ไอ้ใบ้เจ้ามือยี่อิด : โดย วีรพงษ์ รามางกูร

ระบอบการปกครองที่จะอยู่ได้อย่างยั่งยืน ไม่ว่าจะเป็นระบอบการปกครองใด ต้องเป็นระบอบที่ประชาชนหรือผู้คนทั่วไปมีความรู้สึกว่าตนได้รับความเป็นธรรม ไม่ถูกเลือกปฏิบัติและไม่สองมาตรฐาน หรือไม่มีมาตรฐาน มีความชอบธรรมที่จะเป็นผู้ปกครอง มิฉะนั้นแล้วประชาชนก็มีความชอบธรรมที่จะคิดล้มล้างรัฐบาลเช่นว่านั้นได้ ประวัติศาสตร์ในหลายประเทศ เช่น ยุโรป จีน และประเทศในภูมิภาคอื่นก็ได้ยืนยันทฤษฎีขึ้น

ความชอบธรรมในการคืนสู่อำนาจ ความชอบธรรมที่จะอยู่ในอำนาจต่อไป สิ่งที่สำคัญมากก็คือต้องรักษาคำมั่นสัญญาที่ใช้เพื่อยังคงความชอบธรรมที่ได้เข้าสู่อำนาจ ผู้ปกครองส่วนใหญ่เมื่ออ้างเหตุผลความชอบธรรมในการล้มล้างผู้ปกครองคนก่อนด้วยเหตุผลทั้ง 3 อย่างแล้วในตอนเริ่มเรื่อง เมื่อตั้งใจว่าจะอยู่ในอำนาจชั่วคราว จัดให้มีรัฐธรรมนูญ จัดให้มีการเลือกตั้งที่บริสุทธิ์ยุติธรรม เสร็จแล้วก็ต้องไป

แต่อำนาจมักจะทำให้ผู้ปกครองเสียคน ก่อนที่จะเข้าสู่อำนาจมักจะมองเห็นความชั่วร้ายของผู้อื่น แต่เมื่อตนเข้าสู่อำนาจแล้วก็จะมองไม่เห็นความผิดพลาดชั่วร้ายที่ตนกระทำ จึงมักจะ “ใช้อำนาจเป็นธรรม” แทนที่จะใช้ “ธรรมเป็นอำนาจ” มีนิทานเรื่องการใช้อำนาจเป็นธรรมในการตัดสินใจ เรืองที่มีการเล่าขานในบรรดานักการเมืองรุ่นก่อนคือนิทานชื่อ “ไอ้ใบ้เจ้ามือยี่อิด”

เรื่องมีอยู่ว่า มีวงไพ่ยี่อิดวงหนึ่งซึ่งนิยมเล่นกันในหมู่นักเลงไพ่ยี่อิด มีไอ้ใบ้เป็นเจ้ามือ มีนักเลงไพ่ล้อมวงเล่นอยู่ด้วยกันประมาณ 20 คนเห็นจะได้

Advertisement

แรกๆ ที่ไอ้ใบ้เป็นเจ้ามือก็เล่นตามเกมส์ปกติ กติกายุติธรรม เล่นไปเล่นมาไอ้ใบ้ชักจะเสีย ไอ้ใบ้เลยเปิดเกมใหม่ ใหญ่กว่าเดิม จ่ายต่ออีกเท่าตัว เมื่อแจกไพ่หลังจากที่ทุกคนแทงเสร็จแล้ว เปิดมือแรกอยู่ไม่ได้ ต้องจั่วไพ่ต่อจนตาย ไอ้ใบ้ก็พูดเสียงดังว่า “กูกิน” แล้วก็เปิดมือต่อไป หลังจากจั่วไพ่เพิ่มแล้วได้ 18 แต้มไอ้ใบ้ก็ตะโกนว่า “กูก็กิน” กินไปเรื่อยๆ แม้แต่คนได้แต้ม 21 หรือยี่อิด ไอ้ใบ้ก็กิน ป๊อกก็กิน บ้วนก็กิน ในที่สุดก็มีคนใจกล้าถามขึ้นว่าไอ้ใบ้มึงมีไพ่อะไร เปิดมาดูซิ ทำไมมึงถึงกินหมด ไอ้ใบ้ยืดอกขึ้นแล้วกล่าวด้วยเสียงอันดังว่า “กูกินหมดเพราะกูมีขวาน” ทุกคนจึงเงียบแล้วก้มหน้านิ่ง จะเลิกเล่นก็ไม่กล้าเพราะไอ้ใบ้ไม่ยอมให้เลิก ต้องทนเล่นจนหมดตัว ไอ้ใบ้เจ้ามือผู้มีขวานจึงยอมให้เลิก

การเมืองหลายประเทศ รวมทั้งประเทศไทยก็เป็นอย่างนั้น ทุกคนต้องเงียบเหมือนเล่น “ยี่อิด” ที่เจ้ามือไม่ได้มีไพ่แต้มเหนือผู้อื่นที่อยู่ในวง แต่เจ้ามือกินหมดเพราะเจ้ามือมีขวาน

Advertisement

การเลือกตั้งที่จะมาถึงในไม่ช้านี้ก็เช่นเดียวกัน ไม่ว่าไพ่จะออกอะไรมา ไม่ว่าจะได้คะแนนเสียงเท่าไหร่ หรือไปรวมกันกับพรรคอื่นที่มีแนวทางประชาธิปไตย พรรคที่ไม่สนับสนุนการสืบทอดผู้นำที่เคยเป็นเผด็จการล้มล้างระบอบประชาธิปไตยจะได้คะแนนเสียงในสภาผู้แทนราษฎรมากเท่าใด ก็ต้องพ่ายแพ้ในการประชุมรัฐสภา ซึ่งเป็นการประชุมร่วมของสภาผู้แทนราษฎรกับวุฒิสภา ที่สมาชิกจำนวน 250 คนได้รับการแต่งตั้งไว้ล่วงหน้าก่อนแล้ว อย่างไรเสียก็คงลงมติเลือกผู้ที่แต่งตั้งตนเป็นนายกรัฐมนตรี

ทำตัวเป็น “ศรีธนญชัย” ทำเป็นไม่รู้เรื่อง แต่ก็ลงนามยินยอมให้เขาเสนอชื่อ ซึ่งประชาชนคนไหนๆ ก็รู้ว่าติดในอำนาจเสียแล้ว ยอมเสีย “สัจจะวาจา” ที่เคยให้ไว้เมื่อตอนทำปฏิวัติรัฐประหาร กระทำการทุกอย่างเหมือนที่ได้กล่าวหารัฐบาลก่อน ซึ่งเคยมีบุญคุณแต่งตั้งตนเองขึ้นมาจนเป็นหัวหน้ากองทัพ

ขณะเดียวกันก็ไม่ยอมลาออกมาเป็นรัฐบาลรักษาการ เพื่อจะได้จัดการเลือกตั้งให้เสรีและยุติธรรม เช่นเดียวกันกับกรณียุบสภาหรือนายกรัฐมนตรีลาออกในระบอบประชาธิปไตย แต่ใช้กลวิธีแบบศรีธนญชัย เอารัดเอาเปรียบคู่แข่ง

คอร์รัปชั่นนั้นมีหลายแบบ การคอร์รัปชั่นหรือกระทำการทุจริตเพื่อทรัพย์สินเงินทองนั้นไม่จำเป็นต้องทำตรงๆ แต่ทำผ่านอำนาจที่ได้มาอย่างทุจริต ทำโดยการใช้อาวุธยึดอำนาจของประชาชนมาอย่างดื้อๆ ก็เป็นการทุจริตคอร์รัปชั่นที่มากกว่าการทำทุจริตคอร์รัปชั่นเพื่อรับผลประโยชน์อื่นใด เพราะเป็นการสูญเสียสิทธิเสรีภาพที่ต้องปฏิบัติตามกฎหมายของคณะรัฐประหารที่บัญญัติขึ้นใช้เอง ประชาชนปราศจากการมีส่วนร่วมและความยินยอม กฎหมายประเภทนี้ขาดความชอบธรรมในการบังคับใช้ในยุคปัจจุบัน ในศตวรรษที่ 21

เมื่อมีการประกาศใช้รัฐธรรมนูญที่รับรองสิทธิเสรีภาพของประชาชน คำสั่งของเผด็จการหัวหน้าคณะรัฐประหารก็ควรจะสิ้นสุดไปทั้งหมด แต่ที่หนักกว่าเผด็จการรุ่นก่อนๆ ก็คือยังคงมาตรา 44 ซึ่งให้อำนาจตนในการสั่งการ ข้ามขั้นตอนตามกฎหมายซึ่งบัญญัติไว้เพื่อความโปร่งใส เพื่อตรวจสอบรัฐบาลได้ แต่เมื่อ “ไอ้ใบ้ยังคงถือขวาน” ไว้ แล้วเปิดวงยี่อิดใหม่ ความจริงแล้วก็ไม่ควรมีนักเล่นไพ่ยอมลงมาเล่นกับเจ้ามืออย่างไอ้ใบ้ ทุกคนควรจะต่อต้าน แต่นักการเมืองก็คือนักการเมือง เมื่อได้ยินเสียงปี่เสียงกลองขึ้นก็คันไม้คันมือ ยอมลงเล่นเกมส์ที่ไม่เสรีและไม่เป็นธรรม ยึดหลักตามคำพังเพย “กำขี้ดีกว่ากำตด”

แล้วก็ยอมให้ไอ้ใบ้เจ้ามือเอาเปรียบ กินเอากินเอาโดยเจ้ามือไม่ต้องเปิดไพ่ให้ดูก่อน กินก่อนแล้วค่อยเปิดไพ่ ทั้งๆ ที่เปิดไพ่มาแล้วมีเพียง 15 แต้มไม่ถึง 16 อยู่ไม่ได้ ต้องจั่ว เมื่อจั่วแล้วก็ตายอยู่ดี

เรื่องก็มีต่อไปว่า ภายหลังคนที่มาเล่นไพ่ต่างก็ซ่อนอาวุธเข้ามาด้วย ไม่ให้ไอ้ใบ้และลูกน้องไอ้ใบ้เห็น เมื่อไอ้ใบ้เล่นโกงและทุกคนที่ถูกโกงก็มีอาวุธ ก็เข้ากลุ้มรุมกระทืบไอ้ใบ้จนบอบช้ำไปทั้งตัว แล้วไล่ไอ้ใบ้ออกไปจากหมู่บ้าน ให้ไปอยู่ที่อื่น ซึ่งเขาไม่ยอมให้ข่มขู่อย่างที่เห็นกันอยู่นี้

การเมืองการเลือกตั้งที่รู้ผลล่วงหน้าอยู่แล้วว่าใครจะได้เป็นเจ้ามือ ก็คล้ายกับการตั้งวงไพ่ยี่อิดโดยมีเจ้ามือที่มีขวานอย่างว่าคือกินรวบ ไม่ว่าผลการเลือกตั้งจะเป็นอย่างไร ถ้าไม่ละลายแก่ใจ ในฐานะผู้ปกครองก็ไม่ควรจะได้การยอมรับจากประชาชน ไม่ว่าจะตีฆ้องร้องป่าวว่าตนเป็นคนดี สะอาดบริสุทธิ์ ก็ไม่มีทางรู้ เพราะตรวจสอบไม่ได้ เพราะขณะอยู่ในอำนาจระบบตรวจสอบโดยประชาชนไม่มี สภานิติบัญญัติและองค์กรอิสระตนก็เป็นผู้ตั้งเอง กลายเป็นระบบศรีธนญชัยหรือระบบลูบหน้าปะจมูก ผลัดกันเกาหลัง

ไม่เหมือนกับระบบประชาธิปไตยเต็มใบที่ประชาชนตรวจสอบได้ แม้จะได้คะแนนเสียงท่วมท้นในสภาผู้แทนราษฎรแต่วุฒิสภาก็มาจากการเลือกตั้ง พรรคเสียงข้างมากแม้จะถูกกล่าวหาว่าเป็น “เผด็จการโดยรัฐสภา” แต่ระบอบการปกครองก็จะยังเป็นการปกครองโดยระบอบรัฐสภาที่ปกครองโดยเสียงข้างมาก ถ้าพรรคการเมืองที่มีวินัยอย่างเคร่งครัดก็ดูเหมือนเผด็จการโดยเสียงข้างมาก แต่สามารถถูกอภิปรายตรวจสอบโดยพรรคฝ่ายค้านและสื่อมวลชน ถูกตรวจสอบโดยประชาชนเมื่อถึงคราวเลือกตั้งในครั้งต่อไป

ในประเทศที่การเมืองยังไม่พัฒนาก็ยิ่งต้องการระบอบประชาธิปไตย เพราะการเลือกตั้งบ่อยๆ จะเป็นมาตรการคัดกรองนักการเมืองที่ไม่ดีออกไป ต่างกับระบอบเผด็จการทหารที่สื่อมวลชนถูกควบคุม หรือบุคลากรในองค์กรสื่อมวลชนที่ไม่เคารพต่อวิชาชีพของตนยอมควบคุมตนเอง ยอมเป็นเครื่องมือรับใช้เผด็จการ ลืมฐานันดรที่ 4 ของตนตามที่ได้รับการยกย่อง แทนที่จะทำหน้าที่เป็นหูเป็นตาและเป็นปากเป็นเสียงแทนประชาชน เพราะไปกลัวขวานไอ้ใบ้

ทั้งๆ ที่จริงแล้วไอ้ใบ้ไม่ได้มีขวาน มีแต่ใช้ท่าทางขู่ไปอย่างนั้นเอง ไอ้ใบ้ที่ไม่พูดนั้นน่ากลัว แต่ไอ้ใบ้ที่พูดมาก พูดโกหก พูดความจริงเพียงครึ่งเดียวแสดงว่าไม่มีขวานจริง ติดตลกไปวันๆ เพราะสื่อไม่มีวิญญาณที่จะเป็นตัวแทนส่วนใหญ่ของประเทศ ผิดกับสื่อมวลชนรุ่นก่อน

เรื่องไอ้ใบ้เจ้ามือยี่อิดมีขวานนี้ ฟังมาจากท่าน โกศล ไกรฤกษ์ อดีตรัฐมนตรีพาณิชย์ เจ้าของคำคม “สิ้นชาติสิ้นเชื้อสิ้นเสือแล้วกู” ที่นักข่าวสมัยนี้งง ไม่รู้แปลว่าอะไร ขวานไอ้ใบ้จะคมเหมือนเดิมหรือไม่

ต้องคอยดู

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image