คุณโผงฟ้องขอให้ลงโทษคุณจำนูญตาม พ.ร.บ.ว่าด้วยความผิดอันเกิดจากการใช้เช็ค พ.ศ.2534 มาตรา 4
คุณจำนูญให้การรับสารภาพ
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า คุณจำนูญมีความผิดตามมาตรา 4 เป็นความผิดหลายกรรมต่างกันให้เรียงกระทงลงโทษ รวม 2 กระทง ลงโทษกระทงแรก จำคุก 9 เดือน กระทงที่ 2 จำคุก 3 เดือน รวมจำคุกคุณจำนูญ 12 เดือน
คุณจำนูญให้การรับสารภาพ มีเหตุบรรเทาโทษ ลดโทษให้กึ่งหนึ่ง คงจำคุก 6 เดือน
คุณจำนูญอุทธรณ์
ศาลชั้นอุทธรณ์ พิพากษากลับ ให้ยกฟ้อง
คุณโผงฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า หลังจากคุณโผงฟ้องคุณจำนูญในคดีนี้แล้ว ต่อมาทั้งสองได้ทำสัญญาตกลงกัน โดยคุณโผงให้คุณจำนูญผ่อนชำระหนี้ตามเช็คพิพาทเป็นงวดๆ และคุณจำนูญออกเช็คฉบับใหม่ 3 ฉบับให้แก่คุณโผง ตามหนังสือรับสภาพหนี้
มีปัญหาต้องวินิจฉัยตามฎีกาของคุณโผงว่า สิทธินำคดีอาญามาฟ้องของคุณโผงระงับไปแล้วหรือไม่
เห็นว่า เมื่อพิเคราะห์ตามหนังสือรับสภาพหนี้ดังกล่าวซึ่งมีข้อตกลงที่คุณโผงยอมให้คุณจำนูญผ่อนชำระหนี้ตามเช็คพิพาทเป็นงวด โดยคุณจำนูญยอมออกเช็คฉบับใหม่ชำระหนี้ให้แก่คุณโผง
ข้อตกลงดังกล่าวจึงเป็นการระงับข้อพิพาทที่เกิดขึ้นจากการที่ธนาคารปฏิเสธการจ่ายเงินตามเช็คพิพาทให้เสร็จไปด้วยต่างยอมผ่อนผันให้แก่กัน อันเป็นสัญญาประนีประนอมยอมความ
ผลของการประนีประนอมยอมความย่อมทำให้การเรียกร้องซึ่งแต่ละฝ่ายได้ยอมสละนั้น ระงับสิ้นไป และทำให้แต่ละฝ่ายได้สิทธิตามที่แสดงในสัญญานั้นว่าเป็นของตน ดังที่บัญญัติไว้ในประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 852
คุณโผงคงมีสิทธิเรียกให้คุณจำนูญชำระหนี้แก่ตนตามสัญญาประนีประนอมยอมความเท่านั้น
แม้เช็คที่คุณจำนูญสั่งจ่ายทั้ง 3 ฉบับตามสัญญาประนีประนอมยอมความนั้นไม่สามารถเรียกเก็บเงินได้ อันเป็นการไม่ชำระหนี้ตามสัญญาประนีประนอมยอมความก็ตาม
คุณโผงก็ไม่มีสิทธิที่จะเรียกให้คุณจำนูญรับผิดในมูลหนี้ตามเช็คพิพาทในคดีนี้ได้อีก
ถือได้ว่าหนี้ที่คุณจำนูญได้ออกเช็คพิพาทตามฟ้องเพื่อใช้เงินนั้น เป็นอันสิ้นผลผูกพันไปก่อนที่ศาลมีคำพิพากษาถึงที่สุด คดีจึงเป็นอันเลิกกัน ตาม พ.ร.บ.ว่าด้วยความผิดอันเกิดจากการใช้เช็คฯ มาตรา 7 สิทธิในการนำคดีอาญามาฟ้องของคุณโผงย่อมระงับไปตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 39 ที่ศาลชั้นอุทธรณ์ พิพากษากลับให้ยกฟ้องโดยวินิจฉัยว่า เป็นการยอมความกันโดยถูกต้องตามกฎหมาย ทำให้สิทธิในการนำคดีอาญามาฟ้องขอคุณโผงระงับไปตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 39 (2) นั้น ศาลฎีกาเห็นพ้องด้วยในผล ฎีกาของโจทก์ฟังไม่ขึ้น
พิพากษายืน
คุณจำนูญจึงรอดคุกไป
(เทียบคำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2208/2552)
——————————————-
พ.ร.บ.ว่าด้วยความผิดอันเกิดจากการใช้เช็ค พ.ศ.2534
มาตรา 7 ถ้าผู้กระทำความผิดตามมาตรา 4 ได้ใช้เงินตามเช็คแก่ผู้ทรงเช็คหรือแก่ธนาคารภายในสามสิบวันนับแต่วันที่ผู้ออกเช็คได้รับหนังสือบอกกล่าวจากผู้ทรงเช็คว่าธนาคารไม่ใช้เงินตามเช็คนั้น หรือหนี้ที่ผู้กระทำความผิดตามมาตรา 4 ได้ออกเช็คเพื่อใช้เงินนั้นได้สิ้นผลผูกพันไปก่อนศาลมีคำพิพากษาถึงที่สุด ให้ถือว่าคดีเลิกกันตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา
โอภาส เพ็งเจริญ
[email protected]