44 ปี มติชน ประเทศไทยไปต่อ : พิพัฒน์ ยึดหลักนิวนอร์มอล ‘ท่องเที่ยว’ไหลลื่น

44 ปี มติชน ประเทศไทยไปต่อ : พิพัฒน์ ยึดหลักนิวนอร์มอล ‘ท่องเที่ยว’ไหลลื่น

พิพัฒน์ รัชกิจประการ
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา

ยึดหลักนิวนอร์มอล ‘ท่องเที่ยว’ไหลลื่น

สถานการณ์ในปัจจุบัน การระบาดโควิด-19 ส่งผลกระทบกับการเดินทางระหว่างประเทศทั่วทั้งโลก ไม่ใช่เฉพาะในประเทศไทยเท่านั้น โดยในปี 2563 ทั้งปี จำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติน่าจะอยู่ที่ 6.7 ล้านคน ไม่น่าจะเพิ่มเติมได้มากนัก แม้มีการเปิดประเทศต้อนรับต่างชาติ ที่พยายามกระตุ้นให้เข้ามาเพิ่มผ่านวีซ่าประเภทพิเศษ (เอสทีวี) แต่เนื่องจากในเดือนพฤศจิกายน ที่ผ่านมา จนถึงขณะนี้ เริ่มเห็นการกลับมาระบาดระลอก 2 ขึ้นในประเทศต้นทาง ความเสี่ยงในการเปิดรับต่างชาติเข้ามาจึงมีมากขึ้น ทำให้ปี 2564 ถือเป็นปีที่ต้องหันมากระตุ้นการเดินทางท่องเที่ยวในประเทศของตลาดไทยเที่ยวไทยเป็นหลัก ซึ่งคาดการณ์ว่าทั้งปีนี้ จะมีการเดินทางอยู่ที่ 95 ล้านคน-ครั้ง

⦁ทิศทางการท่องเที่ยวไทย

Advertisement

ปี 2564 ยังเป็นปีที่ต้องเน้นการท่องเที่ยวในประเทศเป็นหลัก ภายใต้รูปแบบที่เข้มแข็งขึ้น โดยพยายามจะกระตุ้นให้มีการเดินทางในประเทศเทียบเท่าปี 2562 ซึ่งอยู่ที่ 170 ล้านคน-ครั้ง ส่วนมาตรการกระตุ้นการท่องเที่ยวในประเทศ ขณะนี้ยังมีโครงการเราเที่ยวด้วยกันและโครงการกำลังใจ ซึ่งจะขยายเวลาใช้จนถึงเดือนเมษายน 2564 รวมถึงโครงการเที่ยวไทยวัยเก๋า ซึ่งการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) อยู่ระหว่างการหาข้อสรุปของโครงการที่ชัดเจน ก่อนนำเสนอเข้าที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) อีกครั้ง ซึ่งคาดว่าจะเป็นช่วงเดือนมกราคม 2564 สำหรับมาตรการกระตุ้นท่องเที่ยวที่จะทยอยออกมาเพิ่มเติม ขึ้นอยู่กับการประเมินสถานการณ์ในขณะนั้นๆ ว่ามีความเหมาะสมมากหรือน้อยอย่างไร หลังจากนั้นจึงจะมีการทยอยออกมา ทำให้ขณะนี้ยังไม่สามารถบอกรายละเอียดได้ แต่ยืนยันว่ามีแนวทางเตรียมไว้ตามนโยบายของรัฐบาลแล้ว

ด้านตลาดนักท่องเที่ยวต่างชาติ กระทรวงการท่องเที่ยวฯ และ ททท.มีการผลักดันและทำตลาดอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้ประเทศไทยยังเป็นจุดหมายปลายทางในการเดินทางมาท่องเที่ยวอันดับต้นๆ ในใจของนักท่องเที่ยวต่างชาติอยู่ แต่ต้องยอมรับว่า การเปิดรับต่างชาติ ยังไม่สามารถทำได้ง่ายนัก เพราะขึ้นอยู่กับการมาของวัคซีนต้านเชื้อไวรัส ซึ่งขณะนี้แม้มีความคืบหน้ามากขึ้นแล้ว แต่ก็ยังไม่ได้มีความชัดเจนเท่าที่ควร โดยกระทรวงสาธารณสุข ได้ออกมาคาดการณ์ว่า ประเทศไทยจะได้รับวัคซีนในช่วงกลางปี 2564 ซึ่งการมีวัคซีนเข้ามาฉีดป้องกันภายในประเทศ ก็เป็นเรื่องการดูแลกันและกันภายใน แต่เชื่อว่าต่างประเทศ โดยเฉพาะประเทศที่มีความสำคัญทางเศรษฐกิจ น่าจะทยอยฉีดวัคซีนให้พลเมืองในประเทศก่อนตั้งแต่ต้นปีหน้า อาทิ สหรัฐอเมริกา รัสเซีย อังกฤษ จีน เยอรมนี ฝรั่งเศส และญี่ปุ่น ซึ่งประเทศเหล่านี้ ถือเป็นประเทศมหาอำนาจของโลก ทำให้เมื่อคาดว่าประเทศต้นทางเหล่านี้ ได้รับการฉีดวัคซีนในช่วงต้นปีหน้า การเปิดให้เดินทางเข้ามาในช่วงต้นปี 2564 คงทำได้ยาก โดยมองว่าการเปิดให้ต่างชาติเข้ามาน่าจะทำได้ในช่วงที่ผ่านฤดูหนาวของประเทศต้นทางแล้ว เนื่องจากในช่วงฤดูหนาวมีผลให้เชื่อไวรัสมีการแพร่กระจายและระบาดได้หนักขึ้น

การเปิดรับนักท่องเที่ยวต่างชาติ ยังขึ้นอยู่กับนโยบายของประเทศต้นทางด้วย อาทิ จีน ที่รัฐบาลจีนออกมาแสดงจุดยืนอย่างชัดเจนผ่านนโยบายที่ยังไม่อนุญาตให้พลเมืองจีน ออกเดินทางท่องเที่ยวไปต่างประเทศ เพราะมีความกังวลว่าจะนำเชื้อโควิด-19 จากประเทศปลายทางกลับมายังประเทศต้นทางหรือไม่ ซึ่งเบื้องต้นมีการกำหนดว่า จะยังไม่ให้คนจีนออกเดินทางไปต่างประเทศ จนกว่าจะถึงฤดูร้อนที่กำลังจะมาถึงนี้

Advertisement

44 ปี มติชน ประเทศไทยไปต่อ : พิพัฒน์ ยึดหลักนิวนอร์มอล ‘ท่องเที่ยว’ไหลลื่น

สิ่งที่น่าจะทำได้ในเร็วๆ นี้คือ การเปิดให้ต่างชาติเข้ามาแบบกักตัวเหลือ 10 วัน จากเดิมที่กำหนดว่า ต้องกักตัวอย่างน้อย 14 วันเท่านั้น โดยเป็นรูปแบบการกักตัวแบบ 10 บวก 4 วัน คือ กักตัว 10 วันอยู่ในโรงแรมเอเอสคิวหรือเอแอลเอสคิว ไม่สามารถเดินทางออกนอกโรงแรมได้ ส่วนอีก 4 วัน เป็นการกักตัวในพื้นที่ที่กำหนดไว้ อาทิ กำหนดให้พื้นที่ระหว่างจุดนี้ถึงจุดนี้ ใช้เป็นพื้นที่ในการกักตัวของต่างชาติที่เข้ามา ในแบบที่เดินทางระหว่างในพื้นที่นั้นๆ ได้ซึ่งในหลักการได้รับการอนุมัติแล้ว แต่ยังต้องทำรายละเอียดให้ชัดเจน ก่อนนำเสนอเข้าที่ประชุมศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโควิด-19 (ศบค.) อีกครั้ง โดยประเมินประเทศนำร่อง ที่จะทดลองการกักตัว 10 บวก 4 วัน เป็นกลุ่มประเทศยุโรป หรือสหรัฐ ในเมืองที่มีความเสี่ยงต่ำ เนื่องจากที่ผ่านมา มีนักท่องเที่ยวจากประเทศเหล่านี้ ชื่นชอบในการหนีหนาว เข้ามาพักผ่อนในประเทศไทยแบบพักอาศัยมากกว่า 20 วันขึ้นไป ให้เข้ามาอยู่ในรูปแบบควอรันทีน แอเรีย ซึ่งส่วนนี้เป็นแผนที่วางไว้ แต่อยู่ในการประเมินสถานการณ์ ว่ามีความเหมาะสมและเป็นไปได้มากหรือน้อยอย่างไร

⦁รูปแบบเที่ยวเปลี่ยนไป

หลังจากเกิดโรคระบาดขึ้น การเดินทางท่องเที่ยวจะเปลี่ยนไป เพราะจะเป็นการท่องเที่ยวภายใต้ความปกติวิถีใหม่ (นิวนอร์มอล) ซึ่งในปี 2564 เราไม่สามารถคาดหวังให้มีนักท่องเที่ยวต่างชาติ เดินทางเข้ามาจำนวนมากๆ เหมือนที่ผ่านมาได้ เพราะต้องให้เวลาในการปรับตัวของนักท่องเที่ยวด้วย โดยจากสภาวะการระบาดโควิด-19 ตั้งแต่ปลายปี 2562 จนถึงสิ้นปี 2563 และอาจจะกินเวลาจนถึงปี 2564 ด้วยนั้น ส่งผลกระทบอย่างหนักต่อภาวะเศรษฐกิจโลก รวมถึงเศรษฐกิจในหลายประเทศ ซึ่งประเทศไทยก็เป็นหนึ่งที่ได้รับผลกระทบอย่างรุนแรง ซึ่งปัจจัยนี้จะต้องรอการฟื้นตัว

ขณะนี้มีการประมาณการร่วมกับ ททท. ในปี 2564 จะมีจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติ เดินทางเข้ามาในประเทศไทย 5-10 ล้านคน ส่วนปี 2565 คาดว่าจะเข้ามาเพิ่มมากขึ้นกว่าปี 2564 เพราะเชื่อว่าจะเริ่มเห็นการฉีดวัคซีนที่มีประสิทธิภาพ สามารถกระจายได้อย่างทั่วถึงมากขึ้น ซึ่งจะทำให้ประชาชนในแต่ละประเทศได้รับการป้องกันมากขึ้น โดยเฉพาะประชาชนในประเทศที่หากได้รับวัคซีน และมีการฉีดป้องกันแล้วก็จะผ่อนคลายความกังวลลง ทำให้การเดินทางเข้ามาของต่างชาติ หมดความกังวลว่าจะเป็นการนำเชื้อโรคเข้ามาแพร่ระบาดในประเทศไทยใหม่อีกครั้ง ซึ่งกว่าจะถึงช่วงเวลานั้นก็ยอมรับว่า ประเทศไทยคงยังไม่สามารถปล่อยให้ต่างชาติเดินทางเข้ามาเที่ยวในประเทศได้อย่างเสรี

⦁พร้อมมาตรการต้อนรับเปิดประเทศ

สอดรับกับแผนงานที่วางไว้ตั้งแต่ช่วงการเข้ามารับตำแหน่งในระยะแรก ที่วางไว้ 4 หัวใจหลักคือ

1.ความปลอดภัย โดยจะเน้นมาตรฐานด้านสาธารณสุข และได้หารือในการวางแผนทำงานร่วมกับกองบัญชาการตำรวจท่องเที่ยว เพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้กับนักท่องเที่ยวทั้งคนไทยและต่างชาติ

2.ความสะอาด ทั้งร้านอาหาร โรงแรมที่พัก และแหล่งท่องเที่ยว

3.ความเสมอภาค โดยวางจุดยืนของการท่องเที่ยวไทย จะต้องเดินทางร่วมกันแบบไม่เอารัดเอาเปรียบกัน โดยเฉพาะนักท่องเที่ยวต่างชาติ ซึ่งที่ผ่านมา มีบางส่วนถูกเอาเปรียบในเรื่องราคา และอาจยังไม่สามารถเข้าไปดูแลได้ครบถ้วน เพราะที่ผ่านมามีนักท่องเที่ยวต่างชาติเดินทางเข้ามาท่องเที่ยวในประเทศจำนวนมาก แต่ปีหน้าจำนวนที่เข้ามาจะน้อยลง ทำให้การดูแลเชื่อว่าจะทำได้ดีมากขึ้น

และ 4.การรักษาสถานที่และแหล่งท่องเที่ยว เนื่องจากในช่วงการระบาดโควิด-19 แหล่งท่องเที่ยวตามธรรมชาติ มีการฟื้นฟูตัวเองกลับมาสวยงามตามเดิม ซึ่งในระยะต่อไปเมื่อมีนักท่องเที่ยวเข้ามาตามปกติ ก็จะต้องรักษาความสวยงามของแหล่งท่องเที่ยวเหล่านั้นไว้ให้คงอยู่ต่อไป โดยกระทรวงการท่องเที่ยวฯ จะทำงานร่วมกับกระทรวงมหาดไทย กระทรวงสาธารณสุข กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กระทรวงวัฒนธรรม และกระทรวงคมนาคม ซึ่งกระทรวงการท่องเที่ยวฯ จะบูรณาการทำงานร่วมกัน ว่าแหล่งท่องเที่ยวนั้นๆ อยู่ภายใต้การดูแลของกระทรวงใด ก็จะเป็นผู้ประสานงานกับกระทรวงอื่นๆ

ส่วนการเดินทางท่องเที่ยวในประเทศ แม้ต่างชาติที่เข้ามาพบแล้วว่า ไม่มีเชื้อโควิด-19 แต่ก็ต้องปฏิบัติตัวตามมาตรการสาธารณสุขอย่างเคร่งครัด

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image