อ่านสารจาก อุทัย พิมพ์ใจชน อดีตประธานรัฐสภาที่มีถึง “ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ” แล้วชวนให้นึกถึงยุคที่ “อุทัย” ฟ้องเผด็จการ
ความพิสดารในอดีตอาจทำให้คนรุ่นหลังมึนงง
เป็นไปได้อย่างไร จอมพลถนอม กิตติขจร จอมเผด็จการใช้กำลังทหารใช้ยุทโธปกรณ์ของกองทัพเข้ายึดอำนาจ “ทำรัฐประหารรัฐบาลตัวเอง” ในปี พ.ศ.2514
นายอุทัย พิมพ์ใจชน อดีต ส.ส.ชลบุรี นายอนันต์ ภักดิ์ประไพ อดีต ส.ส.พิษณุโลก และ นายบุญเกิด หิรัญคำ อดีต ส.ส.ชัยภูมิ ยื่นฟ้องจอมพลถนอมกับพวกรวม 17 คน ฐานร่วมกันใช้กำลังประทุษร้ายและขู่เข็ญประชาชนชาวไทยเพื่อล้มล้างรัฐธรรมนูญ ขอให้ศาลพิจารณาลงโทษ
ผลก็คือ “ปาก” แพ้ “ปืน” !
ต่อจากนั้นยิ่งพิสดารหนักขึ้น !
จอมพลถนอมสั่งจับทั้ง 3 คนพร้อมออกคำสั่งให้จำคุกนายอุทัย 10 ปี นายอนันต์กับนายบุญเกิด คนละ 7 ปี
คำสั่งที่หัวหน้าคณะปฏิวัติสั่งให้จำคุก นายอุทัย อนันต์และบุญเกิดนั้นบรรยายด้วยสำนวนคล้ายๆ กับที่บัญญัติในกฎหมายอาญา “ม.116” ทุกวันนี้คือ
การที่ทั้งสามคนฟ้อง “จอมพลถนอม” นั้นไม่ใช่การใช้สิทธิแสดงความคิดเห็นโดยสุจริต แต่เป็นการกระทำที่เจตนาชักจูงให้ประชาชนหลงผิดในการกระทำของคณะปฏิวัติว่าเป็นการกระทำของพวกกบฏอันพึงต้องรับโทษทางอาญา
“การกระทำของทั้งสามเป็นการต่อต้านล้มล้างคณะปฏิวัติ มุ่งหมายให้เกิดความเคลือบแคลงในการบริหารราชการของคณะปฏิวัติ เจตนาให้เกิดความปั่นป่วน และกระด้างกระเดื่องในหมู่ประชาชนจนถึงขนาดที่จะก่อความไม่สงบในบ้านเมืองได้”
อุทัย-อนันต์-บุญเกิด จึงติดคุก
ส่วนวันนี้ “ธนาธร” กำลังเผชิญกับ ม.116
“ผู้ใดกระทำให้ปรากฏแก่ประชาชนด้วยวาจา หนังสือ หรือวิธีอื่นใดอันมิใช่เป็นการกระทำภายในความมุ่งหมายแห่งรัฐธรรมนูญ หรือมิใช่เพื่อแสดงความคิดเห็นหรือติชมโดยสุจริต (1) เพื่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงในกฎหมายแผ่นดินหรือรัฐบาล โดยใช้กำลังข่มขืนใจ หรือใช้กำลังประทุษร้าย (2) เพื่อให้เกิดความปั่นป่วนหรือกระด้างกระเดื่องในหมู่ประชาชนถึงขนาดที่จะก่อความไม่สงบขึ้นในราชอาณาจักร หรือ (3) เพื่อให้ประชาชนละเมิดกฎหมายแผ่นดิน ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 7 ปี”
ครึ่งศตวรรษผ่านไป เราวนกลับมาที่เดิม !?!!
