“พปชร” ซัดเพื่อไทยอย่าออกตัวแรง ใบแดงยังมี หยุดอ้างวาทกรรมประชาธิปไตย สร้างความแตกแยก(มีคลิป)

 

เมื่อเวลา 16.00 น. ที่พรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) นายอุตตม สาวนายน หัวหน้าพรรค พปชร. แถลงถึงความคืบหน้าในการรวมเสียงจัดตั้งรัฐบาลว่า พรรค พปชร.อยู่ในช่วงดำเนินการหารือกับพรรคการเมืองอื่นๆ ที่จะนำไปสู่การจัดตั้งรัฐบาล พรรค พปชร.มีจุดยืนที่ชัดเจนว่าการดำเนินการของเราต้องมีความชัดเจนเรื่องของคะแนนก่อน แต่วันนี้คะแนนเสียงจาก กกต.ยังไม่ได้ออกมาอย่างเป็นทางการ ดังนั้น พรรค พปชร.จะดำเนินการหารือกับพรรคอื่นต่อไป เราเชื่อว่ายังมีเวลาที่จะหารือดำเนินการให้เกิดความรัดกุม และเป็นประโยชน์สูงสุดกับประชาชนที่มาลงคะแนนเลือกตั้งครั้งนี้ และคาดหวังว่าการจัดตั้งรัฐบาลจะเป็นราบรื่น ทั้งนี้ เราได้พูดคุยกับพรรคจำนวนหนึ่ง ซึ่งขนาดแตกต่างกัน มีทั้งพรรคขนาดใหญ่ และพรรคขนาดเล็ก

ผู้สื่อข่าวถามว่า ขณะนี้รวมเสียงได้เท่าไรแล้ว นายอุตตม กล่าวว่า ยังอยู่ในกระบวนการ วันนี้ยังไม่มีกลุ่มไหนที่พูดได้จริงว่าได้คะแนนเสียงเท่าไร เพราะ กกต.ยังไม่ได้เปิดเผยออกมาอย่างเป็นทางการ ตอนนี้ใครมาบอกว่าได้คะแนนเสียงเท่าไรจะพูดก็พูดได้ แต่เป็นการเข้าใจของตัวเอง ไม่ใช่ทางการ

“วันนี้ตัวเลข ส.ส.ยังไม่นิ่งเลย ที่มีการประกาศตั้งขั้ว ตั้งซีก แล้วถ้าได้ใบแดงขึ้นมา มันเปลี่ยนได้เลยเหมือนกัน เราจึงไม่ให้ความสำคัญเรื่องนี้เท่าไร แต่เรามาทำงานของเราโดยการเตรียมให้พร้อม จนเมื่อตัวเลขนี้ก็จะสามารถเดินหน้าได้เลย ไม่จำเป็นต้องไปแถลงนู่นนี่นั่น”นายอุตตม กล่าว

Advertisement

เมื่อถามว่า การรวมเสียงจะต้องทำให้เกิด 250 เสียงหรือไม่ นายอุตตม กล่าวว่า วันนี้ยังอยู่ในกระบวนการ ยังมีเวลา เราจะทำต่อเนื่อง เพื่อรวบรวมให้ได้มากที่สุด

เมื่อถามว่า พรรคที่ไปคุย มีพรรคใดที่ไปร่วมเปิดตัวกับพรรคเพื่อไทยด้วยหรือไม่ นายอุตตม กล่าวว่า ตอนนี้ยังไม่มีข้อสรุปใดๆ ทั้งนั้น เราได้เริ่มพูดจาแล้ว และดำเนินต่อ เพราะถือว่าเวลายังมี ไม่จำเป็นต้องรีบร้อนเกินไป เมื่อทำแล้วต้องทำให้ออกมาดีๆ

เมื่อถามว่า มีข่าวว่ามีการเจรจาต่อรองเก้าอี้รัฐมนตรีแล้ว นายอุตตม กล่าวว่า ยังไม่ถึงขั้นนั้น เพราะตอนนี้ยังพูดคุยกันเบื้องต้น ยังไม่มีอะไรตายตัว ยังไม่สามารถพูดคุยถึงตำแหน่งเก้าอี้กันได้

เมื่อถามว่า ที่พรรค พปชร.ตั้งเป้าว่าต้องเป็นรัฐบาลเสียงข้างมากยังยืนยันเช่นนั้นหรือไม่ นายอุตตม กล่าวว่า เราตั้งเป้าว่าจะรวมเสียงให้ได้มากที่สุด

เมื่อถามว่า ได้พูดคุยกับพรรคภูมิใจไทย และพรรคเศรษฐกิจใหม่หรือไม่ นายอุตตม กล่าวว่า ได้พูดคุยกับหลายพรรค แต่ยังไม่ขอเปิดเผยว่าเป็นพรรคใดบ้าง แต่เรามีความมั่นใจว่าจะรวมเสียงจนจัดตั้งรัฐบาลได้ ส่วนจะได้เสียงเท่าไรต้องรอดู โดยจะพยายามรวบรวมเสียงให้ได้มากที่สุด และเราคงไม่ตั้งเป้าว่าเราจะเป็นรัฐบาลเสียงข้างมากหรือข้างน้อย เพราะเราต้องฟังจากพรรคการเมืองอื่นที่มาร่วมหารือกัน

เมื่อถามว่า นายมิ่งขวัญ แสงสุวรรณ์ หัวหน้าพรรคเศรษฐกิจใหม่ ไม่ได้แถลงกับพรรคเพื่อไทย ทางพรรค พปชร.ได้ไปพูดคุยหรือไม่ นายอุตตม กล่าวว่า ยังอยู่ในกระบวนการ ขอสงวนชื่อไว้ก่อนว่ามีพรรคไหนบ้าง ต้องให้เกียรติ และให้เขาตัดสินใจ

ต่อข้อถามว่า ก่อนหน้านี้นายมิ่งขวัญ เคยวิพากษ์วิจารณ์นโยบายค่าแรงขั้นต่ำของพรรค พปชร. แล้วจะร่วมรัฐบาลกันได้หรือไม่ นายอุตตม กล่าวว่า การแสดงความเห็นของตัวแทนพรรคการเมืองต่างๆ พูดได้ แต่ถึงเวลาเจรจาพูดคุยกันมันมีเวลาที่จะลงรายละเอียดกว่านั้น ส่วนที่พรรคภูมิใจไทยเสนอนโนบายกัญชาเสรีซึ่งไม่ตรงกับแนวทางพรรค พปชร.นั้น หากต้องมาร่วมรัฐบาลก็ต้องมาพูดคุยกัน เพราะพรรค พปชร.มีแนวทางสนับสนุนให้ใช้กัญชาในทางการแพทย์ ส่วนรายละเอียดอื่นๆ จะต้องมาคุยกันอีกที เช่นเดียวกับหลายนโยบายของพรรคการเมืองหากต้องร่วมรัฐบาลก็ต้องคุยกันให้เข้าใจกันเสียก่อน

ด้านนายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ เลขาธิการพรรค พปชร. กล่าวว่า วันนี้ที่พูดกันบอกรวมเสียงได้ก็ยังไม่รู้ว่าเสียงที่ชัดเจนจริงเท่าไร เพราะกกต.ยังไม่ได้แถลงชัดเจน พรรคที่บอกได้เท่านั้นเท่านี้จริงๆ ก็ยังไม่รู้เท่าไร เพราะตัวเลขเปลี่ยนทุกวัน ดังนั้น ที่เกิดการรวมตัวกัน เป็นกลไกทางการเมืองเพื่อจะแสดงความชอบธรรม แต่ข้อเท็จจริงความชอบธรรมที่แสดงนั้น ยังไม่มีที่มาของข้อมูลที่ถูกยืนยัน การดำเนินการแบบนี้เป็นการพยายามช่วงชิง พยายามสร้างตัวเองเป็นกลุ่มที่รวบรวมเสียงข้างมากได้ ถ้าดูการแถลงแล้วยังไม่แน่นอนเลยว่าจะมีกี่พรรคเข้าร่วม เป็นเพียงการฉกฉวยบนสถานการณ์ฉุกเฉินที่จะทำให้รู้สึกว่ามีความชอบธรรม ซึ่งกระบวนการยังไม่เสร็จสิ้น คะแนนยังไม่ออกเลย และระยะเวลามีเวลาที่จะดำเนินการมีมากพอสมควร ประกอบกับผลการนับครั้งนี้ ต่างจากอดีตในการตั้งรัฐบาล พรรค พปชร.ให้ความสำคัญสิ่งเหล่านี้ เราดำเนินการตามเหมาะสมและเป็นจริง เรามั่นใจว่าจะเป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาล เพียงแต่ตอนนี้ยังไม่ใช่เวลาที่จะมาอ้างประกาศชัยชนะ ทั้งที่สถานการณ์ยังไม่มีอะไรเป็นที่ยุติ

นายสนธิรัตน์ กล่าวว่า หยุดได้แล้วการกับอ้างว่าเป็นฝ่ายประชาธิปไตย เพราะการเลือกตั้งครั้งนี้ไม่ว่าใครได้คะแนนเสียงเท่าไรก็ตาม ทุกคนเข้าสู่การเลือกตั้งตามระบอบประชาธิปไตย ถ้าไม่ใช่ประชาธิปไตยก็ต้องไม่ลงแข่งขันตั้งแต่วันแรก หากคิดว่านี่คือเผด็จการและการสืบทอดอำนาจพรรคเหล่านั้นก็ไม่ต้องลงเลือกตั้งครั้งนี้ แต่พรรคเหล่านั้นกลับกระเหี้ยนกระหือรือที่จะเอาชนะการเลือกตั้ง แต่ระหว่างที่รณรงค์หาเสียงและเมื่อผลการเลือกตั้งออกมากลับใช้วาทกรรมประชาธิปไตยเข้าข้างตัวเอง จึงถามว่าคนเหล่านี้จะไม่เคารพเสียงประชาชนที่เลือกพรรค พปชร. 7.9 ล้านเสียงเลยหรือ เสียงประชาชนที่เป็นประชาธิปไตยคือ เสียงที่พวกเขาได้ประโยชน์เท่านั้นหรือ 7.9 ล้านเสียงที่เลือกพรรค พปชร.ไม่มีสิทธิไม่มีเสียงอย่างนั้นหรือ และอีกประมาณ 7.9 ล้านคนที่ไม่ได้ไปแถลงข่าววันนี้ไม่ใช่ฝั่งประชาธิปไตยหรือ เพราะประชาธิปไตยที่แท้จริงคือการเคารพเสียงของทุกคน แล้วใช้สิทธิอะไรมาเรียกตัวเองว่าฝ่ายประชาธิปไตย เรียกคนอื่นที่ไม่เลือกตัวเองว่าไม่ใช่ฝั่งประชาธิปไตย

“ผมว่าเป็นการดูถูกพี่น้องประชาชน อ้างประชาธิปไตยเพื่อสร้างความแตกแยกในบ้านเมือง ประชาธิปไตยอย่างนี้ไม่ใช่ประชาธิปไตยเพื่อประโยชน์สุขของบ้านเมือง แต่เพื่อพวกพ้อง อยากวิงวอนขอให้หยุด เพราะสิ่งที่พวกท่านทำนั้นไม่ได้เรียกว่าประชาธิปไตย วันนี้บรรยากาศประชาธิปไตยกำลังเดินหน้าด้วยดี ซึ่งเราต้องเคารพทุกเสียงที่ได้ตัดสินใจ พรรค พปชร. เดินตามครรลองประชาธิปไตย เพียงแต่เห็นว่าบุคคลที่เหมาะสมในสถานการณ์นี้คือ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ยืนยันว่าเราเป็นพรรคประชาธิปไตยเพื่อประชาชน มีพยายามให้ประเทศเดินหน้า ไม่สร้างวาทกรรมแบ่งแยกจนเกิดความรู้สึกคนละฝั่งคนละฝ่าย”นายสนธิรัตน์ กล่าว

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image