44 ปี มติชน ประเทศไทยไปต่อ : สุพัฒนพงษ์ ชิงจังหวะโลกเปลี่ยน เร่งบิดศก.ไทยปี’64 รับลงทุนเทรนด์โลก

44 ปี มติชน ประเทศไทยไปต่อ

สุพัฒนพงษ์ พันธ์มีเชาว์
รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน

ชิงจังหวะโลกเปลี่ยน
เร่งบิดศก.ไทยปี’64 รับลงทุนเทรนด์โลก

⦁เศรษฐกิจไทยปี 2564 เป็นอย่างไร

ไม่น่ากังวล โลกนี้มีดีที่ไหนอีกสำหรับตัวเรา จะหาประเทศที่สมบูรณ์ช่วยยกชื่อให้หน่อย อยากให้ไทยเหมือนประเทศไหน อย่างประเทศเมียนมาตอนนี้มีปัญหาการแพร่ระบาดของไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) ชาวเมียนมาก็วิ่งมาไทย เพราะไทยเป็นประเทศที่ดีใช่หรือไม่ ลองถือบัตรประชาชนแล้วยกมือขึ้นถามว่าพร้อมแลกประเทศหรือไม่ เชื่อว่ามีคนเข้าคิวพร้อมมาแลกเพื่อมาอยู่ไทยแน่นอน

Advertisement

ขณะนี้สิ่งที่รัฐบาลชุดนี้และชุดที่ผ่านๆ มาทำช่วง 5-6 ปีเริ่มเห็นผลแล้ว เริ่มเห็นการก่อสร้าง เห็นการเจริญเติบโตของกรุงเทพมหานคร อาทิ รถไฟฟ้า 14 สาย รวม 500 กิโลเมตร การลงทุนในเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (อีอีซี) ผ่านโครงสร้างพื้นที่ฐานต่างๆ ที่สำคัญ ทั้งรถไฟความเร็วสูงเชื่อม 3 สนามบิน สนามบินอู่ตะเภา ท่าเรือต่างๆ และที่คืบหน้าไปมาก คือ โครงการเขตนวัตกรรมเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (อีอีซีไอ) ที่เริ่มเห็นภาพการก่อสร้างศูนย์วิจัยด้านไบโอเคมิคัล มหาวิทยาลัย งานวิจัย เห็นการเปลี่ยนแปลงผิดหูผิดตา เป็นการเตรียมพร้อมสนับสนุนให้คนมาลงทุน

ล่าสุดสำนักข่าวบลูมเบิร์ก ยกไทยเป็นตลาดเกิดใหม่ที่ดึงดูดใจที่สุด ในปี 2564 ถือว่าเป็นเรื่องดีมาก แสดงว่าไทยดูแลตัวเองหลังบอบช้ำ ซึ่งเป็นทั้งโลก คนไทยต้องภูมิใจ จาก 100 วันหรือ 4 เดือนกว่าที่คุมการแพร่ระบาดของไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) ได้ แม้จะเกิดเคส จ.สมุทรสาคร เพราะเรื่องนี้เป็นความไม่แน่นอน ซึ่งไทยต้องผ่านไปให้ได้ ถามว่ายากหรือไม่ ตอบว่ายาก แต่ไม่ใหม่ ต้องทำซ้ำ อย่าเบื่อ ต้องอดทน ตอนนี้คนไทยปรับตัวเก่งแล้ว มีการแจ้งว่าตนเองเป็น ถือเป็นการแสดงความรับผิดชอบที่ดี

รัฐบาลมองว่าอนาคตกรุงเทพฯจะเป็นศูนย์กลางของสำนักงานภูมิภาค เพราะไทยพิสูจน์เรื่องสาธารณสุข เรื่องการควบคุมดูแล เทคโนโลยี 5จี โครงสร้างพื้นฐานไทยไม่เป็นรองใคร ดาต้าเซ็นเตอร์ คลาวด์เซอร์วิส มีคนสนใจลงทุน ไม่ได้เลวร้ายไปกว่าประเทศสิงคโปร์ แต่อาจมีเรื่องภาษี เรื่องความยากง่ายในการประกอบธุรกิจอยู่บ้าง แต่ถ้าแลกกับค่าครองชีพไทยถูกกว่า ค่าเช่าสำนักงานถูกกว่า 4-6 เท่า เสน่ห์ของคนกรุงเทพฯที่มีน้ำใจ พิสูจน์ได้จากการต่อสู้กับโควิด-19 ขณะที่เวียดนาม เมียนมา กัมพูชา ที่ดินในเมืองแพงเช่นกัน

Advertisement

ปี 2564 มาตรการวัคซีนกว่าจะเห็นผลคงใช้เวลาประมาณ 6 เดือน ไม่ต้องห่วงไทยจับจองแล้ว ไทยพร้อมกว่าประเทศอื่นในอาเซียน จะเห็นการลงทุนตามแผนตั้งแต่กลางปี 2564 เป็นต้นไป เป็นการทยอยลงทุนของบริษัทไทยแต่ต้องขึ้นกับทีมงานปฏิบัติการเชิงรุกของรัฐบาลด้วย

⦁ช่วง 3-6 เดือนแรกเศรษฐกิจไทย

ตอนนี้ดัชนีชี้วัดบ่งบอกว่าไทยไม่ได้แย่ลง อย่างปี 2563 เศรษฐกิจไทยขยายตัวระดับ -7 ถึง -6% เชื่อว่าปี 2564 เศรษฐกิจไทยจะขยายตัวแน่นอน เพราะฐานปี 2563 ต่ำ ส่วนจะโตกี่เปอร์เซ็นต์ไม่ได้โฟกัส ไม่ต้องบริหารเก่ง หลับตายังได้ ถ้าไม่สนใจอุตสาหกรรมอนาคต แต่ไม่มีโอกาสเติบโตกลับไปเหมือนโควิด

ตัวขับเคลื่อนยังเป็นมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาล อาทิ คนละครึ่ง เราเที่ยวด้วยกัน ไม่ต้องกู้เพิ่ม ตอนนี้วงเงิน 1 ล้านล้านบาทยังเหลือประมาณ 4 แสนล้านบาท ขณะที่วงเงินด้านการแพทย์สาธารณสุข มี 5 หมื่นล้านบาท ใช้ไปเพียงหลักพันบาท เหลือประมาณกว่า 4 หมื่นล้านบาท

การลงทุนของภาครัฐช่วง 6 ปีมูลค่าเกือบ 2 ล้านล้านบาท ดึงดูดการลงทุนได้อยู่แล้ว ติดที่ต้องแก้กฎระเบียบ อย่างรถไฟทางคู่ไทยจำนวนมากลืมว่าดียังไง เพราะทำมานาน ซึ่งโครงการนี้ทำให้การเดินทางเร็วขึ้น ขนส่งสินค้าดีขึ้น มีการเชื่อมโยงไปถึงทะเลอันดามัน

ไทยต้องพึ่งพาการบริโภคในประเทศ ตอนนี้เป็นทุกประเทศ ไม่ใช่ไทยที่เดียว ขณะที่การส่งออกของไทยยังดีอยู่ เป็นรายได้สำคัญ ยอดขายรถยนต์ลดลงไม่มากแค่ -7 ถึง -6% ส่วนการเติมเงินในระบบต้องดูความจำเป็น โดยไทยจะเปลี่ยนมิติของประเทศหลังพบว่ามีปัญหาหลายเรื่องมาจากอดีต อย่างการท่องเที่ยวไทยเป็นรูปแบบเดิมๆ เพราะไม่ต้องลงทุนเยอะ มีนักท่องเที่ยวมา ซื้อรถบัสมาก็ประกอบธุรกิจได้แล้ว ขณะที่การส่งออกเป็นแบบเดิมๆ พอมีปัจจัยเข้ากระทบทำให้การส่งออกมีปัญหา ต้องปรับการส่งออกของไทย อีกแรงขับในปี 2564 คือการลงทุนจากภาครัฐ โครงการร่วมระหว่างรัฐและเอกชน (พีพีพี) ต้องทำ ส่วนท่องเที่ยวพยายามเปิดแล้ว แต่เดินทางไม่ได้เพราะมีโควิด-19 เป็นเหมือนกันทุกประเทศทั่วโลก

วันนี้พบว่าทั่วโลกมีสัญญาณชัดเจนคือ เรื่องของกลไกก๊าซเรือนกระจก ทุกประเทศ โดยเฉพาะประเทศเจริญแล้ว อาทิ สหรัฐ จีน ประกาศปีที่ต้องลดการปล่อยคาร์บอน โดยปี 2060 ต้องคาร์บอนนิวทรัล คือ ผลิตคาร์บอนออกมาเท่าไหร่ต้องดูดมันกลับไปเท่านั้น เรื่องนี้อาจเป็นแนวคิดใหม่ทางด้านอุตสาหกรรม เกิดการเปลี่่ยนแปลงทางอุตสาหกรรม เป็นเรื่องที่ดี เป็นประโยชน์ ซึ่งจะเกี่ยวข้องกับรถยนต์ไฟฟ้า ดิจิทัล พลังงานสะอาด เกี่ยวข้องกับเครือข่ายถนนหนทาง เครือข่ายการกระจายไฟฟ้า อิเล็กทรอนิกส์ ต้องฉลาดขึ้น ทิศทางมาแบบนี้หมด ประเทศมหาอำนาจคิดกัน

สถานการณ์ก่อนโควิดมีสภาพคล่องเยอะ การลงทุนใหม่ไม่ค่อยเห็น เป็นทั้งโลก พอเจอโควิด-19 ดอกเบี้ยติดลบ เศรษฐกิจไม่โต บางประเทศดอกเบี้ยติดลบ ดอกเบี้ยเหลือศูนย์ มันเบ่งอะไรไม่ออก ไม่ดึงดูดให้การลงทุนเกิด ดังนั้นไทยต้องถามว่าสร้างบ้านใหม่ จะรื้อใหม่หรือไม่ ทั้งนี้เมื่อเปลี่ยนจะเกิดการลงทุนใหม่ ซึ่งไทยมีศักยภาพ พลังงานสะอาดไทยผลิตหรือนำเข้าจาก สปป.ลาวได้ พลังงานแสงอาทิตย์ไทยดี เทคโนโลยีพอใช้ได้ ยานยนต์ไฟฟ้ามีโอกาสเพราะไทยมีฐานเดิมอยู่ ตอนนี้ค่ายรถไปทางอีวี คลาวด์เซอร์วิสมีบริษัทสนใจ 5จี ไทยไปไกลพอสมควร เคเบิลใยแก้ว ไทยพร้อม มีศักยภาพจะเปลี่ยน เวลานี้ต้องรักษาไว้ อย่าให้ประเทศชาติบอบช้ำ

ตอนนี้มีเวลา 1 ปีในการเตรียมตัว เพื่อรับการลงทุนครั้งใหญ่ปี 2565 ซึ่งปี 2563 ไม่ใช่เอกชนไทยไม่ลงทุน แต่เขาไม่รู้จะลงทุนอะไร เทกโอเวอร์กันไปมาจนเบื่อ ตอนนี้จึงออกไปลงทุนต่างประเทศ อาทิ เวียดนาม ยุโรป ทำซ้ำ เพียงแต่หาแหล่งใหม่เท่านั้น ขณะที่ตะวันตกเวลานี้เปลี่ยนการใช้ชีวิต เปลี่ยนปรัชญาการใช้ชีวิตกันใหม่ บิดเลย แต่ถ้าไทยไม่ทำยังอยู่ท่าเดิมไทยจะเสียเปรียบ

ขณะนี้ผมมองปี 2565 ว่าไทยจะบิดประเทศให้ทันประเทศอื่น จากศักยภาพที่ไทยมี โดย พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ต้องการให้เกิดการลงทุนในประเทศ เกิดอุตสาหกรรมใหม่ๆ นำเข้าสินค้าจากต่างประเทศ นำเข้าเทคโนโลยีจากต่างประเทศเข้ามาในไทย แต่ในระหว่างที่เงินบาทแข็งค่าถ้าไม่รู้จะทำอย่างไร นายกรัฐมนตรีอยากให้ไปซื้อกิจการที่ราคาถูก เพื่อนำเทคโนโลยีมาเก็บไว้ และนำมาใช้ในเมืองไทย อาทิ เทคโนโลยีพลังงานสะอาด ไฟฟ้าสมาร์ทอิเล็กทรอนิกส์มาเก็บไว้ ลองนึกว่าถ้าไทยไม่บิด ขายขนมครกเหมือนเดิม มันไม่ได้

ตอนนี้หน่วยงานลงทุน ทั้งสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (บีโอไอ) สำนักงานคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (สกพอ.) และหน่วยงานอื่นๆ ต้องฟัง พบ ฟัง พบ ต้องเน้นความขยัน ความเพียรอย่างเดียว อย่างกรณีเทรดวอร์จะเกิดสถานการณ์ที่เรียกว่า การย้ายฐานการผลิต หลังจากไปตั้งฐานการผลิตในจีน ขายคนจีนและส่งออก แต่เมื่อมีเทรดวอร์ต้องปรับ นอกจากขายจีนก็ต้องไปหาแหล่งลงทุนที่อื่นเพื่อขายสินค้า ซึ่งไทยเป็นเป้าหมาย

เรื่องนี้ไทยจะไม่ยอมให้เป็นไปตามยถากรรม ไทยจะปฏิบัติการเชิงรุกด้วยการออกไปบอกว่าไทยมีดี ใช้วิธีการสื่อสารด้วยเทคโนโลยี นักธุรกิจสามารถเข้าไทยได้ในระยะเวลาสั้นๆ จากวีซ่าที่รัฐบาลไทยออกให้ หากบริษัทไหนสนใจเข้ามาลงทุนก็มา 3 วัน 5 วัน ไม่มีปัญหา มาพูดมาคุย และต้องมีกระบวนการติดตามชัดเจน สิ่งเหล่านี้จะทำแต่ไม่ทำแบบเดิมๆ ต้องมีวิธีการติดตาม ต้องมุ่งอุตสาหกรรมเป้าหมาย 3-4 อุตสาหกรรม

ประเทศไทยจะแข็งแรงจริงหรือไม่ นักลงทุนมองมาต้องรู้สึกว่าใช่ ไทยขาดส่วนไหนต้องเติมให้เต็ม ทีมงานต้องคิดแบบเอกชน เรื่องนี้ไม่ใหม่ เอกชนทุกรายทำแบบนี้

ปี 2564 ผมไม่ได้ลงทุนนะ ผมหาคนมาลงทุน เม็ดเงินจะมาปี 2565 ตอนนี้เน้นจีบ ไทยมีของดี ไม่ได้บอกว่าบีโอไอ หรืออีอีซี ไม่เก่ง ทำงานเหนื่อยทุกคน แต่ทีมผมที่เข้ามาเห็นองคาพยพรวมแล้วต่อเรื่องจนเห็นว่าเป็นแบบนี้

ปัจจุบันประเทศในยุโรปมีการบิด เปลี่ยนทั้งประเทศ อย่างประเทศเยอรมนี ขณะที่ประเทศญี่ปุ่นมีการกู้เงินครั้งใหญ่เพื่อเปลี่ยนเช่นกัน ทุกคนเปลี่ยนหมด อังกฤษก็เปลี่ยนประกาศว่าปี 2030 รถยนต์จะไม่ใช้น้ำมัน ปี 2035 รถไฮบริดจะไม่มี หลังจากนั้นจะเป็นรถยนต์ไฟฟ้า (อีวี) ทั้งหมดเลย และเป็นอีวีจากพลังงานลม ถามว่าทำไม ได้รับคำตอบว่าเป็นวิธีเดียว คือ อินดัสเตรียล รีโวลูชั่น เปลี่ยนประเทศเพื่อสร้างงาน ขณะที่ไทยมีดิน น้ำ ลม ไฟ ครบ (ยิ้ม) ไม่อยากโฆษณาแต่พยายามจะชี้ไปทางนั้น แต่ไทยต้องทำให้ได้ ทำให้เป็น

⦁เพื่อนบ้านให้สิทธิประโยชน์ลงทุนสูง

ลองไปเวียดนาม หรืออินโดนีเซีย ฟิลิปปินส์ ลองไปใช้ชีวิต แล้วจะรู้เองว่าเป็นยังไง เราไม่รู้แต่คิดว่าคนอื่นดีกว่าเรา ไม่มีประเทศไหนมีความพร้อมเท่ากับไทย ปัจจุบันโครงสร้างพื้นฐานถนนไทยดีมาก เซ็นเตอร์การส่งออกของไทยดีทุกอย่าง และเร็วๆ นี้จะมีโครงสร้างพื้นฐานใหม่ๆ อีก ถนน รถไฟ

⦁การจัดการคาร์บอนของไทย

ตอนนี้กำลังทำการบ้านอยู่ (หัวเราะ) จะนิวทรัลได้จริงต้องดูรายละเอียด อย่างโรงไฟฟ้าชุมชนที่ทำของกระทรวงพลังงาน เป็นการปลูกมาผลิตไฟฟ้า อย่างต้นไม้ขออธิบายด้วยวิทยาศาสตร์ คือ ต้นไม้บริเวณลำต้นจะมีคาร์บอนอยู่ หายใจเอาคาร์บอนเข้าไป มนุษย์ปล่อยคาร์บอนไปเท่าไหร่ต้นไม้จะดูดซับ ต้นไม้ถือเป็นคาร์บอนแบบหนึ่งแต่ไม่ได้อยู่ใต้ดิน แบบนี้เรียกว่าสุทธิแล้วจะได้ไฟฟ้าโดยไม่ก่อให้เกิดคาร์บอนไดออกไซด์เพิ่มขึ้น แต่ราคาอาจจะแพง อย่างเขื่อนในลาวก็น่าสนใจ สร้างมาเหมือนฝาย น้ำไหลปกติ เอาแรงดันน้ำมาผลิตไฟฟ้า หรือโซลาร์ใช้บางช่วงเวลา หากมีแบตเตอรี่ดีๆ

จะเห็นว่าพลังงานต่างๆ มาจากการที่ทุกประเทศต้องการจะบิด ล่าสุดสหรัฐ โดยนายโจ ไบเดน ผู้นำคนใหม่ประกาศว่าจะใช้เงิน 9 แสนล้านเหรียญสหรัฐ มากกว่าเงินสำรองของไทย 3-4 เท่า นโยบายที่ทำหนึ่งนั้นคือเรื่องพลังงานสะอาด

⦁ช่วงเวลาเหมาะสมในการบิดประเทศไทย

จะพยายาม (ยิ้ม) ปี 2564 จะเริ่มทำ พูดตรงๆ คือ ไทยไม่มีเทคโนโลยี การพัฒนายังไม่ได้ จึงต้องให้บริษัทที่มีเทคโนโลยีมาลงทุนในไทย ไทยมีดีมานด์ มีเงิน ส่วนจะซื้อที่ไหนก็ได้ ทั้งโลก ยุโรปหรือจีนก็ได้ โดยจะพยายามเดินหน้าสนับสนุนเทคโนโลยีพลังงานในไทยให้ดีที่สุด ใช้พลังงานสะอาดเป็นจุดขาย ไม่ใช่จุดชนะหรือแพ้ แต่จะเป็นจุดดึงดูดการลงทุน จะรวบรวมว่าไทยมีศักยภาพในการทำพลังงานสะอาดมากน้อยแค่ไหน

⦁แผนส่งเสริมการลงทุนอีวีในไทย

อีวีทำอยู่แล้วครับ ทิศทางชัดเจน แต่ต้องดูความพร้อม ส่วนจะกำหนดสัดส่วนการผลิตเป็น 50% ตามที่มีหน่วยงานเตรียมเสนอในบอร์ดอีวีหรือไม่ ต้องไปคุย ผมไม่ใช่ผู้เชี่ยวชาญ ผมเป็นประธานเฉยๆ (ยิ้ม) จะชงสัดส่วนยังไงไม่รู้ ตอนนี้ทำเรื่องหนึ่งพบว่ากระทบอีกเยอะ มีทั้งเชิงบวกและเชิงลบ และไม่ได้หมายความว่าน้ำมันจะหมดไปทันที เพียงแต่ต้องเปลี่ยน เพราะจะมีผลกระทบด้านลบกับบางอุตสาหกรรม ต้องปรับตัว ปรับเป็นปิโตรเคมี อาจเก็บน้ำมันอากาศยานไว้ แล้วน้ำมันชีวภาพจะมีที่ยืนหรือไม่ เป็นโจทย์ ต้องคิด ต้องพึ่งนวัตกรรม เทคโนโลยี เพื่ออยู่ร่วมกันอย่างสันติ วินๆ นี่คือสิ่งที่จะเกิดขึ้น ความเปลี่ยนแปลงนี้ทั้งโลกต้องคุยกันใหม่ จะเกิดกิจกรรมการขึ้นมา นี่คือมนุษย์ ผมเชื่อว่าจะมีการเปลี่ยนแปลงอุตสาหกรรมของโลกอีกครั้งหนึ่ง

การเจรจาการค้าต่างๆ จะนำประเด็นการเปลี่ยนแปลงของอุตสาหกรรม พลังงานสะอาด เข้าไปคุย เพราะเดาว่าประเทศที่เจริญแล้วจะเอากฎเกณฑ์เหล่านี้ไปคุยในเวทีเจรจาต่างๆ มองว่าไม่ใช่การบีบแต่เป็นการขอความร่วมมือ ไทยไม่ต้องกลัว มีศักยภาพ ไทยเราคบค้าสมาคมกับทุกฝ่าย ไม่ถึงจุดที่ต้องคบใครเป็นพิเศษ ตอนนี้ไทยให้โอกาสทุกประเทศ ไม่ใช่เมืองลับแลอีกต่อไป เพราะฉะนั้นจะเล่นตัวไม่ได้ ถ้าใครมาหาจะถือว่าเป็นเพื่อน แต่วันนี้ยังไม่รู้ ผมคิดในแบบของผม วันนี้ทีมเศรษฐกิจต้องทำ ไม่ใช่เรื่องคิดใหม่ เป็นเรื่องเดิมที่ไทยทำอยู่แล้ว เพียงแค่ผมมาทำให้เป็นตามนั้น ไม่พูดอย่างเดียว ผมจะเริ่มทำ

ล่าสุดอยู่ระหว่างหารือกับภาคเอกชนรายใหญ่กว่า 30 องค์กรที่ติดอันดับดัชนีความยั่งยืนดาวโจนส์ กลุ่มนี้ถ้ารู้จักใครจะดึงดูดการลงทุนได้ดี ทำให้นักลงทุนต่างประเทศสบายใจ เพราะมีมาตรฐาน ไม่โกงหรือเอาเปรียบ ผมไม่เอากุ๊ยไปดึงการลงทุน บางคนอาจมองว่าเหมือนทีมไทยแลนด์ก็ได้ แต่มันอยู่กับวิธีการ ความเชื่อมั่นในประเทศไทย ผมอยู่ในตำแหน่งนี้ได้เห็นข้อมูล เปิดกว้าง เมื่อปะติดปะต่อเรื่องทำให้เห็นว่าประเทศไทยมีดีกว่าที่คิด

นอกจากนี้ปี 2564 จะมีเรื่องอีคอมเมิร์ซแพลตฟอร์ม จะทำดิจิทัลมาร์เก็ตติ้งแข่งดู ไม่ได้แข่งกับลาซาด้าหรือช้อปปี้นะ เพราะสู้ไม่ไหว แต่จะทำแพลตฟอร์มเล็กๆ ที่ทันสมัย ตอนนี้กำลังคุยกับธนาคารกรุงไทยและกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอีเอส) อยู่ ซึ่งดีอีเอสจะดูแลสตาร์ตอัพอีกกลุ่มหนึ่งด้วย เรื่องนี้เป็นการทำแบบล้ำหน้า ไม่ขายของแห้งๆ ต้องมีเรื่องราวดึงดูดความสนใจ กลางปี 2564 จะเห็นความชัดเจน มีน้องสตาร์ตอัพมาช่วย หลังจากนั้นจะพัฒนาอินฟลูเอนเซอร์ไทย มีซีเล็คเต็ด บาย ที่ชิมอาหารอร่อยๆ ทั่วประเทศ ต้องมีจริยธรรม

⦁ความเป็นไปได้ของแบรนด์อีวีโดยคนไทย

คงไม่ขนาดนั้น เอาพอประมาณ ไทยไม่มีเทคโนโลยี ขอให้เกิด ขอให้สร้าง พัฒนความรู้ แล้วอนาคตจะมาเอง ราชการต้องปรัยการทำธุรกิจที่ยากๆ ต้องลดลงไปบ้าง เรื่องนี้รัฐบาลมีความตั้งใจ โดยปี 2564 รัฐบาลจะมุ่งเน้นการปรับโครงสร้างอุตสาหกรรม เริ่มลงทุน และปี 2565 จะเป็นปีแห่งการลงทุนจริงจัง อยากให้อดใจรอ เพราะเมื่อเทียบกับอีสเทิร์นซีบอร์ดในอดีตจะพบว่าตากแดดรอการพัฒนาถึง 5 ปี หลายคนถามจะรอดหรือ สุดท้ายก็พัฒนาถึงทุกวันนี้

⦁ดิจิทัลสำคัญแต่บอร์ดไม่เรียบร้อย

เรื่องนี้ไม่เป็นอุปสรรค หมายถึงสำนักงานคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) ที่อยู่ระหว่างสรรหากรรมการ กสทช. ใช่หรือไม่ ขั้นตอนก็ว่ากันไป แต่เอกชนก็ลงทุน 5จี คลาวด์เซอร์วิส เอไอ แล้ว ทุกส่วนไปด้วยกันหมด โครงสร้างพื้นฐานด้านดิจิทัลของไทยดีมาก อย่างธนาคารกรุงไทยสามารถรับมือกับการสมัคร 27.5 ล้านคน จากโครงการเราไม่ทิ้งกัน

จากขั้นตอนการสรรหากรรมการ กสทช. ยังไงก็เลือกได้ คงไม่ค้างเติ่ง 5จี ต้องทำอยู่แล้ว มีการซื้อใบอนุญาตกันหมดแล้ว อยู่ที่ว่าจะทำเมื่อไหร่ อย่างไร ไม่ได้กรรมการชุดนี้ ถ้าแบบนั้นกรรมการชุดนี้คงเป็นเทวดา อีกอย่าง 5จี ไม่ใช่เกิดขึ้นครั้งแรกของโลก

⦁โอกาสล้มการสรรหา กสทช.

ไม่ทราบเลย แต่ในมุมเอกชนเชื่อว่าอะไรคือโอกาสพร้อมทำอยู่แล้ว ไม่มีอะไรใหม่ต้องตัดสินใจ เลขาธิการ กสทช.ก็ทำงานไป เหมือนบอร์ด ปตท. ถามว่า ปตท.จะทำงานได้หรือไม่ ก็ทำได้

⦁ต้นทุนการใช้ชีวิตประชาชน

ไม่ใช่แค่การพัฒนาอุตสาหกรรม แต่ผมได้เน้นย้ำให้ภาคการเงินต้องแข็ง วันนี้ทำแล้ว หนี้สาธารณะไม่สูง ที่เพิ่มเพื่อสร้างสิ่งใหม่ให้ประเทศจึงไม่น่าเสียหาย ลองดูต่างประเทศ อาทิ ญี่ปุ่นตอนนี้หนี้สาธารณะเกิน 100% แล้ว ขณะที่มาเลเซียยังไม่มีการลงทุนใหม่แต่หนี้สาธารณะเพิ่มเป็น 78% แล้ว ขณะที่ไทยหนี้สาธารณะระดับ 49% ถือว่าใช้ได้ และหากต้องการกู้ในประเทศก็มีมากพอ เป็นหนี้กันเอง แต่มีสิ่งใหม่เกิดขึ้น ไม่ใช่แค่จ่ายเงินแล้วหมดไป แบบนี้ไม่ได้ช่วยอะไรมาก

⦁ไทยยังไม่มีสตาร์ตอัพระดับยูนิคอร์น

เดี๋ยวจะมีมาเรื่อยๆ เรื่องนี้เป็นอีกประเด็นที่ให้ความสำคัญ ถ้าไปดูแค่ยูนิคอร์น (สตาร์ตอัพที่มีมูลค่าบริษัทมากกว่า 1,000 ล้านเหรียญสหรัฐ) ไทย เพราะเวลาหาโอกาสทางธุรกิจ บริษัทเหล่านั้นจะไปรวมอยู่ที่เมืองบอสตัน ประเทศสหรัฐอเมริกา เป็นสตาร์ตอัพที่มาจากทั้งโลก เปรียบเวลาหาปลาในคลอง กับมหาสมุทร คนละเรื่องกัน ไม่ได้บอกคนไทยไม่เก่ง แต่ยูนิคอร์นไทยมีโอกาสสำเร็จน้อย อย่างสตาร์ตอัพที่บอสตันมี 500 บริษัท แต่ผมเลือกแค่ 3 บริษัท ขณะที่คนไทยอาจมีให้เลือก 50 บริษัท คนละสเกล ดังนั้นไทยต้องดึงดูดยูนิคอร์นให้เข้ามา ตอนนี้ถึงมีสมาร์ทวีซ่า มีการเปิดประเทศเพื่อให้เข้ามาลงทุน ใครอยู่ในอีอีซีไอจะเสียภาษีเงินได้นิติบุคคลแค่ 17% เท่ากับสิงคโปร์ แต่ค่าครองชีพถูกกว่า เรื่องนี้กำลังปรับ เมื่อคนไทยเข้ามาก็จะแข่งกัน เพราะไม่มีความลับในโลก ทุกคนจะพัฒนา

ปัจจุบันไทยมีกองทุนสนับสนุนอยู่แล้ว และสามารถโคอินเวสเมนต์ร่วมกับภาคเอกชนขนาดใหญ่หลายบริษัท การโคอินเวสเมนต์จะมีหลังพิง แต่ถ้าขาดทุนไม่มีใครว่าอะไร เรื่องนี้มีอยู่แล้ว นายกรัฐมนตรีให้นโยบายไว้หมด อยู่ที่ขั้นตอนปฏิบัติ ทุกวันนี้ผมต้องมานั่งแก้ปัญหาวีซ่า กับใบอนุญาตทำงาน ติดตรงไหนต้องรีบแก้ ต้องลดอุปสรรคให้ต่างชาติที่ทำงานในไทย ต้องเปลี่ยนมายด์เซตให้ข้าราชการเข้าใจว่าดี แก้แค่กฎกระทรวงง่ายนิดเดียว แต่ถ้าไม่แก้ชีวิตคนอื่นจะลำบากมาก

⦁สถานการณ์การเมือง

เรื่องนี้ไม่สามารถหยุดเอกชนได้ ถ้าของมันดีคือดี เพียงแต่ว่าไทยจะทำตัวเป็นเมืองลับแลหรือไม่ ถ้าทำตัวเป็นเมืองลับแลใครเขาก็ไม่เห็น แต่วันนี้หลงลับแล (ทุเรียน) ขายได้ (ยิ้ม) เพราะเขามาขาย ทั้งหมดขึ้นอยู่กับไทยว่าจะวางตัวอย่างไร ถ้าเฉยๆ ปิดตัว มีดีแล้วไม่อวดก็ได้ แต่ประเทศจะไม่ได้อะไร ผมยืนยันว่าเอกชนไทยฉลาด ทันทีที่มีประกายแรกเกิดขึ้น เขารอเวลาที่ทุกอย่างพร้อมเพื่อเดินหน้า เขาจะดูถ้าถนนมาครบ รถไฟฟ้า 14 สายครบก็ชวนเพื่อนนักลงทุนเข้ามาละ รู้มากกว่าผม ส่วนการเมืองนอกสภาผู้แทนราษฎร คนเข้าใจมากขึ้น

⦁ภาพอนาคตของไทย

ภายใน 5 ปีข้างหน้าจะเห็นการเปลี่ยนแปลง รถไฟฟ้า 14 สายเสร็จ ถนนต่างๆ เชื่อมโยง คล่องตัว การเดินทางไป จ.กาญจนบุรี จากกรุงเทพฯจะใช้แค่ 2 ชั่วโมง ไป จ.นครราชสีมา ไม่เกิน 1 ชั่วโมงครึ่ง สวนลุมพินีกับสวนเบญจกิติเชื่อมกัน แต่คนไทยยังไม่เห็นหน้าตาประเทศอีก 5 ปีข้างหน้า อยากให้มองภาพเมื่อทุกโครงเสร็จ การเดินทางจะเลื้อยไปมา

กรุงเทพฯจะเป็นเมืองแห่งการตั้งสำนักงาน และประชาชนควรออกไปอยู่นอกเมือง อนาคตคอนโดฯอาจอยู่ริมแม่น้ำนครปฐม มีรถไฟเข้าเมือง มีโรงพยาบาล มีสวนผลไม้ของตนเองอยู่ริมแม่น้ำ นั่นคือชีวิตในอนาคต

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image