⦁...“ธันวา-มกรา-กุมภา” อีก 3 เดือน “เลือกตั้ง” โอกาสของประชาชนจะได้แสดงให้รับรู้ถึง “ความคิด ความรู้สึกทางการเมือง” แม้จะเป็น “ประชาธิปไตยที่มีข้อจำกัด” เพราะ “กฎหมายซ่อนเงื่อนอำนาจไว้หลายชั้น” ด้วยเจตนา “สร้างนักการเมืองจากการแต่งตั้งของคนกลุ่มหนึ่ง” ขึ้นมามีอำนาจนอกเหนือจาก “ผู้ที่ประชาชนเลือก” แต่ 5 ปีกับ “ผลงานของรัฐบาลที่มาจากการยึดอำนาจ” จะเป็นแรงกระตุ้นสำคัญที่จะทำให้ “ประชาชน” ส่งสัญญาณความเป็นเจ้าของประเทศ
⦁…น่าติดตามที่สุดเป็น ความเป็นไปของ สุเทพ เทือกสุบรรณ หลัง “หลั่งน้ำตาขอตระบัดสัตย์” เดินสาย “คารวะแผ่นดิน” เพื่อหวังคะแนนให้ “พรรครวมพลังประชาชาติไทย” อย่าว่าแต่การต้อนรับของชาวบ้านทั่วไป ที่ถูกตั้งคำถามว่า “ไปรับจ้างมาเท่าไร” เลย กระทั่ง อาทิตย์ อุไรรัตน์ ที่ร่วมสานฝันกันมาแต่ต้น ถึงวันนี้ยังออกท่า เหมือน “หมดเวลาร่วมชะตากรรม” ระดับที่ออกมาตีชิ่งชัดเจนว่าทำนอง “หมดเวลาของคุณแล้ว” และนี่จะเป็นอีก “หนึ่งบทเรียน” ที่ประชาชนจะฝากไว้ หลัง 5 ปีแห่งการยึดอำนาจ
⦁…ขนาดเหลืออีกไม่กี่เดือน ประชาชนต้องเข้าคูหากาบัตรกันแล้ว แต่ “นักการเมือง” ยังส่งเสียงกระหึ่มให้ “ปลดล็อกการเมือง” เพราะ “บางพรรค” ไม่มั่นใจว่า หาก “เดินสายหาเสียง” แล้ว ผู้มีอำนาจจะหลับหู หลับตา มองไม่เห็น เหมือน “บางพรรค” ที่ทำได้ การเมืองยุคหวาดระแวง “สองมาตรฐาน” ยังท่วมความคิด ก็น่าเห็นใจ เป็นใครที่รู้ตัวว่าถูกมองจากผู้มีอำนาจว่าเป็น “คนละฝ่าย” ไม่ระวังก็ไม่ได้ ด้วยถึง “ยุบพรรค” และ “ตัดสิทธิการเมือง” กันได้ง่ายๆ
⦁…เปิดแรง “พรรคไทยรักษาชาติ” ที่ตัวย่อแทนที่จะใช้ตัวย่อ “ทรช.” กลับเลือก “ทษช.” แล้วประกาศครึกโครมต้องการสื่อสารว่า ทักษิณ ชินวัตร โดยมี ดร.ฤภพ ชินวัตร ลูกชาย พายัพ ชินวัตร มายืนหัวขบวน เพื่อเป็นพรรคอุดช่องโหว่ของเพื่อไทย ตาม “เจตนารมณ์การเลือกตั้งแบบใหม่ที่เน้นทุกคะแนนมีความหมาย” ตลบหลัง “นักออกแบบโครงสร้างอำนาจ” ที่ตั้งเป้าให้ “ผลการเลือกตั้ง” เป็น “เบี้ยหัวแตก” ทำทุกพรรคให้เล็กลง
⦁…“เพื่อไทย” ส่ง “ผู้สมัครตัวกลั่นเต็มพื้นที่” หวังกวาด “ส.ส.เขต” แบบเด็ดขาดส่วน “ทษช.” เน้น “บิ๊กเนม” ใน “ปาร์ตี้ลิสต์” ใครชื่นชอบผลงานแบบ ทักษิณ ชินวัตร สร้างไว้ กา “ทษช.” ได้เลย กะเก็บเบี้ยใต้ถุนร้านในพื้นที่เขตที่คะแนนชี้ขาดเป็นของพรรคอื่น งานนี้เป็นการแก้เกมแบบ “แสบเข้าไปถึงทรวง” ด้วย “พลิกแผนทำลาย” ให้กลายเป็น “เครื่องมือสู่ชัยชนะ”
⦁…แม้จะมีความพยายามปล่อยข่าวกันว่าเป็น “เพื่อไทยแตก” แต่ความเป็นจริงจะเริ่มสื่อสารให้เข้าใจ ด้วยสถานการณ์ที่ตั้งรับอย่างปวดร้าวมายาวนาน ไม่มีเหตุผลที่จะต้อง “แตกสามัคคี” ยุทธศาสตร์แยกกันเดินร่วมกันตี ที่ต่างมีเป้าหมายชัดเจนว่าเน้นที่กลุ่มไหน เป็นการออกแบบให้เหมาะสมกับ “รัฐธรรมนูญใหม่” ที่มีเจตนา “บอนไซพรรคการเมืองให้เล็กลง” เป็นแบบ “เล็ก” แต่แตกหน่อ ขยายพันธุ์ คุมพื้นที่ได้เหมือนเดิม หรือมากขึ้น
⦁…คำถามกระหึ่ม ว่าเกิดอะไรขึ้นกับ “ชาติไทยพัฒนา” เมื่อ “คนที่ควรจะเป็นเสาหลัก” เพราะ “ชัดเจนในจุดยืนนักการเมืองผู้มั่นในแก่นประชาธิปไตย” อย่าง สมศักดิ์ ปริศนานันทกุล ประกาศอำลาพรรค ทั้งที่ “ซาบซึ้งในบุณคุณของศิลปอาชาอย่างล้นเหลือ” งานนี้ไม่เคลียร์กันให้ดีก็น่าเสียดาย
⦁…ฝากเพื่อพิจารณาในท้ายนี้ “รู้สึกว่าตัวเองเป็นประชาธิปไตย” ไม่ใช่เพราะ “ยอมถูกวิพากษ์วิจารณ์ โดยไม่ใช้กำลังไปคุกคาม” นั่นยังห่างไกลสำนึกที่แท้ ด้วย “แก่นของผู้นำในระบอบประชาธิปไตย” ย่อมอยู่ที่ “มุ่งสร้างศรัทธาจากประชาชน” สร้างความเชื่อมั่นจาก “ทำในสิ่งที่ก่อให้เกิดความรักขึ้นในใจประชาชน” ซึ่งมนุษย์ในเผ่าพันธุ์ “ใช้อำนาจโดยไม่แคร์ความรู้สึกใคร” ไม่มีวันเข้าใจ
ชโลทร
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่