“อย่าได้ยินแต่เรื่องที่ตนเองอยากได้ยิน” จดหมายถึงท่านนายกฯ ประยุทธ์

ณ สถานการณ์ปัจจุบัน คงไม่ผิดถ้าจะบอกว่าท่านนายกฯ ประยุทธ์อยู่ในฐานะที่มีแต้มต่อนายกฯ คนก่อนๆ ไม่น้อย ด้วยการสนับสนุนจากทุกภาคฝ่ายและสถาบันต่างๆ ที่เป็นพื้นฐานที่สำคัญของความมั่นคงในเสถียรภาพของท่านและรัฐบาล คนธรรมดาอย่างเราๆ จึงได้มีความคาดหวังจากท่านมากเสียเหลือเกินในการนำพาประเทศฝ่าฟันมรสุมทางเศรษฐกิจที่กำลังรุมเร้าหลายๆ ประเทศและภูมิภาคทั่วโลก

โดยเฉพาะประเทศไทย นอกจากปัจจัยภายนอกที่ไม่ค่อยเอื้อแล้ว ปัญหาค่าเงินบาทแข็ง ส่งออกกระทบ ท่องเที่ยวตกต่ำ ตัวเลขการลงทุนจากต่างประเทศก็ต่ำลง ซึ่งผมก็หวังว่าจะมีแนวโน้มดีขึ้นจากเสถียรภาพทางการเมืองที่มั่นคงขึ้น รวมทั้งการบริโภคภายในที่หดตัวและหนี้ครัวเรือนที่สูงขึ้นอย่างต่อเนื่องเป็นไตรมาสที่ 8 แล้วจากปี 2560 นี่ยังไม่นับปัญหาหนี้ NPL ของ SME และรายย่อยอีกเยอะที่ต้องรีบจัดโครงสร้างหนี้ก่อนอัดเงินกู้พิเศษเพิ่มให้พวกเค้าได้ลืมตาอ้าปาก เมื่อนักท่องเที่ยวลดลงร้านค้าจำนวนมากก็ปิดตัว ตลาดหลายแห่งถูกย้ายจากที่ที่มีคนซื้อจำนวนมากให้ไปอยู่ในที่ไกลๆ โดยอ้างว่าเป็นการจัดระเบียบ การแจกเงินให้บัตรคนจน ก็ทำให้เกิดการใช้จ่ายชั่วคราว แถมคนยังเอาเงินไปใช้ในธุรกิจรายใหญ่ไม่กี่ราย

ปัญหาที่เราเจอต้องนับว่าหนักหนาสาหัสอยู่นะครับ คนไทยกว่า 70 ล้านคนก็หวังพึ่งท่านนายกฯ และทีมงานในการวางกลยุทธ์ทั้งระยะสั้น ระยะยาว เพื่อจัดการปัญหาเหล่านี้ แต่ผมกลัวจริงๆ ที่นายกฯ ของเราจะตกกับดักคลาสสิคของผู้นำหลายคนในประวัติศาสตร์ที่ตกเป็นเหยื่อของอาการ “อยากจะได้ยินแต่สิ่งที่ตนเองอยากได้ยิน”

ท่านผู้อ่านคงเคยได้ยินนิทานเรื่อง Emperor’s New Clothes อันว่าด้วยเรื่องของจักรพรรดิสมมุติองค์หนึ่งซึ่งแสวงหาชุดที่สวยที่สุดเพื่อสวมใส่ในพิธีสำคัญ แต่กลับต้องอับอายต่อหน้าประชาชนทั้งเมืองเพราะโดนช่างตัดเสื้อกำมะลอหลอกถวายอาภรณ์ที่ไม่มีจริงให้สวมใส่ และแทนที่จักรพรรดิองค์ดังกล่าวจะเชื่อในเสียงทักของประชาชน กลับเลือกที่จะฟังเสียงชมเชยจากเสนาบดีที่ปรึกษาสนิทๆ รอบตัวของตน ซึ่งก็สอพลอตามน้ำไป จนต้องทำทีชมเชยว่าชุดนี้สวยสมราคา

Advertisement

ที่ผมยกนิทานเรื่องนี้ขึ้นมาเป็นตัวอย่างก็เพราะผมไม่อยากเห็นท่านนายกรัฐมนตรี ประยุทธ์ กลายเป็นเช่นจักรพรรดิในนิทานเรื่องนี้เลย ลองนึกภาพเมื่อท่านนายกฯ อยู่บนยอดสูงสุดของปิรามิด ความท้าทายของการรักษาอำนาจก็คือการรักษาฐานสนับสนุนชั้นถัดๆ ไป การปกป้องแนวคิดและยอมฟังคนที่สนับสนุนสอพลอท่านกลายเป็นสิ่งจำเป็นที่ต้องทำ ซึ่งพิสูจน์มาแล้วว่าสุดท้ายคือต้นเหตุของความเสื่อมและนำไปสู่การล่มสลายของอำนาจและการปกครอง ไม่ต่างกับผู้นำหลายๆ คนในประวัติศาสตร์โลกที่ตกเป็นเหยื่อเพราะไม่เปิดใจที่จะรับฟังเสียงจากกลุ่มอื่นๆ ที่อยู่รอบนอก หรือเสียงที่คนใกล้ตัวอาจไม่อยากให้ได้ยิน

ยกตัวอย่างล่าสุดกับนโนบายเรื่องการปล่อยฟรีวีซ่าให้นักท่องเที่ยวจากจีนและอินเดียที่นับเป็นตลาดที่ใหญ่มากของอุตสาหกรรมท่องเที่ยวของเรา เป็นนโยบายที่ออกมาจากคณะรัฐมนตรีด้านเศรษฐกิจที่ท่านประยุทธ์นั่งเป็นประธานเอง แม้จะถูกมองเป็นมาตรการระยะสั้น แต่ในสถานการณ์ตอนนี้การที่นักท่องเที่ยวหลายล้านคนจะนำเงินหลายหมื่นบาทต่อหัวเข้ามาใช้ย่อมส่งผลดีกับผู้ประกอบการในประเทศ มีการจับจ่ายใช้สอย เกิด multiplying effect ดีกว่าการแจกเงิน 500 บาทต่อหัวแน่นอน แต่นโยบายดังกล่าวกลับกลายเป็นเหมือนแค่การโยนหินถามทางแบบเบาๆ สุดท้ายขึ้น ครม ใหญ่กลับโดนตีตกจากคนใกล้ตัวเพราะมีการเอาเหตุผลด้านความมั่นคงมาอ้าง

ท่านผู้อ่านลองดูสิครับ เวลาเราลงเครื่องเห็นนักท่องเที่ยวต่อคิวทำ Visa on Arrival ยาวเหยียดกันเป็นชั่วโมง ประสบการณ์ที่เค้าเจอกับด่านแรกของการเข้าประเทศมันแย่ขนาดนั้นใครเค้าจะอยากจะมาเที่ยวอีกหรือแนะนำให้ญาติพี่น้องมา แต่ดันมีบริการพิเศษขายบัตรพวก fast track สำหรับคนทำ Visa on Arrival ดูแล้วไม่ค่อยดีครับ ทำให้ประชาชนเค้าตีความกันไปต่างๆ นาๆ สงสัยกันว่าผลประโยชน์มหาศาลตรงนี้ไปตกที่ใคร
ตอนนี้ ท่านก็จัดการเรื่องความมั่นคงทางการเมืองจนสำเร็จ แถมยังไม่เห็นวี่แววว่าฝ่ายไหนจะมาล้มล้างท่านได้ ถึงเวลาที่ท่านจะเอาเวลาและความมุ่งมั่นที่จะทำเพื่อประเทศชาติอย่างที่ประกาศไว้ มาแก้ปัญหาปากท้องของประชาชน ผมไม่อยากใช้แม้กระทั่งคำว่าเราจะสร้างความมั่งคั่งของประเทศ ขอแค่แก้ปัญหาการมีกินมีใช้ของประชาชนให้สำเร็จก็ถือว่าสำเร็จมากแล้ว ณ ภาวะนี้

Advertisement

สถานการณ์เศรษฐกิจตอนนี้เป็นช่วงเวลาที่ท่านนายกฯ และทีมที่ปรึกษาของท่านต้องเรียกว่า “งัดของดี” ออกมาใช้ให้หมด ไม่ว่าจะเป็นนโยบายใหม่ที่ทีมท่านคิดเองหรือนโยบายเก่าๆ ของรัฐบาลยุคก่อนๆ ที่เคยใช้งานได้ดี ไม่ต้องไปกังวลหรือกลัวถูกหาว่าเลียนแบบนโยบายของยุคทักษิณหรือยิ่งลักษณ์ หรือรัฐบาลยุคไหน อย่าเอาประเด็นการเมืองมาเป็นตัวปิดกั้นการเลือกของดีมาใช้ นโยบายประเภทประชานิยม จำนำ ประกัน ฯลฯ เลือกเอามาใช้เถอะครับ ที่ไหนๆ เค้าก็ใช้กัน ผมเชื่อว่า ประชาชนจะเข้าใจว่าท่านนายกฯ เปิดกว้างและทำเพื่อประโยชน์สูงสุดกับประชาชนคนไทย แต่ถ้าท่านมัวฟังคนรอบข้างปั่นหัวหาว่ากลืนน้ำลายตัวเองหรือเปล่าที่จะเอานโยบายพวกนี้มาใช้ สุดท้าย ของดีหลายๆ อย่างก็อาจถูกปัดตกไปอย่างน่าเสียดาย

นอกจากการเปิดใจกว้างไม่ยึดติดกับการเมืองน้ำเน่าเดิมๆ แล้ว อีกเรื่องหนึ่งที่ผมอยากชี้นำให้ท่านนายกฯ ได้พิจารณาคือการรับฟังเสียงจากกลุ่มธุรกิจระดับกลางและเล็กบ้าง แทนที่จะรับฟังแต่เสียงกลุ่มธุรกิจทุนใหญ่ยักษ์เพียงไม่กี่รายที่เข้าถึงตัวท่านได้ง่ายกว่าคนอื่นๆ

ในภาวะแบบนี้ ผู้นำแบบท่านนายกฯ ที่มีทั้งอำนาจ ความมั่นคง และผู้สนับสนุนจากทุกส่วนรวมถึงภาคเอกชนรายใหญ่ หากท่านหันมาขับเคลื่อนด้วยตัวเอง เริ่มจากสั่งให้ทีมงานจัดให้ท่านมีโอกาสคุยกับคนกลุ่มอื่นๆบ้าง ทั้งพ่อค้า แม่ค้า ธุรกิจขนาดเล็ก หรือนักธุรกิจกลุ่มใหม่ๆที่ท่านไม่ค่อยมีโอกาสได้เจอ เรียกนายแบงค์ต่างๆ มานั่งคุย เรียกนักวิชาการเศรษฐกิจที่เห็นต่างมาฟังข้อเสนอ และจะดีไม่น้อยถ้าท่านนายกฯ จะสั่งให้ทีมงานทำข้อมูลมาดูว่าธุรกิจที่ยังมีการขยายกิจการตอนนี้กระจุกตัวอยู่แค่ในไม่มีกลุ่มหรือมีการกระจายตัวตามนโยบายที่อยากจะลดช่องว่างระหว่างคนรวยคนจน

ถ้าติดตามข่าวผลงานหน่วยงานรัฐที่รับผิดชอบด้านเศรษฐกิจ หรือแผนงานของคณะกรรมการต่างๆที่มีตั้งมากมาย ไม่เห็นมีแผนอะไรที่จะสร้างความมั่นใจว่าจะแก้วิกฤติได้ ยังทำงานกันแบบไม่ได้อยู่ใน urgency หรือภาวะเร่งด่วน ยังใช้รูปแบบเดิมๆในการทำงาน จะดีมากครับถ้าท่านจะถกแขนเสื้อแล้วลงมาสั่งการให้คณะกรรมการเหล่านี้เรียกประชุมกับหน่วยงานที่รับผิดชอบ สภาพัฒน์ฯ สภาอุตสาหกรรม ตัวแทนสมาคมธุรกิจต่างๆ เรียกมาให้หมด มาชี้แจงภาพปัญหาที่แท้จริง สั่งการไปเลยว่าให้ใครเอานโยบายอะไรไปใช้ไปดำเนินการแล้วมารายงานผล อย่างปล่อยให้เป็นการทำงานในรูปแบบของแค่มีวาระการประชุมแบบลอยๆ แต่ไม่มี action plan ที่ชัดเจน ไม่มีการกำหนดการให้คุณให้โทษ

มีการเรียกร้องให้ทุกฝ่ายคิดนอกกรอบกันบ้าง อย่าไปเช้าชาม เย็นชาม ปัญหาขนาดนี้แก้ไม่ได้ด้วยวิธีคิดเดิมๆ หรอกครับ นโยบายการเงินต่างๆ สั่งไปเลยครับ เรียกนายแบงค์ทุกคนมานั่งขอความเห็นร่วมกับธนาคารแห่งประเทศไทย สั่งให้ BOI ทำการบ้านพร้อมเดดไลน์ให้เสนอแนวทางดึงเงินลงทุนต่างชาติ จะเป็น Golden Visa หรืออะไรก็แล้วแต่ บางครั้งถ้าไม่สั่งให้ฉีกกฎออกนอกกรอบก็ไม่กล้ากัน

เราเห็นท่านออกงิ้วชี้นิ้วกับสื่อมวลชนและผู้ไม่เห็นด้วยมาก็เยอะ ถึงเวลาที่เราอยากจะเห็นท่านออกงิ้วกับหน่วยงานที่รับผิดชอบเรื่องพวกนี้บ้างแล้วล่ะครับ ลงมาติดตามงานที่ได้นำเสนอเอาไว้ว่าทำจริงไหม ถึงไหนแล้ว เชื่อว่าพอท่านนายกมาติดตามใกล้ชิดเอง งานก็คงจะเร่งเร็วขึ้นแน่ ไม่ได้ทำกันไปเรื่อยๆ และประชาชนจะรักท่านขึ้นเป็นกอง

“ใช่ครับนาย ได้ครับผม เหมาะสมครับท่าน” …..นี่คือเสียงที่ได้ยิน นี่คือเสียงที่เคยชิน นานไปก็เป็นแต่เสียงที่อยากได้ยิน แล้วในที่สุดก็เป็นเสียงที่ท่านต้องได้ยิน ตื่นเถอะครับ ถ้าไม่รีบเปลี่ยนกันตอนนี้ ผมไม่กล้าคิดถึงสิ่งที่จะเกิดขึ้นเลย ความหวังก็อยู่ที่ท่านนายกฯ คนเดียวแล้วครับว่าท่านจะสร้างประวัติศาสตร์หน้าไหนให้ประเทศไทย ผมเรียกร้องให้ทุกภาคส่วน ตื่น! และออกมาช่วยท่านนายกฯ พลิกวิกฤตินี้ ขออย่างเดียว ขอแค่ท่านนายกฯ ประยุทธ์ตื่นก่อนครับ

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image