บีเอ็ม 320d ใหม่ ดีเซลหรูทรงพลัง : โดย นายพล

หลังจากเปิดตัวครั้งแรกไปเมื่อปี พ.ศ.2518 บีเอ็มดับเบิลยู ซีรีส์ 3 เจเนอเรชั่นแรก ถือได้ว่าเป็นรถยนต์รุ่นหลักที่ประสบความสำเร็จของค่ายบีเอ็มฯ ด้วยสมรรถนะปราดเปรียว รูปลักษณ์สปอร์ต

ตลอด 40 ปีที่ผ่านมา บีเอ็มดับเบิลยู ซีรีส์ 3 มีพัฒนาการมาอย่างต่อเนื่อง จนกระทั่งรุ่นใหม่ล่าสุด เจเนอเรชั่นที่ 7 พัฒนาทั้งด้านดีไซน์ ระบบช่วงล่าง เครื่องยนต์ และเทคโนโลยีการขับขี่

บีเอ็มดับเบิลยู ซีรีส์ 3 ใหม่ ดีไซน์ให้ความรู้สึกโฉบเฉี่ยว เพิ่มความสปอร์ตด้วยเส้นสายแข็งแกร่งและคมชัด

ด้านหน้าของตัวรถมาในรูปลักษณ์ดุดันขึ้น ด้วยกระจังหน้าทรงไตคู่ขนาดใหญ่ขึ้นในกรอบเชื่อมกับไฟหน้าคู่ LED ทรงเรียวยาวดีไซน์ใหม่ล่าสุด รับกับช่องดักอากาศรูปทรง T เพิ่มความโดดเด่นด้านหน้ารถ

Advertisement

กรอบหน้าต่างด้านข้างดีไซน์แบบ Hofmeister Kink คือสไตล์การออกแบบเสา C หรือเสาหลัง ให้มีจุดงอเป็นมุมป้านกับกระจกข้างเล็กน้อยและเป็นชิ้นเดียวกับเสาซี เป็นเอกลักษณ์ของบีเอ็มดับเบิลยู มอบมิติไร้ขอบเติมความหรูยิ่งขึ้น พร้อมไฟท้ายดีไซน์ใหม่เรียวขึ้นในรูปทรง L แนวนอนสีหม่นแบบสามมิติ และท่อไอเสียแบบคู่ให้ท้ายรถดูกว้างและสปอร์ตกว่าเดิม

การออกแบบโครงสร้างและเทคโนโลยีแชสซีใหม่ล่าสุดในบีเอ็มดับเบิลยู ซีรีส์ 3 ทำให้การควบคุมเฉียบคมและปราดเปรียวขึ้น เป็นการผสมผสานทั้งความสปอร์ตและความนุ่มนวลได้อย่างลงตัว ที่สำคัญชุดเบรกประสิทธิภาพดีขึ้น

นอกจากนี้ ซีรีส์ 3 ใหม่ ยังมีจุดศูนย์ถ่วงรถยนต์ต่ำ กระจายน้ำหนักแบบ 50:50 ตัวรถยังมีน้ำหนักเบาลงกว่ารุ่นก่อนถึง 55 กิโลกรัม จากการใช้วัสดุอลูมิเนียมในชิ้นส่วนและโครงสร้างต่างๆ เช่น กระโปรงและกันชนหน้า

เมื่อมาผสมผสานกับการออกแบบด้านอากาศพลศาสตร์ ด้วยค่าสัมประสิทธิ์แรงต้านอากาศต่ำถึง 0.26 ลดลง 0.03 จากรุ่นก่อนหน้า

รวมทั้งจากระบบ แอคทีฟ แอร์ แฟลป (Active Air Flap) แผ่นปิดด้านในกระจังหน้าไตคู่เจเนอเรชั่นใหม่ล่าสุด และการจัดระเบียบทิศทางการไหลของอากาศผ่าน แอร์ เคอร์เทนส์ (Air Curtains) นอกจากช่วยลดแรงเสียดทานอากาศได้อย่างมีประสิทธิภาพแล้ว ทำให้การขับขี่ได้คล่องแคล่วสนุกขึ้นอีกด้วย

มิติตัวรถ กว้างขึ้น 16 มิลลิเมตร ยาวขึ้น 76 มิลลิเมตร ฐานล้อมีขนาด 2,851 มิลลิเมตร กว้างขึ้นจากรุ่นก่อนหน้า 41 มิลลิเมตร ทำให้บริเวณห้องโดยสารด้านหลังมีพื้นที่กว้างขวางกว่าเดิม

เครื่องยนต์มาพร้อมเทคโนโลยีขับเคลื่อนล่าสุด มอบพละกำลังสูงสุด 140 กิโลวัตต์ หรือ 190 แรงม้าที่ 4,000 รอบต่อนาที และแรงบิดสูงสุด 400 นิวตันเมตรที่ 1,750-2,500 รอบต่อนาทีจากเครื่องยนต์ดีเซล ทวิน เทอร์โบ ขนาด 2.0 ลิตร 4 สูบ สามารถเร่งความเร็วจาก 0 ถึง 100 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ได้ภายใน 6.8 วินาที ความเร็วสูงสุด 240 กิโลเมตรต่อชั่วโมง รองรับระบบช่วงล่างแบบ ไดรฟ์วิ่ง เอ็กซ์พีเรียนซ์ คอนโทรล (Driving Experience Control) มีรูปแบบการขับขี่ให้เลือกทั้งในโหมด คอมฟอร์ท (COMFORT), สปอร์ต (SPORT) และ อีโค โปร (ECO PRO)

บีเอ็มดับเบิลยู 320d สปอร์ต (Sport) ใหม่ มาพร้อมล้ออัลลอย 18 นิ้วลาย วี สโปก (V Spoke) และชุดแต่ง บีเอ็มดับเบิลยู อินดิวิดวล ไฮ-กลอส ชาโดว์ ไลน์ (BMW Individual high-gloss Shadow Line) ด้วยขอบหน้าต่าง ขอบช่องดักอากาศ และซี่บริเวณกระจังหน้าไตคู่สีดำเงา

ภายในตกแต่งด้วยวัสดุอะลูมิเนียมลาย เมสเชฟเฟคต์ (Mesheffect) พร้อมพวงมาลัยและที่นั่งด้านหน้าแบบสปอร์ต

ห้องโดยสารเงียบจนไม่รู้เลยว่าขับรถยนต์เครื่องดีเซลอยู่ การออกแบบแผงหน้าปัดและจอ คอนโทรล ดิสเพลย์ (Control Display) ดีไซน์ใหม่

สะดวกสบายด้วยพื้นที่ด้านหน้าและด้านหลังกว้างขวางขึ้น รวมถึงพื้นที่จุสัมภาระถึง 480 ลิตร เบาะนั่งพับได้แบบ 40:20:40 เสริมบรรยากาศหรูด้วยไฟ แอมเบียนท์ ไลท์ (ambient light) สีสันสดใส และระบบปรับอากาศอัตโนมัติแบบ 3 ตอน

มีระบบเซนเซอร์ควบคุมระยะการจอดด้านหน้าและหลัง (Park Distance Control) มาพร้อมระบบ บีเอ็มดับเบิลยู ไลฟ์ ค็อกพิท พลัส (BMW Live Cockpit Plus) รวมถึงระบบการเชื่อมต่อ บีเอ็มดับเบิลยู คอนเนคเตดไดรฟ์ (BMW ConnectedDrive) สำหรับระบบความบันเทิงและระบบควบคุมอื่นๆ

บีเอ็มดับเบิลยู 320d Sport ราคาจำหน่าย 2,959,000 บาท

ถือว่าเป็นทีเด็ดของค่ายใบพัดสีฟ้าขาว เพราะมาแบบครบเครื่อง ทั้งความหรู ทรงพลัง แต่นุ่มนวล ขับสนุก แถมประหยัดน้ำมันอีกต่างหาก

งานนี้ซีรีส์ 3 ดีเซล ใหม่ คงจะโกยยอดขายให้บีเอ็มได้เป็นกอบเป็นกำแน่นอน

นายพล

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image