ลัมโบร์กีนี เปิดตัว ฮูราแคน รุ่นใหม่ล่าสุดในชื่อ อีโว ติดตั้งระบบ วีฮิเคิล ไดนามิกส์ คอนโทรล ซิสเต็ม (Vehicle Dynamics Control System) เต็มรูปแบบ เทคโนโลยีอินโฟเทนเมนต์แบบใหม่ พร้อมระบบเชื่อมต่อล้ำสมัยกว่าเดิม สามารถออกตัวจากความเร็ว 0-100 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ภายใน 2.9 วินาที
ภายนอกด้านหน้าลิ้นหน้าทรงปีก ช่วยเพิ่มการไหลของอากาศ ช่องดักลมขนาดใหญ่ทรง Y สัญลักษณ์ของค่ายกระทิงดุ พร้อมด้วยล้อดีไซน์ใหม่ช่องดักลมด้านข้างตัวรถใหม่
ด้านท้ายปรับให้โดดเด่นขึ้น ปลายท่อคู่ถูกปรับตำแหน่งติดตั้งให้สูงกว่าเดิมบนกันชนหลัง ส่วนด้านบนของกันชนหลังติดตั้งสปอยเลอร์สำหรับเพิ่มแรงกด ออกแบบทรวดทรงรถให้ตอบรับการไหลของอากาศเพื่อช่วยในด้านแรงกดดาวน์ฟอซและแอโรไดนามิกส์โดยรวมถึงห้าเท่าเมื่อเทียบกับโฉมแรก
ภายในห้องโดยสารตกแต่งในสไตล์ อีโว เบาะอัลแคนทาราและวัสดุหนังด้านใน พร้อมรายละเอียดต่างๆ อย่างพิถีพิถัน สามารถเลือกแบบคาร์บอน ฟอร์จ คอมโพสิตส์ (Carbon Forged Composites) และคาร์บอน สกิน (Carbon Skin) เป็นสิทธิบัตรของลัมโบร์กีนี เพื่อให้เข้ากับระบบไฟแอมเบียนซ์ในห้องโดยสารแบบปรับได้ใหม่ ลูกค้าสามารถเลือกชุดแต่งได้อีกหลากหลายแบบ
เทคโนโลยีภายในห้องโดยสาร มีตั้งแต่หน้าจอสัมผัสขนาด 8.4 นิ้ว ในคอนโซลกลาง รองรับการสัมผัสแบบหลายนิ้วพร้อมกัน ระบบแอปเปิล คาร์เพลย์ พร้อมระบบสมาร์ทโฟนในตัว เชื่อมต่อกับดาวเทียม วิทยุออนไลน์ ฮาร์ดดิสก์พร้อมความจุสูงและกล้องคู่แบบวัดระยะทางให้เลือกอีกด้วย
เครื่องยนต์ขนาด 5.2 ลิตร V10 ให้กำลัง 631 แรงม้าที่ 8,000 รอบต่อนาที และแรงบิดสูงสุดที่ 442 ปอนด์-ฟุตที่ 6,500 รอบต่อนาที เพิ่มขึ้นมาราว 29 แรงม้าจากโฉมก่อน น้ำหนักตัวเพียง 1,422 กิโลกรัม มีสัดส่วน 2.22 สำหรับน้ำหนักรถเป็นกิโลกรัมต่อจำนวนแรงม้า สามารถเร่งความเร็วจาก 0-100 กิโลเมตรต่อชั่วโมง เพียง 2.9 วินาที 0-200 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ใช้เวลา 9.0 วินาที และมีระยะเบรกจาก 100 กิโลเมตรต่อชั่วโมง จนรถหยุดนิ่งเพียง 31.9 เมตร ความเร็วสูงสุดทำได้มากกว่า 325 กิโลเมตรต่อชั่วโมง
จุดเด่นคือเทคโนโลยีใหม่อย่างเช่น Lamborghini Dinamica Veicolo Integrata (LDVI) หน่วยประมวลผลส่วนกลาง ควบคุมในทุกๆ มิติของรถ ได้รับการสนับสนุนโดย Lamborghini Piattaforma Inzerziale (LPI) หน่วยควบคุมการเร่งทั้งหมด และการติดตั้งเซ็นเซอร์ไจโรสโคปบริเวณศูนย์ถ่วงตรงกลางของรถ
อีกจุดเด่นคือระบบขับเคลื่อนล้อหลัง ระบบควบคุมล้อทั้ง 4 ปรับปรุงระบบช่วงล่างแบบแอคทีม megnetorheological ระบบควบคุมแทรคชั่นแบบใหม่ ปรับปรุงระบบขับขี่แบบสี่ล้อ และเพิ่มการตอบสนองของพวงมาลัย
ราคาเริ่มต้นที่ 8.4 ล้านบาท ในประเทศสหรัฐอเมริกา ส่วนในอังกฤษ 6.7 ล้านบาท ในประเทศจีน 15.4 ล้านบาท และที่ประเทศญี่ปุ่น 8.8 ล้านบาท แต่ถ้าเข้ามาประเทศไทยจะต้องบวกภาษีนำเข้าอีกหลายเท่าตัว