⦁…ไม่ว่าจะเป็น “มนุษยธรรม-ความสามารถในการบริหารประเทศ-ปริมาณมันสมอง” ของ “คณะรัฐมนตรี” ล้วนสะท้อนชัดเจนต่อ “ความรู้สึกนึกคิด” ของ “พลโลก” ด้วยการจัดการปัญหา “ฮาคีม อัล อาไรบี” อดีตนักฟุตบอลทีมชาติบาห์เรน ที่ได้รับสถานะผู้ลี้ภัยจากประเทศออสเตรเลีย มา “ฮันนีมูนที่ประเทศไทย” แล้ว “ถูกจับ” ว่าจะถูก “ส่งกลับไปดำเนินคดีที่ประเทศบาห์เรน” หรือไม่
⦁…คำของ “หัวหน้าพรรคเกียน-สมบัติ บุญงามอนงค์” ที่ว่า “ประเทศเป็นสิ่งที่มนุษย์สมมุติขึ้น แต่จริงจังกับมัน ในขณะที่มนุษย์เป็นสิ่งที่เป็นจริงมากกว่า แต่เราปฏิเสธมนุษย์ด้วยกันด้วยเหตุผลไม่ต้องการแบกภาระ” เป็น “สำนึกน่าคิด” และเมื่อสรุปความว่า “ลดความเป็นชาตินิยมลง เพิ่มมุมมองความเป็นคนให้มากขึ้น” ยิ่ง “งดงาม”
⦁…โฟกัสการเมืองพุ่งไปที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา หลัง “4 รัฐมนตรีลาออกมานำพรรคพลังประชารัฐ” และส่งเทียบเชิญมาอยู่ใน “บัญชีผู้ได้รับเสนอชื่อเป็นนายกรัฐมนตรี” ที่ต้องรับภาระหนักคือ “คณะกรรมการการเลือกตั้ง” จะมอง “การไม่ลาออก และอยู่ในฐานะนายกรัฐมนตรีอำนาจเต็ม” พร้อม “หัวหน้า คสช.” ที่ประกาศตัวเป็น “รัฏฐาธิปัตย์” ว่าส่งผลต่อ “การเลือกตั้งที่บริสุทธิ์ยุติธรรม” อันเป็นหน้าที่ต้องทำให้เกิดขึ้นได้อย่างไร และหาก “หากทำไม่ได้เพราะเจตนา” จะถือเป็น “การละเว้นภารกิจที่ควรจะทำ” หรือไม่
⦁…ไม่ใช่แค่ “เพื่อไทย” กับคำของ สุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ ที่ชู “เลือกเรากระเป๋าตุง” อันหมายถึง “ประชาชนจะมีรายได้มากขึ้น” กระทั่ง อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ เดินสายนำ “ประชาธิปัตย์พบประชาชน” ล่าสุดที่ “กาญจนบุรี” ก็เน้นคำ “สิ่งแรกที่เราจะต้องทำคือ แก้จน เอาคนส่วนใหญ่ของประเทศเป็นที่ตั้ง ทำให้คนส่วนใหญ่ของประเทศรายได้ดีขึ้น” ดูจะพร้อมเพรียงกันย้ำที่ไปสภาวะ “รวยกระจุก จนกระจาย” อันเป็นภาพ “นโยบายขยายความเหลื่อมล้ำ” แบบปัจจุบัน ความน่าสนใจอยู่ที่ ระหว่าง “เพื่อไทย” กับ “ประชาธิปัตย์” เมื่อพูดถึงนโยบายกระจายรายได้ “ประชาชน” จะเชื่อ “ใครทำได้-ใครดีแต่พูด”
⦁…เพราะ “กติกาใหม่” ที่ใช้วิธีเลือกตั้งแบบที่เรียกว่า “สัดส่วนผสม” บีบ “พรรคใหญ่” ให้เล็กลง เป้าหมายไม่ให้มี “พรรคที่ชนะเด็ดขาด” ฟาก “เพื่อไทย” ที่ต้องพึ่งพาแค่ “ประชาชนให้การสนับสนุน” จำเป็นต้องแบ่งภาคเป็น “หลายพรรค” เพื่อ “ควบคุมคะแนนปาร์ตี้ลิสต์ไม่ให้กระจายไปที่ฝ่ายตรงกันข้ามมาก” ให้ “เพื่อไทย” พรรคหลัก เน้นที่ “ส.ส.เขต” วาง “พรรคลูกข่าย” คุม “ปาร์ตี้ลิสต์” ยุทธวิธีที่ “คิดไม่ถึง” คือให้ “ผู้สมัคร” เปลี่ยนชื่อเป็น “ทักษิณ” กับ “ยิ่งลักษณ์” ป้องกันความสับสนจาก “พรรคเดียวต่างเขตต่างเบอร์” ให้รู้กันว่า “เลือก 2 ชื่อที่ว่า” เป็น “ไม่พลาดเป้า”
⦁…เหมือนจะจบไปแล้ว แต่กลับเป็นว่า “มึงลองมาไล่ดูสิ” คำของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา วันแถลง “ผลงาน 4 ปีรัฐบาล คสช.” กำลังถูกตีความใหม่ ด้วยการชี้ให้ “ประชาชน” คิดไปในทางที่ว่า “ไม่ใช่ออกมาเดินขบวน หรือเคลื่อนไหวขับไล่” แต่เป็นการท้าทายให้ “ไล่” ด้วยการ “เข้าคูหากาเลือกผู้สมัครพรรคที่ไม่สนับสนุนบิ๊กตู่” ใน “วันเลือกตั้ง-24 มีนาคม” ด้วยเหตุผล “หนักหน่วงสารพัด” ที่ชี้ให้เห็น “ความเสียหายที่จะเกิดขึ้นกับประเทศ”
⦁…การหาเสียงเลือกตั้งเที่ยวนี้ “กัญชาเสรี” ดูจะเป็น “นโยบายที่ถูกยกขึ้นมาขายกันคึกคัก” อย่าล้อเล่นไป ประเทศยุคที่ “คนระดับล่างสิ้นหวังกับการทำมาหากิน และความเจ็บไข้ได้ป่วย” เมื่อ “กัญชา” เป็นความหวังทั้งเรื่อง “เพิ่มรายได้เกษตรกร” และ “ยารักษาโรคสารพัดนึก” ใครที่พูดถึงเรื่องนี้ ประชาชนย่อมเงี่ยหูฟังด้วยใจจดจ่อ ว่าพอจะ “ฝากความหวังไว้ได้หรือไม่” ทำไปทำมาฟังเข้าถึงได้มากกว่า “ไม่เอาทุนนิยม ไม่ใช่อนุรักษ์” ที่ “เอนก เหล่าธรรมทัศน์” พยายามอธิบาย “นิยาม” ของ “พรรคเทพเทือก”
ชโลทร