สกู๊ปหน้า 1 : ‘ดำรงค์ พิเดช’ ชูพรรคเฉพาะทาง ‘ทวงคืนผืนป่า’

แม้จะยังไม่มั่นใจกันนักว่าจะมีการเลือกตั้งกันวันไหน เมื่อไหร่ ภายในปี 2562 แต่วันนี้หลายพรรคการเมืองก็เริ่มทยอยเปิดตัว เปิดนโยบาย เตรียมพร้อมสำหรับการเลือกตั้งแล้ว

พรรคทวงคืนผืนป่าประเทศไทย ที่ก่อตั้งโดย ดำรงค์ พิเดช อดีตอธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช ก็จัดประชุมพรรค เมื่อวันที่ 20 ตุลาคม ที่ จ.สุพรรณบุรี

ทวงคืนผืนป่าเป็นพรรคการเมืองพรรคเดียวในประเทศที่ประกาศว่านโยบายของพรรคจะไม่ทำอย่างอื่นที่ไม่ถนัดและทำไม่เป็น โดย ดำรงค์Ž ระบุว่า ตั้งใจมาเล่นการเมืองเพื่อจะทำงานด้านป่าไม้โดยเฉพาะเท่านั้น อย่างอื่นให้คนอื่นที่ทำเป็น ทำไป

ตั้งแต่ที่เป็นอธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติจนถึงวันที่เกษียณอายุราชการ ยังรู้สึกว่ามีงานด้านป่าไม้อีกมากที่ยังไม่ได้ทำ ยังทำไม่เสร็จ และต้องหาทางสานต่อให้ได้ การได้รับโอกาสทางการเมืองเพื่อให้สามารถวางนโยบายด้านป่าไม้ได้จะเป็นเรื่องที่ดีมาก พรรคเรามีเรื่องมากมายที่ตั้งใจจะทำ และจะทำเรื่องนี้เพียงเรื่องเดียวเท่านั้นŽ

Advertisement

อดีตอธิบดีกรมอุทยาน บอกว่า ปัจจุบันประเทศไทยมีปัญหาเรื่องการบุกรุกทำลายป่าเป็นจำนวนมาก บางรัฐบาลหาวิธีเพิ่มพื้นที่ป่าหลายยุคหลายสมัยแต่ก็ไม่เป็นผลสำเร็จ มีแต่บุกรุกทำลายเพื่อการเกษตรกรรมไม่จบสิ้น

พรรคทวงคืนผืนป่าจึงคิดหาวิธีการขึ้นมาเพื่อจะเพิ่มพื้นที่ป่าไม้ให้ได้ร้อยละ 40 ของพื้นที่ประเทศ ขณะนี้ประเทศไทยมีป่าเหลืออยู่ร้อยละ 28 ซึ่งนับวันจะหมดลงทุกๆ ปี ทั้งป่าสงวนและป่าต้นน้ำลำธาร และจะมีผล กระทบต่อสิ่งแวดล้อมต่างๆ รวมทั้งใช้สารเคมีบนพื้นที่ต้นน้ำลำธาร

นโยบายการจัดการป่าของพรรคทวงคืนผืนป่า ประกอบด้วย การจัดการป่า 4 ประเภท

Advertisement

1.ในกรณีที่ดินกรรมสิทธิ์ที่ได้ทำการเกษตร บริเวณบ้าน หรือที่ว่างเปล่า สามารถปลูกต้นไม้ตามชนิดที่กรมป่าไม้กำหนดไว้ในบัญชีท้ายพระราชกฤษฎีกากำหนดไม้หวงห้ามตามพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) ป่าไม้ พ.ศ.2530 ทั้งประเภท ก และ ข จำนวน 171 ชนิด ซึ่งกรมป่าไม้จะจัดหากล้าไม้ให้โดยไม่คิดค่าใช้จ่ายแต่อย่างใด

เมื่อนำต้นไม้เหล่านี้ไปปลูกในพื้นที่ดังกล่าว และเมื่อต้นไม้เจริญเติบโตอายุ 2 ปี จะได้รับผลตอบแทนเป็นเงินช่วยเหลือเพื่อแก้ปัญหาสภาวะโลกร้อนตามความโตของต้นไม้ โดยปลูก 1 ไร่ ไม่เกิน 100 ต้น วัดความโตของต้นไม้ที่ความสูง 1.30 เมตร ตามเส้นผ่านศูนย์กลางของต้นไม้ แล้วคิดเป็นจำนวนเงินเฉลี่ย แต่ต้องได้มากกว่าพืชผลการเกษตรที่ได้ปลูกไป เฉลี่ยไร่ต่อไร่ ทุกๆ ปีตลอดไป ถ้าหากไม่ตัดต้นไม้เหล่านั้น

2.ในกรณีที่ดินของรัฐจัดสรรให้ราษฎรทำกิน เช่น สทก., ส.ป.ก. หรือที่นิคมต่างๆ และพื้นที่อื่นๆ ที่รัฐกำหนด สามารถเปลี่ยนแปลงพืชผลทางการเกษตรที่ปลูกเหล่านั้น เช่น อ้อย, มันสำปะหลัง, ข้าวโพด, ยางพารา และปาล์มน้ำมัน แล้วมาปลูกต้นไม้ตามที่รัฐกำหนด สามารถรับเป็นเงินค่าตอบแทนเพื่อแก้ปัญหาสภาวะโลกร้อนเช่นเดียวกับกรณีในที่ดินกรรมสิทธิ์ได้ โดยให้มีผลตอบแทนมากกว่าพืชผลทางการเกษตรเหล่านั้นโดยไม่ต้องใช้สารเคมี

3.ในกรณีพื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติ ผู้ที่เข้าไปบุกรุกทำกิน หรือผู้ที่ถูกจับดำเนินคดี ให้รัฐยุติดำเนินคดีกับชาวบ้าน แต่กับนายทุนไม่มีการยกเว้น โดยให้ราษฎรเหล่านั้นทำการเช่าพื้นที่ป่าไร่ละ 10 บาท โดยให้กับ อบต.เป็นจำนวนเงิน 5 บาท และอีก 5 บาท มอบให้กับกรมป่าไม้ ทั้งนี้ สามารถดำเนินการเกี่ยวกับผลผลิตในพื้นที่ป่าเหล่านั้นได้เสรี เช่น สามารถตัดต้นยางพารา ต้นปาล์มน้ำมัน หรือปลูกใหม่ได้ หรือเมื่อพืชผลเหล่านั้นได้รับความเสียหายจากภัยธรรมชาติ สามารถรับเงินชดเชยได้

หากประสงค์จะเปลี่ยนอาชีพใหม่ด้วยการปลูกไม้ป่าทดแทนตามกรณีของที่ดินกรรมสิทธิ์ที่ได้ทำการเกษตรก็สามารถดำเนินการได้ และจะได้ค่าตอบแทนเป็นเงินเพื่อแก้ปัญหาสภาวะโลกร้อน ต้นไม้ที่ปลูกแล้วไม่สามารถตัดได้ แต่จะได้รับค่าตอบแทนเป็นเงินไปตลอดทุกๆ ปี

โดยพื้นที่ป่าที่เช่าจากกรมป่าไม้จะได้รายละไม่เกิน 30 ไร่ เป็นเวลา 30 ปี ใน 30 ไร่นั้น จะต้องปลูกไม้ป่าตามบัญชีของกรมป่าไม้อย่างน้อยร้อยละ 10 ของพื้นที่ที่เช่า และต้นไม้ที่ปลูกจะได้รับค่าตอบแทนเพื่อแก้ปัญหาสภาวะโลกร้อนซึ่งมีมูลค่ามากกว่าพืชผลทางการเกษตรเหล่านั้นในสัดส่วนไร่ต่อไร่ หากผิดสัญญาจะถูกยกเลิกการเช่าพื้นที่นั้น และให้รายอื่นมาเช่าแทน

4.ในกรณีป่าต้นน้ำลำธาร ส่วนใหญ่จะมีชนกลุ่มน้อยอาศัยอยู่ตามภูเขาสูงชัน ซึ่งราษฎรเหล่านั้นสามารถเปลี่ยนอาชีพจากเดิมได้ จากที่เคยปลูกพืชไร่ เช่น กะหล่ำปลี ข้าวโพด หรือพืชผักผลไม้อย่างอื่น ก็สามารถเปลี่ยนมาปลูกป่าบนพื้นที่ต้นน้ำตามชนิดไม้ที่กรมป่าไม้หรือกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่าและพันธุ์พืชกำหนด โดยจะได้รับผลตอบแทนเป็นเงินเพื่อแก้ปัญหาสภาวะโลกร้อนในอัตราเดียวกันกับป่าสงวนแห่งชาติ ซึ่งมีมูลค่ามากกว่าพืชผลทางการเกษตรเหล่านั้น เพื่อลดการใช้สารเคมีต่างๆ บนพื้นที่ต้นน้ำลำธาร แต่ละปีจะได้รับค่าตอบแทนตลอดไปตามความเจริญเติบโตของต้นไม้

ทวงคืนผืนป่าเป็นพรรคเล็กๆ ไม่ได้มีเงินทุนอะไรมากมาย มีหลายคนถามว่า คาดหวังอะไรกับการเล่นการเมืองครั้งนี้ ผมก็ตอบทุกครั้งว่า ไม่ได้คาดหวังอะไร แต่จะบอกว่าสิ่งที่พรรคทวงคืนผืนป่าจะทำนั้น ไม่เคยมีพรรคการเมืองพรรคไหนทำ หรือคิดจะทำมาก่อน สมาชิกและกรรมการบริหารพรรคหลายๆ คนอาจจะไม่ค่อยมีใครรู้จัก แต่ทุกคนล้วนเคยผ่านงานและอยู่เบื้องหลังการทำงานป่าไม้มาแล้ว และพร้อมในการเข้าไปทำงานทุกคนŽ ดำรงค์ระบุ

ต้องจับตาดูพรรคทวงคืนผืนป่า แม้เป็นพรรคเล็กๆ ชูนโยบายเฉพาะทาง แต่ภารกิจนั้นยิ่งใหญ่และไม่เคยมีพรรคการเมืองไหนประกาศตัวเพื่อเข้ามาแก้ปัญหานี้โดยเฉพาะ…

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image