสต์อะไรบางอย่างได้หรือไม่?
น.ส.ชนิสรากล่าวว่า แน่นอน รู้สึกว่าคนส่วนใหญ่ชอบอ่านหนังสืออยู่แล้ว แต่บางทีเขาอาจจะเข้าไม่ถึงเรื่องความรู้ หรือติดขัดเรื่องทรัพย์สิน ซึ่งการซัพพอร์ตเด็กในเรื่องการอ่านหนังสือ ไม่ว่าจะเป็นหนังสืออ่านเล่นหรือหนังสือและประวัติศาสตร์การเมืองแบบผู้ใหญ่ ก็เป็นอีกอย่างที่ทำให้เด็กได้รับความรู้มากขึ้น
“ไม่ว่าจะวัยไหนหรือเพศอะไร หนังสือเป็นอีกหนึ่งภาษาที่คุยได้กับทุกคนและเป็นสิ่งที่น่าลงทุนมากๆ” น.ส.ชนิสรากล่าวทิ้งท้าย
อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง
