‘มัสแตง’ได้ฤกษ์บุกไทย ได้เวลาปราบพยศ‘ม้าป่า’! : โดยนายพล

มีคนสงสัยว่าทำไมช่วงนี้ค่าย ฟอร์ด จะเล่นแต่ของแรงๆ ทั้งการเปิดตัวปิกอัพ เพอร์ฟอร์แมนซ์ อย่าง ฟอร์ด เรนเจอร์ แร็พเตอร์

และล่าสุดเปิดตัว ฟอร์ด มัสแตง ฉายา ม้าป่า ซุปเปอร์คาร์ตัวแรง ที่สร้างชื่อเสียงมาแล้วทั่วโลก

ได้รับการยืนยันจากทางผู้บริหาร ฟอร์ด ประเทศไทย ว่าเป็นเรื่องของจังหวะมากกว่า เพราะมัสแตงผลิตรุ่นที่เหมาะกับตลาดเมืองไทย จึงนำเข้ามาเปิดตัว

สำหรับฟอร์ด มัสแตง ถือกำเนิดเมื่อปี ค.ศ.1964 ที่สหรัฐอเมริกา และรุ่นที่นำเข้ามาขายในบ้านเราก็นำเข้ามาจากสหรัฐอเมริกา ชื่อมัสแตง มาจากชื่อของเครื่องบินรบสหรัฐอเมริกา

Advertisement

เป็นรถยนต์ขับเคลื่อนล้อหลัง จะสังเกตได้ว่ารูปลักษณ์จากด้านหลังมาด้านหน้าจะลาดเอียงมากกว่าปกติ

จุดเด่นคือเป็นรถซุปเปอร์คาร์เครื่องแรงและเสียงค่อนข้างดังฟังแล้วเร้าใจเป็นเอกลักษณ์

Advertisement

รุ่นที่นำเข้ามาทำตลาดในเมืองไทยมี 2 รุ่นคือ รุ่น 5.0L V8 จีที คูเป้ เพอร์ฟอร์แมนซ์ แพค (GT Coupe Performance Pack) ได้รับการพัฒนาให้ดียิ่งขึ้น เพื่อมอบพลังที่มากกว่าและรอบเครื่อง เรด ไลน์ (red line) สูงกว่าที่เคยมีมา ด้วยระบบหัวฉีดสองระบบ (Dual-Fuel) ผสานระบบไดเร็กต์อินเจ็กชั่นแรงดันสูง (High-Pressure Direct Injection) และระบบฉีดเชื้อเพลิงที่ท่อแบบแรงดันต่ำ (Low-Pressure Port Fuel Injection)

พละกำลังสูงสุดถึง 460 แรงม้าที่ 7,000 รอบต่อนาที และแรงบิด 556 นิวตันเมตรที่ 4,600 รอบต่อนาที อัตราเร่ง 0-100 กม.ต่อ ชม. ในเวลา 4.3 วินาที อีกทั้งยังเพิ่มแรงบิดในช่วงรอบเครื่องต่ำ เมื่อผสานกับเกียร์อัตโนมัติ 10 สปีดของฟอร์ด อัตราสิ้นเปลืองน้ำมัน 7.8 กิโลเมตร/ลิตร อัตราการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ 297 กรัม/กิโลเมตร

และ รุ่น 2.3L อีโคบูสต์ คูเป้ เพอร์ฟอร์แมนซ์ แพค (EcoBoost Coupe Performance Pack) เมื่อใช้งานคู่กับเกียร์ อัตโนมัติ 10 สปีด มอบขุมพลัง 300 แรงม้าที่ 5,400 รอบต่อนาที และแรงบิด 440 นิวตันเมตรที่ 3,000 รอบต่อนาที อัตราเร่ง 0-100 กม.ต่อ ชม. ในเวลา 5 วินาที อัตราสิ้นเปลืองเชื้อเพลิง 10.8 กิโลเมตร/ลิตร อัตราการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ 217 กรัม/กิโลเมตร

นอกจากนี้มีฟังก์ชั่น โอเวอร์บูสต์ (Overboost) ยังช่วยเพิ่มแรงดันอากาศจากเทอร์โบทุกครั้งที่เปิดโอกาสให้ผู้ขับขี่ได้สนุกสนานกับเครื่องยนต์ที่ตอบสนองได้รวดเร็วดั่งใจในทุกการเร่งเครื่อง
สำหรับเครื่องยนต์อีโคบูสต์รุ่นนี้ของมัสแตง จะแตกต่างจากอีโคบูสต์ปกติของฟอร์ด

เพราะเทอร์โบจะเป็นการบีบทางเดินท่อไอเสียตั้งแต่ต้นทางไปยันปลายทาง ทำให้ช่วยสร้างพละกำลังตั้งแต่ตีนต้น

ที่สำคัญรุ่นอีโคบูสต์จะขับง่าย ช่วยลดความแรงแบบดิบๆ ของมัสแตง ช่วยให้ม้าป่ากลายมาเป็นม้าบ้านเชื่องๆ แต่ทรงพลังได้ไม่ยาก

มัสแตงถือว่าเป็นรถที่อัดแน่นไปด้วยเทคโนโลยีสำหรับผู้ที่ชอบรถสมรรถนะสูงหรือเพอร์ฟอร์แมนซ์

ขณะเดียวกันก็สามารถเลือกจะให้ลูกค้าสะดวกสบายกับการใช้งานอุปกรณ์ต่างๆ เช่น สามารถปรับเสียงเครื่องยนต์ให้ดังแบบสะใจ หรือเบาเหมือนรถหรูทั่วไปได้

ที่สำคัญคือสามารถตั้งเวลาที่ต้องการให้รถปรับท่อให้เสียงดังแบบเร้าใจเวลาไหนก็ได้ เพราะติดตั้งวาล์วปรับเสียงที่ท่อไอเสียคู่ใน 2 ท่อ จากทั้งหมดมี 4 ท่อ เรียกว่าระบบ ไควเอท โหมด (Quiet Mode) โหมดที่เป็นมิตรต่อเพื่อนบ้านสามารถตั้งค่าให้ท่อไอเสียเงียบได้ในแต่ละช่วงเวลา

นอกจากนี้ ยังเลือกสีแสงไฟที่หน้าปัดให้แตกต่างกันได้ถึง 7 สี ปรับสีหน้าปัดเกจวัดได้อีก 3 สี มีแอร์แบ๊ก 8 ลูก ผู้โดยสารด้านข้างคนขับจะมีระบบกันกระแทกที่เข่าด้วย

มีระบบฝากระโปรงรถจะดีดขึ้น เมื่อเกิดอุบัติเหตุชนคน เพื่อไม่ให้คนมาชนกระจก ลดความรุนแรงจากอาการบาดเจ็บได้

สำหรับระบบส่งกำลัง มีระบบควบคุมอิเล็กทรอนิกของเกียร์อัตโนมัติ 10 สปีด ช่วยให้สามารถปรับแต่งเครื่องตามโหมดการขับขี่ต่างๆ ระบบควบคุมการเปลี่ยนเกียร์แบบเรียลไทม์ สามารถปรับเกียร์ตามสถานการณ์ต่างๆ ได้อย่างถูกต้องและรวดเร็ว

วิศวกรของฟอร์ดยังปรับลดความสูงของช่วงหน้าและเพิ่มขนาดของสปลิตเตอร์หรือลิ้นหน้า เพื่อเพิ่มแรงกด ในช่วงหน้าของตัวรถให้สามารถยึดเกาะถนนได้อย่างมั่นคงยิ่งขึ้น แผงกันชนด้านหลังล้อหน้ายังช่วยให้อากาศไหลผ่านใต้ตัวรถได้ดียิ่งขึ้น ช่วยลดแรงต้านได้มากถึง 3 เปอร์เซ็นต์

กันชนหลังและดิฟฟิวเซอร์แบบใหม่ ท่อไอเสีย 4 ท่อพร้อมรองรับความแรงของเครื่องยนต์ V8 ขนาด 5.0 ลิตร และมีสปอยเลอร์เป็นมาตรฐานในรุ่น GT ส่วนรุ่นอีโคบูสต์จะเป็นรูปม้าป่า มัสแตง

ทั้งสองรุ่นมาพร้อมชุดแต่ง เพอร์ฟอร์แมนซ์ แพค (Performance Pack) ให้เฟืองท้ายแบบ ลิมิเต็ด สลิป (Limited-Slip) ช่วยเกาะถนนได้ดี ทำให้การขับขี่ในโค้งสนุกสนานขึ้น ล้ออัลลอยสีดำขนาด 19 นิ้วในทั้งสองรุ่น รวมถึงระบบเบรกเบรมโบ (Brembo) ในรุ่น GT

มีระบบอิเล็กทรอนิก ไลน์ ล็อก (Electronic Line Lock) ช่วยให้ผู้ขับขี่สามารถเบิร์นยางคู่หลังได้อย่างง่ายดาย พร้อมกับการแข่งทางตรง (drag strip) โดยล้อจะหมุนเพื่อเบิร์นอย่างเดียว แต่จะไม่สามารถออกตัวรถได้ทันทีหลังเบิร์นยาง เพื่อความปลอดภัย ระบบนี้ติดตั้งเป็นอุปกรณ์มาตรฐานทั้งสองรุ่น

โช้กอัพปรับแต่งใหม่ช่วยให้เข้าโค้งได้อย่างมั่นคง ช่วงล่างออกแบบให้แข็งแกร่งขึ้นด้วยข้อต่อแบบครอสส์-แอ๊กซิส (Cross-Axis) ช่วยลดการเคลื่อนไหวที่ไม่จำเป็นในการเข้าโค้งที่สามารถนำไปสู่การบิดของตัวถังได้ เหล็กกันโคลงที่หนาขึ้นยังช่วยลดอาการโคลง (body-roll) ช่วยให้ควบคุมรถได้เฉียบคมขึ้น

โหมดการขับขี่ใหม่มี 2 โหมด เพื่อช่วยให้ผู้ขับขี่ปรับการควบคุมเสถียรภาพการทรงตัว การตอบสนองของคันเร่ง รูปแบบการเปลี่ยนเกียร์อัตโนมัติ พวงมาลัยและการทำงานโหมดปรับระดับความดังของชุดท่อไอเสีย (Active Valve Performance Exhaust) ให้เหมาะกับการขับขี่แบบต่างๆ โดยมี 2 โหมดใหม่ นอกจากโหมดปกติ (Normal) โหมดสปอร์ต (Sport) โหมดแทร็ก (Track) และโหมดหิมะ/พื้นเปียก (Snow/Wet) คือ โหมดแข่งทางตรง (Drag Strip) เพื่อประสิทธิภาพอัตราเร่งสูงสุด และโหมดการแข่งขันแบบควอเตอร์ไมล์ในสนามแข่ง

มีโหมดมายโหมด (My Mode) ให้ผู้ขับขี่ได้เลือกตั้งค่าสมรรถนะการขับขี่และเสียงท่อไอเสียได้ตามต้องการ

มีระบบเตือนการชน (Pre-Collision Assist) ผสานระบบช่วยเบรกฉุกเฉิน อัตโนมัติพร้อมระบบตรวจจับคนเดินถนน (AEB) และระบบตรวจจับยานพาหนะ (Vehicle Detection) ออกแบบมาเพื่อลดความรุนแรง และบางกรณียังสามารถลดอัตราการชนยานพาหนะหรือคนเดินถนนจากด้านหน้ารถได้

มีระบบควบคุมความเร็วแบบรักษาระยะห่างอัตโนมัติ (Adaptive Cruise Control) และระบบแจ้งเตือนระยะห่าง (Distance Alert) เป็นครั้งแรก ระบบช่วยควบคุมรถให้อยู่ในช่องทาง และแจ้งเตือนเมื่อออกนอกช่องทาง

แผงหน้าปัดแสดงผลดิจิทัล LCD ขนาด 12 นิ้ว จะแสดงข้อมูลที่เหมาะสมกับโหมดขับขี่แต่ละโหมด การแสดงผลจะเปลี่ยนตามโหมดขับขี่โดยอัตโนมัติ นอกจากนี้ เมื่อใช้งานฟีเจอร์ Electronic Line Lock ผู้ขับขี่ยังจะเห็นแอนิเมชั่นแบบวิดีโอเกมเป็นครั้งแรกบนหน้าจอ 12 นิ้วอีกด้วย

 

มีระบบสื่อสารและความบันเทิงภายใน SYNC 3 ช่วยให้ผู้ขับขี่สามารถเชื่อมต่อและควบคุมสมาร์ทโฟน ระบบเสียง ระบบนำทางและระบบปรับอากาศด้วยการสั่งงานด้วยเสียงและการสั่งงานด้วยการสัมผัสบนหน้าจอทัชสกรีนกลางขนาด 8 นิ้ว โดยระบบ SYNC 3 รองรับทั้ง แอปเปิลและแอนดรอยด์

สำหรับการเปิดตัวในครั้งนี้ทางฟอร์ดได้จัดให้มีการทดลองขับที่สนามพีระเซอร์กิต พัทยา เป็นการทดลองขับแบบสั้นๆ คนละ 1 รอบต่อ 1 รุ่น เริ่มต้นด้วยเครื่องยนต์ 2.3 อีโคบูสต์

แน่นอนว่าอัตราเร่งที่ดีตามกำลังเครื่องยนต์ ขับง่ายไม่ต้องใช้พละกำลังควบคุมมากนัก แม้ขณะใช้ความเร็วสูง ส่วนการควบคุมรถ พวงมาลัยแม่นยำมาก ช่วงล่างหายห่วง ส่วนเครื่องยนต์ V8 5.0 ลิตร มาประเภทหลังติดเบาะ แถมเสียงเครื่องยนต์คำรามแบบสะใจคุณนายผู้ว่า แต่ว่าภายในห้องโดยสารกลับเก็บเสียงได้ดี

 

ฟอร์ด มัสแตง ที่จำหน่ายในประเทศไทย มีให้เลือกทั้งหมด 4 สีคือ สีส้ม ออเรนจ์ ฟิวรี่ เมทัลลิก ไตร-โค้ท (Orange Fury Metallic Tri-Coat) สีดำชาโดว์ แบล๊ก เมทัลลิก (Shadow Black Metallic) สีแดง เรซ เรด (Race Red) และสีเทา แมคเนติก เมทัลลิก (Magnetic Metallic)

ใครสนใจจะปราบพยศม้าป่า ตั้งราคาจำหน่ายช่วงเปิดตัวไว้ที่ รุ่น 5.0L V8 GT Coupe Performance Pack ราคา 4,799,000 บาท และรุ่น 2.3L EcoBoost Coupe Performance Pack ราคา 3,599,000 บาท

มาพร้อมการรับประกันคุณภาพรถนานสูงสุดถึง 5 ปี หรือ 100,000 กิโลเมตร พร้อมบริการฟรีค่าแรงและค่าอะไหล่ในการตรวจเช็กตามระยะ 5 ครั้ง นาน 60 เดือน หรือ 75,000 กิโลเมตร อีกทั้งบริการช่วยเหลือฉุกเฉินตลอด 24 ชั่วโมง เป็นเวลา 5 ปี

นายพล

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image