ช่วงแรกที่พายุฝนถล่มหลายพื้นที่ในจังหวัดอุบลราชธานี “ส.ส.” อุบลราชธานีซึ่งส่วนใหญ่เป็นของ “พรรคเพื่อไทย” ก็ลงพื้นที่ช่วยเหลือผู้ประสบภัย
เมื่อมีคนไปถามเรื่องน้ำท่วมกับ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ก็บอกว่า “การช่วยเหลือเล็กๆ น้อยๆ ตรงนั้นตรงนี้เป็นเรื่องของฝ่ายค้าน แต่ขอให้เข้าใจว่าการช่วยเหลือส่วนใหญ่ต้องมาจากรัฐบาล”
จนกระทั่งอุบลฯจมอยู่ใต้น้ำหลายวัน และ “บิณฑ์ บรรลือฤทธิ์” ก็ออกมาไลฟ์สดทั้งน้ำตาพร้อมกับตำหนิว่า รัฐบาลมัวแต่แจกเงินให้ช้อปปิ้ง คนอุบลฯกำลังเดือดร้อนกันอย่างหนัก ทำไมไม่เอาเงินมาช่วยบ้าง ว่าแล้ว “บิณฑ์” ก็เบิกเงินส่วนตัว 1 ล้านบาท เอาไปช่วยเหลือผู้ประสบภัย
“บิณฑ์” เปิดบัญชีระดมปัจจัยแค่ 3 วันตัวเลขวิ่งไปเกือบ 300 ล้าน ถึงตอนนั้น “นายกรัฐมนตรี” ก็ออกทีวี ขอรับบริจาคบ้าง
ถัดจากนั้น “ประยุทธ์” ก็ลงพื้นที่ พอเห็นหน้าผู้ว่าฯ หัวหน้าหน่วยราชการกับชาวอุบลฯจำนวนหนึ่งมายืนต้อนรับก็กล่าวขึ้นว่า “ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์มา พรรคเพื่อไทยมาหรือไม่ ไปไหนกันหมด เลือกเขามาใช่หรือไม่ แล้วไปไหนหมด หรือจะคอยมาเลื่อยขาผม ส.ส.คนไหนไม่มาต่อไปก็ไม่ต้องไปเลือกเขา”
นี่คือ นายกรัฐมนตรี ที่เป็นอดีตผู้นำรัฐประหาร 22 พ.ค.2557 ผู้อวดอ้างตลอดมาว่า จำเป็นต้องมาแก้ไขความขัดแย้งของคนในชาติ ขอให้ทุกคนปรองดองกัน !
คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ ประธานคณะกรรมการยุทธศาสตร์พรรคเพื่อไทย จึงโพสต์ข้อความว่า
“ช่างกล้าถาม” (ว่า ส.ส.เพื่อไทยไปไหนกันหมด)
พร้อมกับแพร่ภาพ ส.ส.เพื่อไทยที่กำลังช่วยเหลือประชาชนผู้ประสบภัยอยู่ใน 10 เขตพื้นที่จมน้ำ
จะว่าไปแล้ว การแสดงออกถึง “ความมีสปิริต” นั้นไม่น่าจะเป็นเรื่องยากสำหรับผู้มีการศึกษาและผ่านการอบรมขัดเกลาความคิดและบุคลิกภาพ
เพียงแต่ที่คนเรามักจะพลาดก็คือ เข้าใจว่า “สปิริต” เป็นแค่การแสดง
“สปิริต” ต้องมาจาก “ภายใน” หรือที่เรียกว่า เป็นอุปนิสัย
ถ้ามีสปิริตจะเข้าใจคนอื่น ผู้อื่น ไม่เยาะเย้ยถากถาง ไม่กลั่นแกล้ง ไม่มุ่งมั่นทำลาย แต่จะให้โอกาส
ถึงแม้จะเป็น “ฝ่ายตรงข้าม” แต่ก็แค่ “ตรงข้ามทางการเมือง” ซึ่งในระบอบประชาธิปไตยต้องมี “ฝ่ายรัฐบาล” กับ “ฝ่ายค้าน”
หรือว่ากำลังเพี้ยนจึงพาลเห็นฝ่ายค้านเป็น “ศัตรู” ในสงคราม !?!!