ถ้าพูดถึงรถยนต์อเนกประสงค์ประเภทเอสยูวี หรือรถยนต์อเนกประสงค์ออกแนวสปอร์ต ในบ้านเรา คงต้องยกให้ ฮอนด้า ซีอาร์-วี เป็นรถยนต์อเนกประสงค์ระดับตำนานเลยทีเดียว
รถยนต์อเนกประสงค์ รุ่นแรกๆ ก็เห็นจะมีฮอนด้า ซีอาร์-วี นี่แหละ ผลิตเข้ามาทำตลาดบ้านเราอยู่นาน กว่าจะมีคู่แข่งรายอื่นผลิตเข้ามาเป็นทางเลือกบ้าง
ดังนั้นพูดได้อย่างเต็มปากเลยว่า ฮอนด้า ซีอาร์-วี ผ่านร้อนผ่านหนาวในวงการนี้มายาวนาน พัฒนามารุ่นแล้วรุ่นเล่า จนกระทั่งซีอาร์-วี รุ่นปัจจุบันเรียกได้ว่า ครบเครื่องที่สุดแล้วในวงการรถยนต์อเนกประสงค์
ทั้ง 7 ที่นั่ง เครื่องยนต์ดีเซล ความเป็นอเนกประสงค์ในเรื่องอรรถประโยชน์ใช้สอย เบาะพับได้สารพัดรูปแบบ ที่ใส่ของกระจุกกระจิก ซีอาร์-วี ขยี้ประเด็นเหล่านี้จนกลายเป็นรถยนต์รุ่นยอดนิยมติดลมบนจนกระทั่งทุกวันนี้
โดยเฉพาะรุ่นใหม่ล่าสุด พัฒนาเครื่องยนต์ดีเซล และแบบเบาะ 7 ที่นั่ง แต่ก็ยังคงรุ่น 5 ที่นั่งเอาไว้ เพื่อเป็นทางเลือกสำหรับใครที่ชอบขนของสัมภาระแบบเน้นๆ แต่ไม่ถึงขั้นรถปิกอัพ
ซีอาร์-วี ใหม่ เบาะนั่ง 2 แถว 5 ที่นั่ง ในรุ่นเครื่องยนต์เบนซิน พร้อมเพิ่มเติมอุปกรณ์อำนวยความสะดวก รุ่นที่ทำการทดสอบ เพิ่งเปิดตัวไปเมื่อปลายปีที่แล้ว
รุ่นนี้มีทีเด็ดอยู่ที่ฝากระโปรงท้ายเปิด-ปิดอัตโนมัติด้วยระบบแฮนด์ฟรี (Hands-free Power Tailgate) พร้อมควบคุมการเปิด-ปิดด้วยรีโมต และสามารถปรับระดับความสูงของการเปิดฝากระโปรงท้ายได้ตามต้องการ 3 ฟังก์ชั่นในการทำงานที่โดดเด่น ได้แก่
การสั่งหยุดและค้าง (Stop and Hold) ระบบสามารถสั่งให้ฝากระโปรงท้ายหยุดการทำงานและค้างอยู่ในตำแหน่งที่ต้องการได้ หากต้องจอดรถในพื้นที่แคบ เช่น ในโรงรถ หรือใกล้กับกำแพง
การกำหนดระดับความสูงของการเปิด (Programmable Height) เพิ่มความสะดวกให้ผู้ขับขี่ในการกำหนดความสูงในการเปิดฝากระโปรงหลังในระดับที่ต้องการ คล้ายกับฟังก์ชั่นหยุดและค้าง ผู้ขับขี่สามารถกำหนดระดับความสูงที่ต้องการเอาไว้ได้ในกรณีต้องจอดรถบนพื้นที่ มีความจำกัดในด้านความสูง เช่น โรงรถเพดานต่ำ การทำงานของฟังก์ชั่นนี้ ผู้ขับขี่เพียงแค่กดสวิตช์ค้างเอาไว้ 3 วินาที เมื่อฝากระโปรงหลังกำลังเปิดขึ้นมาอยู่ในระดับความสูงที่ต้องการ และระบบจะแจ้งให้ทราบว่าได้รับการบันทึกแล้วด้วยการส่งเสียงเตือน 2 ครั้ง
การเปิดฝากระโปรงหลังแบบไม่ต้องใช้มือ (Hands-free Access) เป็นระบบช่วยทำให้การเปิดฝากระโปรงท้ายทำได้อย่างง่ายดาย ระบบจะทำงานอย่างง่ายดายด้วยการยื่นเท้าเข้าไปใต้กันชน จะมีเซ็นเซอร์ตรวจจับการเคลื่อนไหว 2 ตัวติดตั้งเอาไว้ที่ตรงกลางของตัวรถ ตัวแรกอยู่ด้านใต้คานด้านใน ส่วนอีกตัวจะอยู่ใต้กันชนหลัง
เซ็นเซอร์สามารถตรวจจับการเคลื่อนไหวเพื่อให้ประตูเปิด จะเหมาะสำหรับผู้ใช้รถแบกของหรือสัมภาระมายังรถและไม่สามารถใช้มือกดเปิดได้ และช่วยทำให้มือไม่สกปรกในกรณีฝากระโปรงรถเต็มไปด้วยฝุ่นหรือคราบต่างๆ ที่ตัวรถ ระบบนี้สามารถทำงานได้เพียงแค่คุณมีกุญแจรถอยู่ที่ตัว
นอกจากนี้ รุ่นนี้ยังเติมอุปกรณ์อำนวยความสะดวกไปอีกขั้น อาทิ ระบบเครื่องเสียงหน้าจอสัมผัสขนาด 7 นิ้ว แบบแอดวานซ์ ทัช (Advanced Touch) รองรับการเชื่อมต่อ แอปเปิล คาร์เพลย์ และระบบสั่งการด้วยเสียงสิริ เป็นต้น
เครื่องยนต์ขนาด 2.4 ลิตร i-VTEC 4 สูบ 16 วาล์ว พัฒนาภายใต้เทคโนโลยีเอิร์ธดรีม (Earth Dreams Technology) ให้กำลังสูงสุด 173 แรงม้า ที่ 6,200 รอบต่อนาที แรงบิดสูงสุดที่ 224 นิวตัน-เมตร ที่ 4,000 รอบต่อนาที ผสานการทำงานกับเกียร์อัตโนมัติ CVT ตอบสนองได้ดี และยังให้ความสมูทนุ่มนวลในการเปลี่ยนเกียร์พร้อมรองรับพลังงานทางเลือก E85
พื้นที่ห้องโดยสารและพื้นที่เก็บสัมภาระกว้างขวาง สะดวกสบายด้วยฟังก์ชั่นและอุปกรณ์ความปลอดภัย
มีให้เลือกทั้งหมด 4 สี ได้แก่ สีดำคริสตัล (มุก) สีขาวออร์คิด (มุก) สีเงินลูนาร์ (เมทัลลิก) และสีเทาโมเดิร์นสตีล (เมทัลลิก)
มีให้เลือกทั้งหมด 6 รุ่น ได้แก่ เครื่องยนต์เบนซิน รุ่น 2.4 S ราคา 1,359,000 บาท (5 ที่นั่ง) รุ่น 2.4 ES 4WD ราคา 1,499,000 บาท (5 ที่นั่ง) รุ่น 2.4 E ราคา 1,409,000 บาท (7 ที่นั่ง) รุ่น 2.4 EL 4WD ราคา 1,549,000 บาท (7 ที่นั่ง) เครื่องยนต์ดีเซล รุ่น DT-E ราคา 1,559,000 บาท (7 ที่นั่ง) และรุ่น DT-EL 4WD ราคา 1,699,000 บาท (7 ที่นั่ง)
นายพล
