ซีวิค1.5เทอร์โบ ไมเนอร์เชนจ์ มี ‘ฮอนด้า เซนซิ่ง’ เหมือนแอคคอร์ด : โดย นายพล

ต้องบอกว่าไม่ธรรมดา สำหรับ ฮอนด้า ซีวิค รถยนต์ยอดนิยม พัฒนามาหลายรุ่น ได้รับความนิยมแทบจะทุกรุ่นที่ผ่านมา

ล่าสุดเพิ่มความเร้าใจไปอีกระดับ กับรุ่นไมเนอร์เชนจ์ ทั้งรุ่น 1.8 และ 1.5 เทอร์โบ

รุ่น 1.8 เพิ่มเติมอุปกรณ์เล็กน้อย เช่น กระจังหน้า เป็นต้น

แต่ทีเด็ดสำหรับรุ่นนี้อยู่ที่ รุ่น 1.5 เทอร์โบ เพราะติดตั้งระบบ ฮอนด้า เซนซิ่ง (Honda SENSING) เทคโนโลยีความปลอดภัยอัจฉริยะจากฮอนด้า เหมือนกับที่ติดตั้งใน ฮอนด้า แอคคอร์ด ใหม่ ที่กำลังจะมาเปิดตัวประมาณเดือนมีนาคมนี้

Advertisement

ระบบนี้จะผสานการทำงานของเรดาร์กับกล้องด้านหน้าในการตรวจจับสภาวะแวดล้อมบนท้องถนน ช่วยแจ้งเตือนและช่วยควบคุมรถในสถานการณ์การขับขี่ที่มีความเสี่ยงต่อการเกิดอุบัติเหตุ เพื่อความปลอดภัย ได้แก่

1.ระบบเตือนการชนรถและคนเดินถนนพร้อมระบบช่วยเบรก (Collision Mitigation Braking System-CMBS) ช่วยเตือนผู้ขับขี่ให้ลดความเร็วของรถเมื่อมีรถคันข้างหน้า หรือคนเดินถนนอยู่ในระยะที่ไม่ปลอดภัย ระบบจะแจ้งเตือนผ่านหน้าจอแสดงข้อมูลและสัญญาณเสียง รวมถึงมีการสั่นเตือนของพวงมาลัยในกรณีมีรถสวนทาง หากผู้ขับขี่ยังไม่ตอบสนองหรือในกรณีอยู่ในระยะเสี่ยงต่อการชน ระบบจะช่วยเสริมแรงเบรกให้อัตโนมัติ เพื่อหลีกเลี่ยงการชนหรือลดความรุนแรงจากอุบัติเหตุ

Advertisement

2.ระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติแบบแปรผันพร้อมระบบปรับความเร็วตามรถยนต์คันหน้าที่ความเร็วต่ำ (Adaptive Cruise Control with Low-Speed Follow-ACC with LSF) เป็นระบบช่วยควบคุมความเร็วของรถให้คงที่ตามที่ผู้ขับขี่ตั้งค่าไว้ ระบบจะปรับความเร็วอัตโนมัติ โดยมีกล้องและเรดาร์ตรวจจับรถคันหน้า เพื่อรักษาระยะห่างจากรถคันหน้าอย่างเหมาะสม และในการขับความเร็วต่ำ ระบบจะช่วยปรับความเร็วให้รถเคลื่อนที่ตามรถคันหน้า รวมถึงเบรกและหยุดตามรถคันหน้าอัตโนมัติ ระบบจะเริ่มทำงานอีกครั้งเมื่อผู้ขับขี่กดปุ่มที่พวงมาลัยหรือเหยียบคันเร่ง

3.ระบบช่วยควบคุมรถให้อยู่ในช่องทางเดินรถ (Lane Keeping Assist System-LKAS) กล้องด้านหน้าจะตรวจจับเส้นแบ่งช่องทางเดินรถ และระบบจะช่วยเพิ่มแรงหน่วงของพวงมาลัย เพื่อช่วยผู้ขับขี่ให้ควบคุมรถอยู่ภายในช่องทางปกติรวมทั้งช่วยลดอาการเหนื่อยล้าของผู้ขับขี่จากการขับขี่

4.ระบบเตือนและช่วยควบคุมเมื่อรถออกนอกช่องทางเดินรถ (Road Departure Mitigation System with Lane Departure Warning-RDM with LDW) เป็นระบบใช้กล้องด้านหน้าตรวจจับเส้นแบ่งช่องทางจราจร หากพบว่ารถอยู่ในสภาวะเบี่ยงออกนอกช่องทางโดยไม่ตั้งใจ ระบบจะส่งสัญญาณเตือนหน้าจอแสดงข้อมูลพร้อมการสั่นเตือนของพวงมาลัย กรณีรถเริ่มเบี่ยงออกนอกช่องทางมากขึ้น ระบบจะช่วยหน่วงพวงมาลัยเพื่อให้รถกลับเข้าสู่ช่องทาง หากรถยังคงเบี่ยงออกนอกช่องทางอย่างไร้การควบคุมจนอาจเกิดอุบัติเหตุ ระบบเบรกจะทำงานเพื่อชะลอความเร็ว ในกรณีเส้นแบ่งถนนเป็นเส้นทึบ เพื่อช่วยลดความเสี่ยงรถจะออกนอกช่องทางจราจร

5.ระบบปรับไฟสูงอัตโนมัติ (Auto High-Beam-AHB) เป็นระบบปรับไฟสูง-ต่ำอัตโนมัติด้วยกล้อง โดยจะปรับเป็นไฟสูงเมื่อขับขี่ในที่มืด และจะปรับเป็นไฟต่ำเมื่อตรวจจับได้ว่ามีรถสวนทางหรือมีรถยนต์ด้านหน้า

ส่วนรูปลักษณ์ภายนอกดีไซน์สปอร์ต กันชนหน้าและกระจังหน้าในสไตล์สปอร์ตใหม่แบบ RS ไฟหน้าดีไซน์สปอร์ตพร้อมไฟส่องสว่างสำหรับการขับขี่ในเวลากลางวันแบบ แอลอีดี เดย์ไทม์ รันนิ่ง ไลท์ (LED Daytime Running Light-DRL) ไฟท้าย LED รูปทรงตัว C (C-Identity) เอกลักษณ์แบบซีวิค ไฟตัดหมอกแบบ LED ตกแต่งด้วยคิ้วโครเมียม กันชนหลังตกแต่งด้วยโครเมียมใหม่ และเสาอากาศแบบครีบฉลาม (Shark Fin) ล้ออัลลอย 17 นิ้ว ดีไซน์สปอร์ตใหม่

เสากระจกบังลมหน้า (A-Pillar) ของฮอนด้า ซีวิค ใหม่ ออกแบบให้มีทัศนวิสัยด้านหน้ากว้างขึ้น แนวเส้นหลังคาลาดเทลงไปด้านหลัง เชื่อมต่อกับเสากระจกบังลมหลัง (C-Pillar) ได้อย่างกลมกลืน แผ่นกระจกบังลมหลังโค้งสอดรับกับแนวตัวถังด้านท้ายทั้งสองมุม

มีชุดอุปกรณ์ตกแต่งจากโมดูโล (Modulo) อาทิ ไฟตัดหมอก สเกิร์ตข้าง คิ้วตกแต่งซุ้มล้อด้านหน้า คิ้วตกแต่งกระจกมองข้างโครเมียม คิ้วกันสาดขอบโครเมียม สเกิร์ตหน้า สเกิร์ตหลัง สปอยเลอร์หลังพร้อมไฟเบรก เป็นต้น

ห้องโดยสารตกแต่งด้วยด้ายสีแดง มาพร้อมวัสดุตกแต่งคอนโซลแบบ เปียโน แบล๊ก ด้านท้ายจุสัมภาระได้ 525 ลิตร

เครื่องยนต์ขนาด 1.5 ลิตร DOHC วีเทค เทอร์โบ (VTEC TURBO) พร้อมด้วยระบบเกียร์อัตโนมัติ CVT กำลังสูงสุด 173 แรงม้า ที่ 5,500 รอบต่อนาที แรงบิดสูงสุดแบบ แฟลตทอล์ค (flat torque) 220 นิวตัน-เมตร ที่ 1,700-5,500 รอบต่อนาที ให้กำลังเทียบเท่าเครื่อง 2.4 ลิตร แต่ประหยัดน้ำมันเทียบเท่าเครื่อง 1.8 ลิตร

ระบบเกียร์อัตโนมัติอัตราทดแปรผันต่อเนื่อง หรือ CVT (Continuously Variable Transmission) โดดเด่นเรื่องของความนุ่มนวล อัตราเร่งดี ชุดเกียร์มีระยะอัตราทดกว้าง ช่วยลดรอบเครื่องยนต์เมื่อใช้ความเร็วสูง

ระบบช่วงล่างเป็นแบบอิสระทั้ง 4 ล้อ รวมถึงระบบช่วงล่างหลังแบบมัลติลิงก์ออกแบบมีจุดยึดบนซับเฟรมหลังแข็งแรงขึ้น ทรงตัวดี เป็นครั้งแรกที่มีการนำบูชยางแบบไฮดรอลิกมาใช้ทั้งด้านหน้าและหลัง ซึ่งใช้กับรถยนต์รุ่นใหญ่ เพื่อช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการขับขี่ และลดแรงสั่นสะเทือน รวมทั้งใช้เหล็กกันโคลงขนาดใหญ่ขึ้นทั้งด้านหน้าและหลัง เพื่อให้การขับขี่นุ่มนวลขึ้น และลดอาการโคลงตัวของรถ เพิ่มประสิทธิภาพในการเกาะถนนดีขึ้น

ระบบช่วงล่างหน้าแบบแม็คเฟอร์สันสตรัท ระบบช่วงล่างหลังแบบมัลติลิงก์ พวงมาลัยเพาเวอร์ผ่อนแรงแบบไฟฟ้า

มีระบบเพื่อการประหยัดพลังงาน อีโค โคชชิ่ง (ECO Coaching) ช่วยแนะนำให้ผู้ขับขี่ วัดจากการเหยียบเบรกและคันเร่ง จะแสดงผลด้วยการเปลี่ยนสีที่มาตรวัดเรืองแสง

อีคอน โหมด (ECON Mode) ระบบช่วยลดการใช้พลังงานที่สิ้นเปลืองโดยปรับการทำงานของเครื่องยนต์และระบบเกียร์ให้สัมพันธ์กัน เพื่อลดอัตราการสิ้นเปลืองเชื้อเพลิง ทั้งยังช่วยปรับการทำงานของระบบปรับอากาศและการหมุนเวียนอากาศภายในห้องโดยสารให้เหมาะสม

มีระบบสตาร์ตเครื่องยนต์พร้อมเครื่องปรับอากาศด้วยกุญแจรีโมต (Remote Engine Start) สั่งการได้จากระยะไกลเพื่อช่วยอุ่นเครื่อง พร้อมปรับอุณหภูมิภายในห้องโดยสารให้เย็นสบายล่วงหน้า

มีระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติ (Cruise Control System) ระบบควบคุมการเปลี่ยนเกียร์ที่พวงมาลัย (Paddle Shift) ระบบสตาร์ตเครื่องยนต์แบบอัจฉริยะ (One Push Ignition System) เบาะนั่งด้านคนขับปรับไฟฟ้า 8 ทิศทาง และเบาะนั่งผู้โดยสารด้านหน้าปรับไฟฟ้า 4 ทิศทาง

ฮอนด้า ซีวิค ใหม่ มีให้เลือกทั้งหมด 4 รุ่น

รุ่น 1.5 เทอร์โบ RS ราคา 1,219,000 บาท รุ่นเทอร์โบ ราคา 1,104,000 บาท ส่วนรุ่น 1.8 EL ราคา 964,000 บาท และรุ่น 1.8 E ราคา 874,000 บาท

 

มีให้เลือกทั้งหมด 5 สี ได้แก่ สีเงินลูนาร์ (เมทัลลิก) สีเทาโมเดิร์นสตีล (เมทัลลิก) สีดำคริสตัล (มุก) และ 2 สีใหม่ ได้แก่ สีน้ำเงินบริลเลียนท์ สปอร์ตตี้ (เมทัลลิก) และสีขาวแพลทินัม (มุก)

นับได้ว่าการมาแบบจัดเต็มของซีวิคครั้งนี้ มาเพื่อหวังป้องกันแชมป์รถเก๋งขนาดกลางเอาไว้ให้ได้ พยายามไม่ให้ โตโยต้า อัลติส ช่วงชิงตำแหน่งนี้ไปได้

นายพล

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image