ผู้เชี่ยวชาญชี้อย่าเพิ่งปิดคดี ‘น้องชมพู่’ เชื่อตร.มีผู้ต้องสงสัยแต่ขาดจิ๊กซอว์เชื่อมโยง

ผู้เชี่ยวชาญชี้อย่าเพิ่งปิดคดี “น้องชมพู่” ไม่เป็นผลดีกับใคร เชื่อตร.มีผู้ต้องสงสัยอยู่ในใจ แต่ขาดจิ๊กซอว์เชื่อมโยง

รายการโหนกระแสวันที่ 15 ก.ค. “หนุ่ม กรรชัย กำเนิดพลอย” ในฐานะผู้ดำเนินรายการ ผลิตในนามบริษัท ดีคืนดีวัน จำกัด ออกอากาศทุกวันจันทร์-ศุกร์ เวลา 12.20 น. ทางช่อง 3 กดเลข 33 เปิดใจสัมภาษณ์ “รศ.นพ.วีระศักดิ์ จรัสชัยศรี” ผู้เชี่ยวชาญด้านนิติเวช มศว และ “รศ.พ.ต.ท.ดร. กฤษณพงศ์ พูตระกูล” ผู้ช่วยอธิการบดี และประธานกรรมการคณะอาชญาวิทยา ม.รังสิต กรณีการเสียชีวิต “น้องชมพู่” ผ่านมา 2 เดือน แต่ตร.ยังไม่สามารถปิดคดีได้

รศ.นพ.วีระศักดิ์ : “การชันสูตรทั้งสองครั้ง ครั้งที่สองผ่าชันสูตร ผมว่าเป็นประโยชน์ในเรื่องการสืบสวนสอบสวนอยู่แล้ว นั่นคือข้อที่ 1 แจ้งว่าไม่มีบาดแผลใดเป็นเหตุทำให้เสียชีวิตได้ เป็นประโยชน์กับพนักงานสอบสวน ขณะเดียวกันบอกเกี่ยวกับเรื่องไม่เห็นร่องรอยตรงอวัยวะเพศ ไม่มีกระดูกคอหัก ไม่มีบาดเจ็บรุนแรง ตรงนี้เป็นประโยชน์กับการสืบสวนว่าตรงนี้ไม่มีในเรื่องฆาตกรรมที่ทำให้เกิดการบาดเจ็บถึงขั้นเสียชีวิตได้ ระยะเวลาเสียชีวิต ตอนส่งตรวจ โดยหลักการเราเชื่อคนพบศพครั้งแรก มีหมอจากรพ.แรกมาตรวจ ณ ที่เกิดเหตุ โดยธรรมชาติเราจะเชื่อคนตรวจคนแรก เพราะถ้ามีการเคลื่อนย้ายศพไปผ่าชันสูตร ต้องเอาศพไปแช่ตู้เย็น ซึ่งแช่ตู้เย็นตั้งแต่เมื่อคืนยันเช้า ทำให้รบกวนเรื่องระยะเวลาการเสียชีวิต ดังนั้นการมาผ่าตอนเช้าเราจึงไม่ได้บอกเรื่องระยะเวลาเสียชีวิต บอกไม่ได้ เพราะมีการรบกวนแล้ว มีการแช่ตู้เย็นแล้ว โดยหลักการเราจะเชื่อคนที่ตรวจครั้งแรก”

สมมุติวันครึ่ง เราจะตอบโจทย์เรื่องตัวหนอนยังไง?

Advertisement

รศ.นพ.วีระศักดิ์ : “ประเด็นเรื่องตัวหนอน ผมก็มีสื่อมาถาม ผมต้องเรียนว่าตอนให้ข้อมูลเกี่ยวกับตัวหนอน เราเห็นจากภาพว่ามีตัวหนอน และเห็นจากห้องที่มีการผ่าชันสูตร มันมีช่วงระยะเวลา มันไม่ใช่ ณ เวลาเกิดจากที่เกิดเหตุ พอเห็นจากตัวหนอนเราก็วิเคราะห์ตามตัวหนอน ว่าตัวหนอนแบบนี้ เป็นหนอนแมลงวัน และมาไข่กี่ชม. โดยทั่วไป 24 ชม. หลังจากนั้นเป็นตัวหนอนก็ใช้เวลาอีก ฉะนั้นตรงนี้เป็นแค่การวิเคราะห์ตัวหนอน ต้องมารวบรวม”

นักคีตวิทยา ที่ดูเรื่องนี้ เขาลงความเห็นว่าหนอนที่เห็นคือวันที่ 15 จากการคำนวณถ้าย้อนกลับไปวันที่เจอคือแอล 3 คือเกิดในวงจรวันที่ 3 จะเป็นแมลงวันแล้ว ศพน่าจะเสียชีวิต 3 วัน?

รศ.นพ.วีระศักดิ์ : “เหมือนที่เรียน ผมเห็นภาพ ไม่ได้เห็น ณ วันเกิดเหตุ ไปเห็นภาพในวันผ่าชันสูตรศพ ต้องมีระยะเวลาเพิ่มเติม หนอนมีระยะเวลาเพิ่มขึ้น ต้องย้อนกลับไปวันที่เขาเห็นจริงๆ แต่ประเด็นของผม ในความจริงหมอที่จะตรวจ ณ ที่เกิดเหตุ 18 ชม. ต้องยอมรับว่าในการตรวจ ณ ที่เกิดเหตุ เวลาชันสูตรเขาดูหลักๆ เลย คือดูตัวร่างกาย ภายนอก ดูกล้ามเนื้อแข็งตัวหลังตาย ดูลักษณะการเน่า การเน่ามีลักษณะสีเขียว เป็นลายเหมือนหินอ่อนเขาจะสรุปแบบนั้นเป็นหลัก”

Advertisement

ถ้าน้องไม่ได้ถูกทำร้ายร่างกาย น้องเสียชีวิตเอง มันมีอยู่ 2 ข้อเลยคือเด็กเดินขึ้นไปเองและไปตายอยู่ข้างบน สองมีคนพาเด็กไปทิ้งข้างบน น้องเดินและหลงเสียชีวิตเองอยู่ข้างบน เด็กตาย 24 ชม. ตายข้างล่างวันที่ 12 กว่าๆ พาขึ้นไป 13 คงเป็นไปไม่ได้ เรื่องนี้จะตอบโจทย์ยังไง?

รศ.นพ.วีระศักดิ์ : “ผมขอย้อนกลับไป เรื่อง 18 ชม. ที่นักคีตวิทยาบอก ผมว่าเรื่องนี้จบง่ายตรงที่ทั้งสองกลุ่มมาคุยกัน เพราะมีข้อมูลแชร์กันได้ และสรุปกันได้ว่าควรเป็นระยะเวลาเท่าไหร่ ผมว่าโดยธรรมชาติ สาขาวิชาชีพต้องคุยกันหมด จะบอกว่ายึดอันหนึ่งอันใดไม่ได้ทั้งหมด ศาสตร์ทุกศาสตร์มีประโยชน์หมด แล้วสรุป ถ้าถามว่าขึ้นไปเองหรือมีคนอุ้มขึ้นไป ตอนนี้หลักๆ หมอสรุปแล้วว่าไม่มีร่องรอยทำให้เกิดความบาดเจ็บถึงเสียชีวิตได้ มันก็ตัดตรงนี้ออกได้ แต่ที่เหลือยังมีอีกเยอะ ตัดออกไปไม่ได้ทั้งหมด อย่างเรื่องเดินขึ้นไปเอง หรือคนอุ้มขึ้นไปก็ยังไม่มีการตัดออก ทุกอย่างมีความเป็นไปได้ทั้งหมด ยกเว้นหมอสรุปแล้ว ว่าไม่มีใครทำให้เสียชวิต แต่ ณ วันนี้กาารเสียชีวิตที่สรุปอยู่ในใบชันสูตรคือไม่ทราบสาเหตุการเสียชีวิตที่ชัดเจน เพราะศพเน่า”

ทั้งหมดที่พูดมา ผมคุยกับอดีตตร.บางท่าน ท่านบอกเลยมีโอกาสเด็กเดินขึ้นไปเองได้ ผมลงพื้นที่แล้วก็คิดว่าไม่ได้ คนอยู่ที่นั่นก็คิดว่าไม่ได้ อาจารย์มองยังไง?

รศ.พ.ต.ท.ดร. กฤษณพงศ์  : “โดยหลักทั่วไปก่อน ประเด็นแรกโดยธรรมชาติเด็กเขาอยู่ใกล้ชิดพ่อแม่ ผู้ปกครอง คนที่เขาไว้ใจ สังเกตดูได้ถ้ามีลูกเวลาอะไรเขาจะร้องหาพ่อแม่ พี่เลี้ยง แต่ถ้าแตกต่างจากหลักทั่วไป น้องชมพู่ที่เสียชีวิตอาจเคยไปมั้ย หรือคิดว่าเดินไปเองได้มั้ย ถ้าไม่เคยก็สันนิษฐานว่าแล้วทำไมน้องถึงไปเอง อันนี้มีความผิดปกติจากหลักทั่วไป  นั่นหมายความว่าการที่น้องไม่เคยไป แล้วทำไมไปเสียชีวิต ณ จุดนั้น สันนิษฐานได้ว่ามีคนพาน้องไป โดยจุดประสงค์ ไม่ว่าจะต้องการล่วงละเมิดทางเพศแล้วเปลี่ยนใจ หรือพาไปแล้วปล่อยกลางทางทิ้งไว้ แล้วน้องหลงป่าเสียชีวิต เป็นไปได้ทั้งนั้น หรือกรณีที่สองน้องเดินไปเอง หลงแล้วเสียชีวิต”

เป็นไปได้มั้ย อาจมีคนที่น้องไว้ใจสักคน พาน้องขึ้นไปเที่ยวบนเขา แล้วเผลอทำเด็กหาย ตกใจหาไม่เจอสุดท้ายน้องหลงอยู่คนเดียว?

รศ.พ.ต.ท.ดร. กฤษณพงศ์  : “ก็เป็นไปได้ แต่ต้องดูต่อว่าถ้าบุคคลนั้นไม่มีเจตนาแอบแฝง ในการตามหาเด็กอายุ 3 ขวบระยะก้าวเดินไม่ได้ไกลมากถึงผู้ใหญ่ ถ้าหลงเด็กเขาต้องร้องไห้ ต้องได้ยินอยู่แล้ว ถ้าเจตนาพาน้องไปเที่ยวในป่าแล้วพลัดหลง ผมคิดว่าน่าจะสามารถหาน้องได้ไม่ยาก หรือให้คนแถวนั้นช่วยตามหา”

วัตถุพยานในที่เกิดเหตุ อย่างเส้นผมน้องถูกตัดออกไป ไม่ใช่ถูกตัดโดยใช้กรรไกรนะ ตร. บอกว่าสภาพเส้นผม น้องน่าจะนอนอยู่ แล้วผมสยายไปกับดิน เขาบอกมีคนใช้มีดหั่นผมน้องไปกับดิน เพราะมีรอยมีดกรีดที่ดิน แล้วเอาผมไป สองมีเรื่องกางเกงน้อง ที่ไม่พบร่องรอยปัสสาวะและอุจจาระ ทั้งที่เด็กอายุแค่ 3 ขวบ ถ้าปัสสาวะต้องฉี่ใส่กางเกง แต่อันนี้ไม่มี แต่กางเกงถูกถอด เสื้อผ้าถูกถอดออกไป จากที่ไปสอบถามมา คนหมดแรงเหนื่อยล้า หรือฮีตสโตรก ไม่น่าอยู่สภาพนั้น ลักษณะนั้นน้องไม่มีเสื้อผ้า แอ่นตัว ขาถูกจับแยก บิด เหมือนจงใจให้เห็นว่าเป็นการจัดฉากหรือเปล่า?

รศ.พ.ต.ท.ดร. กฤษณพงศ์  : “สิ่งที่พูดมีความเป็นไปได้ทั้งนั้น ถ้าคนทำให้น้องเสียชีวิต แล้วนำศพไปวางไว้จุดนั้น สร้างสถานการณ์พูดง่ายๆ ผมว่าสังคมก็มีข้อสงสัยหลายประการ เช่น ทำไมผมน้องโดนตัด ต้องพิสูจน์ว่าโดนตัดก่อนเสียชีวิตหรือหลังเสียชีวิต ประการต่อมา ทำไมต้องมีการถอดกางเกง แล้วเสื้อหายไปไหน ถ้าหลงหายเสียชีวิตจริงๆ ทำไมต้องถอดกางเกง ทำไมเสื้อหาไม่เจอ อันนี้เป็นสิ่งที่ตร.ต้องคลายข้อสงสัย การที่คุณหมอนิติเวชบอกว่าไม่พบสาเหตุการเสียชีวิต ไม่ว่าจะเป็นของแข็งมีคมหรือถูกทำร้ายต่างๆ ก็ไม่ได้หมายความว่าน้องไม่ได้ถูกฆาตกรรมนะ ต้องแยกกัน”

ในมุมกางเกง ในฐานะนักอาชญาวิทยา ตัดประเด็นนี้ทิ้งมั้ย?

รศ.พ.ต.ท.ดร. กฤษณพงศ์  : “จริงๆ การดูพฤติกรรมคนร้ายต้องใช้พยานหลักฐานทั้งหมดมาประกอบกัน การชันสูตรศพ นิติเวช นิติวิทยาศาสตร์ ประจักษ์พยาน พยานวัตถุ หรือพยานทางวิทยาศาสตร์เทคโนโลยีมาประกอบกัน ส่วนหนึ่งหลักๆ คือนิติเวช คุณหมอให้ความเห็นไปแล้ว นิติวิทยาศาสตร์ต้องมาดูต่อ เส้นผม เส้นขน ดีเอ็นเอ ใครเกี่ยวข้องบ้าง ผมเชื่อว่า ตร. เพื่อพิสูจน์ว่าคนนั้นพูดจริงไม่จริง เชื่อว่าเขามีข้อมูลอยู่แล้ว เพียงแต่ว่ากำลังหาจิ๊กซอว์เพื่อไปหาความเชื่อมโยงว่าคนนี้คือคนร้าย ตอนนี้อาจกำลังหาจิ๊กซอว์ตรงนั้นอยู่”

จากที่ประชุมกรรมาธิการ “คุณอาร์ม” อยู่ที่นั่น ไปถามกรณีน้องชมพู่ ที่วันนี้ รองผบ.ตร. ได้เข้าไปประชุมกับท่านสิระ?

อาร์ม : “ประเด็นที่พอสรุปได้จากการหารือกัน ของการเชิญรองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติมาวันนี้ รวมถึงการเสนอข่าวสื่อมวลชนว่ากระทบการทำหน้าที่ของตร.หรือไม่ ตอนนี้อัญเชิญทีมแพทย์ชันสูตรรอบแรกและอันที่สอง ที่มีความแตกต่างกัน ไม่สามารถยืนยันว่าเป็นร่องรอยที่ถูกล่วงละเมิดทางเพศ”

ในมุมฝั่งรองผบ.ตร. ที่ถูกถามลักษณะเหมือนโดนจี้จุดหรือเปล่าว่าไปกดดันลูกน้องตัวเองหรือเปล่า ท่านบอกว่ายังไงบ้าง?

อาร์ม : “รองผบ.ตร.ยืนยันว่าคดีนี้ไม่มีการกดดัน ไม่มีการตั้งธงว่าต้องหาผู้มารับโทษให้ได้ ยืนยันว่าแต่ละคดีบางคดีไม่สามารถหาผู้มารับโทษได้ด้วยซ้ำ และการนำเสนอข่าวของสื่อเองทางรองผบ.ตร.บอกว่าไม่ได้ส่งผลกระทบหรือกดดันการทำงานของเจ้าหน้าที่ตร. แต่อาจทำให้การทำงานของเจ้าหน้าที่เป็นไปได้ยากมากขึ้นเท่านั้นเอง”

จะพักคดีหรือเปล่า?

อาร์ม : “เจ้าหน้าที่ตร.ยังเดินหน้าต่อเกี่ยวกับการตรวจดีเอ็นเอประชาชนในพื้นที่ต่อ ตอนนี้ตรวจดีเอ็นเอไป 115 คน ยืนยันจะดำเนินการต่อไป และมีบางเรื่องที่ตร.ไม่สามารถเปิดเผยได้ โดยมองว่ายังมีพยานหลักฐานเพิ่มเติมที่ต้องนำมาชั่งน้ำหนัก ตร.ยืนยันว่าหลังจากนี้ต้องมีการเชิญแพทย์สองฝ่ายมาให้ข้อมูลเพิ่มเติมด้วย”

ตร. มีคนสงสัย แต่ขาดหลักนิติวิทยาศาสตร์ที่จะไปเชื่อม ตรงนี้ถ้าไม่มี ตร.ก็ไม่สามารถออกหมายจับได้ คดีนี้จะทำให้น้องตายฟรีมั้ย?

รศ.พ.ต.ท.ดร. กฤษณพงศ์  : “คงไม่มีใครอยากให้น้องเสียชีวิตโดยนำคนผิดมาลงโทษไม่ได้ แต่ตร.กำลังระดมการทำงานทุกฝ่ายเข้ามา งบประมาณก็ใช้หลายอย่าง ผมว่าปลายทางต้องลงโทษถูกตัวถูกคน ที่บอกว่าจะมีแพะมั้ย จับแพะมั้ย ผมว่าสมัยนี้ตร.ทำงานโปร่งใสมาก ถ้าจับแพะก็มีการนำเสนอผ่านสื่อมวลชน สุดท้ายจะสะท้อนกลับไปที่ตร.ชุดทำงาน ไม่เป็นผลดีกับใคร”

ถ้ากรณีมีคนร้ายอย่างที่ตร.สงสัย?

รศ.นพ.วีระศักดิ์ : “ผมก็ยังมองว่า ณ วันนี้ข้อมูลที่เราเห็นตามสื่อ ที่ปล่อยออกมาคือข้อมูลทางนิติเวช แต่อีกส่วนที่ยังไม่ได้เห็นหรือทราบจริงๆ คือข้อมูลนิติวิทยาศาสตร์ การทำงานของตร.เองคงไม่มาแถลงว่าผลดีเอ็นเอไปเชื่อมโยงกับใครอะไรยังไงในเบื้องต้น คงเก็บไว้เป็นเอกสารหลัก แล้วเอาไว้สรุป เบื้องต้นคิดว่าตอนนี้มีข้อมูลเพิ่มเติมคือข้อมูลการสืบสวนสอบสวน คงอยู่ในขั้นตอนพยานหลักฐานทั้งหมด จริงๆ รออีกสักนิดนึง ไหนๆ ก็รอมานาน คิดว่ากดดันแน่นอนสำหรับตร. แต่ถ้าแนวทางจากที่เราฟัง ก็มีความคืบหน้าต่อเนื่อง ก็น่าจะได้ข้อสรุป”

คนไปร้องกรรมาธิการ ว่าตร.ทำงานช้าเกินไป น้องไม่น่าขึ้นไปตายเอง เรื่องการขาดอาหาร ขาดน้ำ แต่ตร.ไปงมอะไรอยู่ คนไปร้องเขาว่าอย่างนั้น?

รศ.นพ.วีระศักดิ์ : “มุมผมก็เป็นเรื่องที่ต้องชี้แจง ผมว่าเป็นเรื่องตรงไปตรงมา กรรมาธิการมีสิทธิ์สอบถาม ตร.มีสิทธิ์ชี้แจง กรณีแบบนี้ถึงแม้ผลผ่าชันสูตรออกมาในลักษณะที่เทไปในเรื่องขาดน้ำ ขาดอาหาร แต่จริงๆ สาเหตุการเสียชีวิตยังไม่ชัดเจน ตรงนี้ตร.จะไปทิ้งประเด็นอื่นๆ แล้วมาเทตรงนี้ ก็จะมีอีกข้างนึงสงสัยว่าทำไมตร.ไม่ดำเนินการ ตรงนี้ผมคิดว่า ตร.คงทำให้รอบด้านแล้วครับ” 

ใบชันสูตรบอกว่าไมสามารถสรุปสาเหตุการตายได้เพราะศพเน่า ทีนี้ตร.ก็ต้องสืบต่อ แต่คนไปร้องบอกว่าขาดน้ำ ขาดอาหาร แต่ไม่มีรวมอยู่ในนี้ ตร.เขาจะสับสนหรือเปล่า ถ้านิติเวชสรุปไปเลยว่าเสียชีวิตเพราะขาดอาหารขาดน้ำ ไม่มีร่องรอยถูกทำร้าย ตร.ปิดคดีเลย แต่อันนี้ไม่เขียนลงไป เขาก็ต้องทำงานต่อ?

รศ.นพ.วีระศักดิ์ : “ต่อให้สรุป ก็จะเกิดคำถามย้อนกลับไปที่สังคมถามว่าเด็กขึ้นไปได้ยังไง มีคนอุ้มไปแล้วไปวางไว้มั้ย แล้วเด็กขาดน้ำ ขาดอาหาร ก็ต้องสืบต่ออยู่ดี การที่จะสรุปว่า ณ ตอนนี้ข้อมูลบอกว่าไม่สามารถสรุปสาเหตุการเสียชีวิตได้ หรือแม้กระทั่งสรุปว่าขาดน้ำ ขาดอาหารจึงไม่ได้แตกต่างกันในแนวทางสืบสวนสอบสวน ที่อย่างไรต้องเดินต่อให้สิ้นข้อสงสัย เพราะสังคมยังสงสัยอยู่เยอะนะครับ คดีนี้”

อยากฝากอะไร?

รศ.พ.ต.ท.ดร. กฤษณพงศ์  : “ในต่างประเทศเขาก็มีคดีฆาตกรรมเกิดขึ้น บางคดี 10-20-30 ปีกว่าจะปิดคดีได้ หมายความว่าเราอาจต้องมาดูระบบของเรา ที่ต้องมีหน่วยแบบที่ต่างประเทศมี คดีที่ไม่สามารถหาตัวผู้กระทำความผิดได้ เกิดวันหนึ่งมีหลักฐานใหม่เชื่อมโยงคดีก่อน ก็ทำให้การสอบสวนเกิดขึ้น”

ตร.ไม่ทิ้งแน่?

รศ.นพ.วีระศักดิ์ : “ต้องเรียนว่าถ้าเรายังไม่สามารถพิสูจน์สมมุติฐานที่ตั้งไว้ได้ อย่าเพิ่งปิดคดี เพราะไม่เกิดผลดีกับฝ่ายไหน โอกาสพักคดีก็มีได้ เพราะยังไม่รู้ตัวคนกระทำความผิด ก็เป็นไปได้ แต่ในทางลับก็ยังสืบอยู่ ถ้าพบหลักฐานใหม่ที่เป็นหลักฐานเชื่อมโยง ก็สามารถสืบต่อไปได้”

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image