รมว.ศธ. เปิดงานหนังสือ หวังสร้างสังคมรักการอ่าน-มั่นใจหนังสือคุณภาพไม่มีวันหายจากตลาด

วันที่ 17 ตุลาคม ที่ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ นายแพทย์ ธีระเกียรติ เจริญเศรษฐศิลป์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ ประธาน เปิดงานมหกรรมหนังสือระดับชาติ ครั้งที่ 23 และ เทศกาลหนังสือเด็กและเยาวชน ครั้งที่ 12 ภายใต้แนวคิดสำคัญคือ “อ่านออกเสียง” พร้อมมอบโล่แก่ผู้สนับสนุนการจัดงาน


นพ.ธีระเกียรติ กล่าวว่า เรื่องการอ่านหนังสือของประเทศ เราโชคดีที่มีนายกรัฐมนตรีที่ชอบการอ่าน แต่ลำพังนายกฯ คนเดียวคงไม่เพียงพอ ต้องทำให้พวกเราทุกคนชอบอ่านหนังสือ ทำให้หนังสือเข้าถึงได้ง่าย แต่ที่น่าแปลกใจมากคือ หนังสืออีบุ๊กมันพุ่งทะยานแค่ช่วงแรกๆ สุดท้ายหนังสือก็กลับมา เพราะเขาพบว่าคนรักหนังสือต้องการที่จะสัมผัสหนังสือ และจะปฏิบัติหนังสือเหมือนเป็นครู แต่อีบุ๊กเหมือนเป็นที่เก็บเอาไว้ ยิ่งหนังสือที่ซีเรียสจะพบความต่างกันในเรื่องของความจำได้และความเข้าใจของอีบุ๊กจะน้อยกว่าหนังสืออย่างมีนัยยะสำคัญ

“แม้โลกจะเปลี่ยนดิจิทัลอาจทำให้การอ่านสะดวกขึ้น แต่หนังสือจะยังคงอยู่ ดังนั้นสมาคมทั้งหลายที่มีหนังสืออย่าเพิ่งไปเชื่อว่าหนังสือจะหายไปจากตลาด ถ้ามันจะหายไปในที่สุดก็เป็นเรื่องคุณภาพ แต่คนที่ยังพิมพ์หนังสือที่มีคุณภาพดีจะอยู่ได้”

นพ.ธีระเกียรติ ให้สัมภาษณ์เพิ่มเติมว่า อยากเชิญชวนให้ทุกคนมาร่วมงานหนังสือครั้งนี้ เพราะการอ่านเป็นงานที่เราต้องทำเพื่อความรู้และความเจริญให้ตัวเองและการเรียนรู้ผ่านจอไม่สามารถทดแทนได้ทั้งหมด หนังสือจึงมีความจำเป็นอยู่ ส่วนตัวผมมักจะเเอบมาอยู่หลายครั้ง ซึ่งงานครั้งนี้ยังมีธีมเรื่องการอ่านออกเสียง ซึ่งเป็นเทคนิคที่ดีเวลาอ่านเเล้วง่วง หรือไม่เข้าใจก็ให้อ่านออกเสียง เพราะเหมือนเราได้ฟังได้ด้วย แล้วการอ่านหนังสือไม่ใช่แค่อ่านออกเสียงอย่างเดียว แต่ต้องอ่านเเล้วเข้าใจด้วย

Advertisement

สุชาดา สหัสกุล นายกสมาคมผู้จัดพิมพ์และผู้จัดจำหน่าย หนังสือแห่งประเทศไทย กล่าวว่า การจัดงานครั้งนี้นับเป็นงานแสดงหนังสือระดับชาติที่ได้รับความสนใจและได้รับการตอบรับที่ดีจากคนรักการอ่านมาโดยตลอด และจัดต่อเนื่อง 12 วัน โดยในปีนี้มีสำนักพิมพ์ที่ตอบรับเข้าร่วมงาน 376 ราย รวมทั้งสิ้น 391 บูธ ภายใต้แนวคิด อ่านออกเสียง ซึ่งการอ่านออกเสียงดังจะช่วยให้มีสมาธิจดจำเนื้อหาได้ง่าย และสามารถเเลกเปลี่ยนความคิดเห็นซึ่งกันและกัน

“ในฐานะองค์กรที่มีภารกิจสำคัญในการส่งเสริมการอ่านได้เล็งเห็นว่าหนังสือและการอ่านถือเป็นส่วนหนึ่งในการสร้างประเทศให้มั่นคง เพราะคนเป็นทรัพยากรที่สำคัญในการสร้างประเทศ ซึ่งการอ่านมากขึ้นก็จะมีความรู้ ความคิดและวิจารณญาณ ดังนั้นจึงควรส่งเสริมให้คนไทยอ่านหนังสือมากขึ้นกว่านี้ โดยงานมหกรรมหนังสือระดับชาติครั้งนี้จัดขึ้นพร้อมงานเทศกาลหนังสือเด็กและเยาวชน ทำให้งานครั้งนี้เป็นงานสำหรับทุกเพศทุกวัยอย่างแท้จริง นอกจากนี้ยังมีการจัดนิทรรศการอีกมากมาย และได้รับการสนับสนุนจากหน่วยงานทั้งภาครัฐและเอกชนด้วย” นางสุชาดา กล่าว

จากนั้นประธานในพิธีและคณะได้เดินเยี่ยมชมนิทรรศการ ‘หนังสือสาบสูญ 3018’ ที่นำเสนอในลักษณะของ “Interactive exhibition” ทำให้ผู้ชมหรือผู้อ่านได้มีส่วนร่วมในการเขียนหนังสือของโลกอนาคต, นิทรรศการ Wonder land ดินแดนค้นพบตัวตน, นิทรรศการท่องโลกมหัศจรรย์ของ Hosoba mamoru จากภาพฝันสู่แผ่นฟิล์ม และนิทรรศการ สื่อสิ่งพิมพ์จีนสัญจร เอเชียตะวันตกเฉียงใต้ ครั้งที่ 2


ผู้สื่อข่าวรายงานว่า บรรยากาศภายในงานเป็นไปอย่างคึกคักมีประชาชนเข้าร่วมงานต่อเนื่องตลอดทั้งวัน โดยที่บูธมติชน โซนพลาซ่า มีผู้เข้ามาซื้อหนังสือจำนวนมากโดยเฉพาะหนังสือหมวดประวัติศาสตร์และการเมืองได้รับความสนใจมากเป็นพิเศษ

เอมอร ส่องสว่าง ผู้จัดการฝ่ายขายพิเศษ บริษัทงานดี จำกัด ในเครือมติชน กล่าวว่า ในส่วนของบูธมติชนตลอดจนของที่ระลึกในปีนี้เป็นการออกแบบของอเล็กซ์ เฟซ(Alex Face) ศิลปินสตรีทอาร์ตแนวหน้าของเมืองไทย โดยเพิ่มความเข้มข้นกว่าเดิมในคอนเซ็ปต์ “Readvolution เปลี่ยนความคิด เปลี่ยนชีวิต เปลี่ยนอนาคต” เนื้อหาก็จะมีความหนักแน่น เข้มข้น เกรี้ยวกราดขึ้น ซึ่งเข้ากับหนังสือใหม่ที่สำนักพิมพ์มติชนนำเสนอมา โดยครั้งนี้จะเน้นที่หนังสือการเมืองเพราะใกล้เข้าสู่วันเลือกตั้งแล้ว เช่น หนังสือ “เผด็จการวิทยา” โดย อ.พิชญ์ พงษ์สวัสดิ์, หนังสือ “การเมืองภาคประชาชน” โดย อุเชนทร์ เชียงเสน, หนังสือ “เลือดสีน้ำเงิน ประวัติศาสตร์ฝ่ายขวา” โดย ปฐมาวดี วิเชียรนิตย์, หนังสือ “ประวัติศาสตร์สำเหนียก” โดย ภิญญพันธุ์ พจนะลาวัณย์ และที่เป็นไฮไลน์ขายดีที่สุดในขณะนี้คือ หนังสือ “ปักธงอนาคต The Future is Ours” ของ นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ โดย “เจนวิทย์ เชื้อสาวะถี” ซึ่งทั้ง 5 เล่มนี้มีการจัดชุดโปรโมชั่นราคาพิเศษ 1,200 บาท จากราคา 1,410 บาท พร้อมกระเป๋า Mardi Tote 1 ใบ นอกจากนี้ยังมีงานแปลอีกหลายเล่มที่มีเนื้อหาเข้มข้น โดยจะมีการจัดเซตพิเศษรวมหนังสือใหม่อีกหลายชุดพร้อมของที่ระลึกด้วย


“ที่สำคัญคือปีนี้เรามีหนังสือที่ได้รับรางวัลวรรณกรรมสร้างสรรค์ยอดเยี่ยมแห่งอาเซียน หรือ “ซีไรต์” ประเภทนวนิยาย ประจำปี พ.ศ.2561 คือหนังสือ “พุทธศักราชอัสดงกับทรงจำของทรงจำของแมวกุหลาบดำ” โดย วีรพร นิติประภา ซึ่งถือเป็นดับเบิ้ลซีไรต์ต่อจาก “ไส้เดือนตาบอดในเขาวงกต” ที่คว้าซีไรต์เมื่อปี 2558 โดยเราจะจัดเป็นมุมซีไรต์ขึ้นภายในบูธ และจะมีการแจกลายเซ็นอีกหลายวันตลอดการจัดงาน ร่วมกับนักเขียนฝีมือดีของมติชนหลายท่าน ในส่วนของผู้ร่วมงานส่วนใหญ่จะเป็นคนที่ตั้งใจมาแล้วว่าจะซื้อหนังสือเล่มไหนบ้าง โดยคาดว่าช่วงวันศุกร์-วันอาทิตย์ น่าจะมีผู้มาร่วมงานจำนวนมาก” นางเอมอร กล่าว

สำหรับงานมหกรรมหนังสือระดับชาติ ครั้งที่ 23 และ เทศกาลหนังสือเด็กและเยาวชน ครั้งที่ 12 จัดขึ้นระหว่างวันที่ 17-28 ตุลาคม ที่ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ ตั้งแต่เวลา 10.00-21.00น. โดยวันที่ 18 ตุลาคม จะมีกิจกรรมพบปะนักเขียนที่บูธ มติชน เวลา 17.00-18.00น. พบนายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ กับหนังสือ “ปักธงอนาคต The Future is Ours” และเวลา 17.30-18.30น.พบกับ วีรพร นิติประภา กับหนังสือ “พุทธศักราชอัสดงกับทรงจำของทรงจำของแมวกุหลาบดำ” เเละ“ไส้เดือนตาบอดในเขาวงกต” จากนั้นเวลา 19.00-20.00 น. มีกิจกรรมการเสวนาซีไรต์ โดยวีรพร ที่เวทีเอเทรียม

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image