สินค้าเข้าคิวขึ้นราคาเป็นหางว่าว”กาแฟ-ครีมเทียม-ปลากระป๋อง” จ่อปรับ ”เหล็ก” สวนกระแสลด 7-10%

สินค้าเข้าคิวขึ้นราคาเป็นหางว่าว ‘กาแฟ-ครีมเทียม-ปลากระป๋อง’ จ่อปรับ ‘เหล็ก’ สวนกระแสลด 7-10%

นายอภิชาติ ไพรรุ่งเรือง ประธานสหพันธ์การขนส่งทางบกแห่งประเทศไทย เปิดเผยว่า ตั้งแต่ 1 พฤษภาคม สมาชิกสมาคมฯจะปรับค่าขนส่งเพิ่มขึ้นอย่างน้อย20% ทั่วประเทศ หลังจากรัฐบาลปรับราคาน้ำมันดีเซล เป็น 32 บาทต่อลิตร ทั้งนี้ ได้มีการหารือกับลูกค้า ซึ่งบางส่วนยอมรับได้ แต่ก็มีบางส่วนไม่ยอมรับ ก็ต้องเจรจาต่อรองกันต่อไปอีกระยะหนึ่ง

“ดีเซลขึ้น ผลกระทบจะตามมา เมื่อต้นทุนขนส่งเพิ่ม ราคาสินค้าจะปรับราคาขึ้นตาม ในส่วนของผู้ประกอบการรถบรรทุก ตอนนี้มีความเดือดร้อนจากค่าใช้จ่าย ค่าครองชีพที่เพิ่มขึ้น เช่น ค่าผ่อนงวดรถ จากทั้งระบบ 4 แสนคัน มีประมาณ 40% ที่ผ่อนค่างวดกับไฟแนนซ์ และถูกยึดรถไปแล้ว 100 คัน หากปรับค่าขนส่งขึ้นแล้ว ลูกค้ารับไม่ได้ รายได้ไม่มี อาจจะมีหายไปจากระบบเพิ่ม และอาจมีการฝ่าฝืนบรรจุเกินน้ำหนักที่กฎหมายกำหนดไว้” นายอภิชาติกล่าว

กาแฟ-ครีมเทียมขึ้นมิ.ย.

Advertisement

แหล่งข่าวจากร้านค้าปลีกค้าส่งรายใหญ่ ย่านบางบัวทอง เปิดเผยว่า ช่วงเดือนเมษายนถึงมิถุนายนนี้ มีผู้ผลิตสินค้าอุปโภคและบริโภค แจ้งปรับราคาสินค้าเกือบทุกรายการ ทั้งต้นทุนขนส่งและราคาขายปลีก ตามต้นทุนการผลิตและค่าขนส่งที่สูงขึ้น ล่าสุดวันที่ 21 เมษายนที่ผ่านมา ผู้ผลิตและจำหน่ายกาแฟยี่ห้อยอดนิยม แจ้งขึ้นราคากาแฟปรุงสำเร็จชนิดผงทรีอินวันอีก 80 บาทต่อลัง (ลังละ 12 ห่อ) หรือขึ้น 8 บาทต่อห่อ (ห่อละ 60 ซอง) ส่วนในเดือนมิถุนายน จะเป็นการขึ้นราคาหมวดกาแฟกระป๋องอีก 2 บาทต่อกระป๋อง จาก 15 บาท เป็น 17 บาท และครีมเทียม

‘มาม่า’แก้เกมออกไซซ์ใหม่

แหล่งข่าวระบุอีกว่า ในเดือนมิถุนายน จะมีสินค้าอีกจำนวนมากขอปรับขึ้นราคา อาทิ ปลากระป๋อง นมถั่วเหลืองแบบขวดขอปรับ 5% ต่อขวด ซอสปรุงอาหารปรับขึ้น 15% ทุกขนาด ส่วนบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปยี่ห้อมาม่า ที่แจ้งขอขึ้นตามต้นทุนขนส่งเดือนพฤษภาคม แต่คงราคาขายปลีกเท่าเดิมสำหรับซองเล็กอยู่ที่ 6 บาท แต่ได้เพิ่มน้ำหนักจากเดิม 90 กรัม ราคา 8 บาท เป็น 95 กรัม ราคา 10 บาท สำหรับมาม่าบิ๊กแพค หรือประมาณ 20% ส่วนยี่ห้อไวไวราคาขายส่งตามต้นทุนขนส่ง โดยคงราคาขายปลีกหน้าซองที่ 6 บาทเหมือนเดิม

Advertisement

สินค้าล็อตใหม่แห่ปรับราคา

แหล่งข่าวกล่าวว่า สำหรับสินค้าที่ขึ้นราคามาแล้ว ช่วงเดือนมีนาคม-เมษายน และมีแนวโน้มจะปรับขึ้นอีกตามต้นทุนใหม่ ตั้งแต่เดือนพฤษภาคม ซึ่งที่ได้ปรับราคาขึ้นแล้ว อาทิ ผงซักฟอกชนิดน้ำขนาด 700 กรัม จาก 44-45 บาทต่อถุง เป็น 53 บาทต่อถุง แชมพูสระผม ราคาแพคคู่ จาก 1448 บาท เป็น 154-155 บาท นมข้นหวานและนมสดกระป๋องปรับขึ้น 2 บาท เครื่องดื่มชูกำลังปรับขึ้นตามต้นทุนขนส่ง 10 บาทต่อลัง (ลังละ 50 ขวด) เป็นต้น

“ในส่วนของน้ำมันพืชบรรจุขวด 1 ลิตร ที่ผ่านมาปรับขึ้นเป็นรายอาทิตย์ ตอนนี้ผู้ผลิตน้ำมันปาล์มขายปลีก (ลิตร) อยู่ที่ 65-66 บาท น้ำมันถั่วเหลือง (ลิตร) อยู่ที่ 67 บาท ล่าสุด ได้มีการจำกัดจำนวนสั่งซื้อน้ำมันถั่วเหลืองกับผู้ค้าส่งแล้ว หลังราคาน้ำมันปรับตัวสูงขึ้นต่อเนื่องและกำลังผลิตเริ่มน้อยลง เพราะผู้บริโภคหันซื้อน้ำมันถั่วเหลืองแทนน้ำมันปาล์มที่มีราคาแพงมาก” แหล่งข่าวกล่าว

‘สปอนเซอร์’เอาด้วยขึ้น2บาท

แหล่งข่าวจากร้านค้าปลีกค้าส่ง ย่านพระราม 3 กล่าวว่า ตั้งแต่พฤษภาคมนี้ มีสินค้าจะปรับราคาขึ้นอีกจำนวนมาก อ้างเรื่องราคาค่าขนส่งสูงขึ้น หลังรัฐบาลปรับขึ้นดีเซลจาก 30 บาทต่อลิตร เป็น 32 บาทต่อลิตร โดยทางร้านได้รับแจ้งจากผู้ผลิตเครื่องดื่มเกลือแร่ยี่ห้อ สปอนเซอร์ ขอปรับราคาอีก 2 บาทต่อขวด จาก 10 บาทต่อขวด เป็น 12 บาทต่อขวด มีผลวันที่ 1 พฤษภาคม 2565

“ตอนนี้หลังมีข่าวว่าสินค้าจะขึ้นราคา มีร้านค้าปลีกค้าส่งและร้านค้าย่อย เริ่มซื้อตุนสินค้าไว้ล่วงหน้า ทำให้สต๊อกในร้านค้าขนาดใหญ่เริ่มขาด อีกทั้งผู้ผลิตสินค้าผลิตสินค้าป้อนตลาดไม่ทัน เช่น เครื่องดื่มโซดา ที่ปรับราคารอบ 2 เมื่อเดือนเมษายน อีก 10 บาทต่อถาด (ถาดละ 24 ขวด) หรือปรับขึ้น 0.80 บาทต่อขวด เริ่มไม่มีสต๊อกขายแล้ว อาจมีการปรับราคารอบ 3 ได้” แหล่งข่าวกล่าว

แหล่งข่าวกล่าวต่อว่า สำหรับเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ หลังผู้ผลิตเบียร์ทุกยี่ห้อ ปรับราคาขึ้นเแล้วก่อนเข้าเทศกาลสงกรานต์ต้นเดือนเมษายนที่ผ่านมา ขณะที่ยังไม่ได้รับแจ้งราคาใหม่ เนื่องจากหมดช่วงเทศกาลสงกรานต์แล้ว คาดว่าต้องรอประเมินต้นทุนขนส่งในเดือนพฤษภาคมนี้ก่อน

จำกัดซื้อน้ำมันพืช-น้ำปลา

ผู้สื่อข่าวได้รับการร้องเรียนจากประชาชนว่า ในค้าปลีกเริ่มไม่มีสินค้าบางชนิด และได้สำรวจสถานการณ์ราคาสินค้าในห้างค้าปลีกในย่านลาดพร้าว พบว่า น้ำมันพืชบรรจุขวด (1ลิตร) ในส่วนของน้ำมันถั่วเหลือง และน้ำมันปาล์ม สินค้าวางบนชั้นวางสินค้าบางตาและบางช่วงขาด จนบางสาขาได้จำกัดจำนวนซื้อต่อครอบครัวไม่เกิน 6 ขวด ขณะที่ราคาขายน้ำมันปาล์มเฉลี่ยอยู่ที่ 62-64 บาทต่อขวด บางแห่งเกิน 66 บาท ส่วนน้ำมันถั่วเหลืองเฉลี่ยอยู่ที่ 62-63 บาทต่อขวด นอกจากนี้ยังมีจำกัดการซื้อน้ำปลาอีกยี่ห้อ ขนาด 700 ซีซี ครอบครัวละไม่เกิน 6 ขวด เพิ่มเติมจากเดิม ที่ก่อนหน้านี้จำกัดการซื้อไปแล้ว 1 ยี่ห้อ

เหล็กสวนกระแสลด7-10%

นางจรรยา สว่างจิตร ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท พี.โอเวอร์ซีส์ สตีล จำกัด (มหาชน) ผู้ค้าเหล็ก กล่าวว่า ขณะนี้ราคาเหล็กในประเทศในส่วนของราคาเหล็กเส้นที่ใช้ในการก่อสร้าง ราคาเริ่มปรับตัวลดลง จากก่อนสงกรานต์ราคาขายเกิน 30 บาทต่อกิโลกรัม ล่าสุดราคาอยู่ที่ 28 บาทต่อกิโลกรัม หรือปรับลดประมาณ 7-10% เนื่องจากความต้องการใช้ในประเทศเริ่มชะลอตัวตามภาวะการก่อสร้างที่เริ่มน้อยและแรงงานยังไม่กลับเข้าสู่ระบบจากสถานการณ์โควิดระบาด ประกอบกับวัตถุดิบนำเข้าจากต่างประเทศและราคาพลังงานเริ่มทรงตัวในช่วงนี้ ทำให้โรงงานผู้ผลิตไม่กล้าขึ้นราคามาก จึงตั้งราคาขายในราคาที่พอจะรับได้ทั้งผู้และผู้ขาย เพื่อรักษากระแสเงินสดไว้ เพราะยังมีสต๊อกเก่าเหลืออยู่

“ราคาที่ปรับลง คงแค่ช่วงระยะสั้นๆ ต้องรอดูพฤษภาคมนี้ หลังขึ้นราคาน้ำมันดีเซล จะส่งผลกระทบต่อต้นทุนการขนส่งวัสดุก่อสร้างสต๊อกใหม่มากน้อยแค่ไหน” นางจรรยากล่าว

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image