มติชน สมาร์ท บิซ 28 เมษายน 2559
เอสซีจีระบุความต้องการใช้ปูนซีเมนต์ปีนี้โตร้อยละ 3-5 โดยไตรมาสแรกของปีนี้ภาครัฐเติบโตสูงถึงร้อยละ 20 สวนทางกับภาคที่อยู่อาศัยหดตัวสะท้อนความกำลังซื้อและความเชื่อมั่นยังไม่ดี
นายรุ่งโรจน์ รังสิโยภาส กรรมการผู้จัดการใหญ่ เอสซีจี แถลงผลประกอบการไตรมาส 1 ปี 2559 จากงบการเงินรวมก่อนสอบทาน ว่า มีรายได้จากการขายรวม 109,998 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 4 จากไตรมาสก่อนมีกำไร 13,619 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 19 จากไตรมาสก่อน และเพิ่มขึ้นร้อยละ 23 จากช่วงเดียวกันของปีก่อน
สำหรับภาพรวมเศรษฐกิจไทย หากพิจารณาจากมุมมองสินค้าหลักที่เอสซีจีจำหน่าย คือ ปูนซีเมนต์ไตรมาสแรกโตร้อยละ 5 กระดาษและบรรจุภัณฑ์โตร้อยละ 3 และเม็ดพลาสติกโตร้อยละ 4 นับว่าการลงทุนภาครัฐเริ่มส่งผลต่อเศรษฐกิจมีสัญญาณขยายตัวขึ้นเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันปีที่ผ่านมา
อย่างไรก็ตาม ต้องจับตาไตรมาส 2 เพราะช่วงปลายเดือนมีนาคมที่ผ่านมาตลาดโตขึ้นผิดปกติ ซึ่งอาจเกิดจากสาเหตุวันหยุดยาวจึงมีการเตรียมสินค้าไว้ ดังนั้น จะต้องรอความชัดเจนของตลาดในช่วงเดือนเมษายน-มิถุนายน อย่างไรก็ตาม เชื่อมั่นว่าเศรษฐกิจไทยจะเติบโตร้อยละ 3 ส่วนเงินบาทที่แข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับต้นปี เอสซีจี เป็นผู้ส่งออกสินค้าย่อมได้รับผลกระทบจากรายได้ที่ลดลงจากอัตราแลกเปลี่ยนที่แข็งค่าขึ้นเมื่อแปลงมาเป็นสกุลเงินบาท
ส่วนตลาดปูนซีเมนต์ประเทศไทยไตรมาสแรกปีนี้เติบโตร้อยละ 5 และยังไม่สม่ำเสมอ โดยการใช้ซีเมนต์ภาครัฐเป็นภาคเดียวที่อัตราการเติบโตการใช้ปูนซีเมนต์สูงมากโตขึ้นร้อยละ 20 เนื่องจากรัฐบาลพยายามเร่งรัดการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานขนาดใหญ่บวกกับการใช้จ่ายงบประมาณออกไปยังภูมิภาคตามท้องถิ่นทั่วประเทศ ขณะที่การใช้ปูนซีเมนต์ภาคที่อยู่อาศัยภาพรวมทั้งประเทศยังคงหดตัวติดลบร้อยละ 2 สะท้อนกำลังซื้อและความเชื่อมั่นผู้บริโภคที่ยังไม่ดี
