คุณจำนรรจาขับรถจักรยานยนต์มาหาคุณสมหญิงที่บ้าน
เหตุเพราะมันข้องใจ คาใจ กรณีที่คุณสมหญิงโพสต์ข้อความในเฟซบุ๊ก ส่งผลให้เกิดขัดเคืองขุ่นใจไม่รู้คลายมาหลายเพลาแล้ว
มาถึงจึงสอบถาม โต้เถียงเสียงดังด้วยโทสะใส่กันลั่นไปประสาวัยรุ่นสาวหัวร้อนใจถึงด้วยกันทั้งคู่
เถียงกันจนเดือดดาลถึงขีดสุดด้วยกันจังหวะที่คุณจำนรรจาเอี้ยวตัวเหลียวกลับหวังเอากระเป๋าสะพายแขวนที่รถจักรยานยนต์ที่ขับมา คุณสมหญิงฉวยได้ทอพีวีซีขนาดเหมาะมือฟาดอย่างแรงโดนบริเวณลำคอและแขนด้านซ้าย
คุณจำนรรจาแม้เป็นสาวแต่ห้าวไม่น้อย โดนเข้าขนาดนั้นแทนที่จะทรุดและถอดใจถอย ที่ไหนได้กลับดึงปืนพกออกมาจากเอว หันไปทางคุณสมหญิงแล้วเหนี่ยวไก!
กระสุนพุ่งเจาะหัวใจทะลุออกหลัง ร่างคุณสมหญิงทรุดลงสิ้นใจตาย
พนักงานอัยการเป็นโจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษคุณจำนรรจา ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 288 (เจตนาฆ่า) และ 371 (พกพาอาวุธปืน)
คุณจำนรรจาต่อสู้ว่า เป็นการป้องกันโดยชอบด้วยกฎหมาย จึงไม่มีความผิด ขอให้ยกฟ้อง
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า คุณจำนรรจามีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 371 ข้อหาฆ่าให้ยก!
โจทก์อุทธรณ์สิ
ศาลชั้นอุทธรณ์พิพากษาแก้เป็นว่าคุณจำนรรจามีความผิดตามมาตรา 288 (เจตนาฆ่า)
คุณจำนรรจาฎีกา ต่อสู้ว่าเป็นการป้องกันโดยชอบด้วยกฎหมาย-ไม่มีความผิด
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า การที่คุณสมหญิงใช้ท่อพลาสติก PVC ตีคุณจำนรรจา แล้วคุณจำนรรจาใช้อาวุธปืนยิงคุณสมหญิงจนถึงแก่ความตาย เป็นการป้องกันโดยชอบด้วยกฎหมายหรือไม่
โดยวินิจฉัยว่า พฤติการณ์ที่สมหญิงใช้ท่อ PVC ขนาดยาว 1.50 เมตร เส้นรอบวงไม่ถึง 1 นิ้ว ตีที่แขนซ้ายและลำคอของคุณจำนรรจาจนเป็นรอยเขียวช้ำ แสดงว่าคุณสมหญิงตีคุณจำนรรจาโดยแรงและเป็นฝ่ายเริ่มต้นทำร้ายร่างกายคุณจำนรรจาก่อน
แต่เมื่อพิจารณาจากอาวุธที่คุณสมหญิงใช้ตีทำร้ายคุณจำนรรจาเป็นท่อพลาสติกกลวงน้ำหนักไม่มาก ไม่สามารถทำอันตรายถึงแก่ชีวิตได้ในทันทีทันใด และตีถูกแขนเพียงครั้งเดียว
ดังนั้น แม้คุณจำนรรจาจะมีสิทธิป้องกันตนให้พ้นจากภยันตรายซึ่งเกิดจากการประทุษร้ายอันละเมิดต่อกฎหมายของคุณสมหญิงและเป็นภัยที่ถึงตัวแล้ว แต่คุณจำนรรจาก็สามารถหาวิธีป้องกันภัยอันตรายให้เหมาะสมกับพฤติการณ์แห่งคดี
ขณะเกิดเหตุคุณจำนรรจากับคุณสมหญิงยืนห่างกันประมาณ 2-3 เมตร หากคุณจำนรรจาจะใช้อาวุธปืนยับยั้งมิให้คุณสมหญิงกระทำการซ้ำก็สามารถหันกระบอกปืนไปในทิศทางอื่นที่ไม่ใช่จ้องเล็งไปที่ลำตัวของคุณสมหญิงซึ่งเป็นอวัยวะสำคัญเป็นอันดับแรก
การที่คุณจำนรรจาตัดสินใจใช้ปืนพกที่เป็นอาวุธที่ร้ายแรง สามารถประหัตประหารทำอันตรายถึงแก่ชีวิตได้จ้องปืนในระดับหน้าอกคุณสมหญิงแล้วยิงไป 1 นัด กระสุนถูกบริเวณราวนมด้านซ้ายหัวกระสุนปืนทะลุเข้าตำแหน่งหัวใจ ทะลุออกบริเวณใต้ชายโครงด้านซ้ายเป็นตำแหน่งที่เป็นอวัยวะสำคัญของร่างกายที่สามารถทำให้ผู้ตายถึงแก่ความตายได้ทันที จึงเป็นกรณีที่คุณจำนรรจาป้องกันตนเองเกินกว่ากรณีจำเป็นต้องป้องกัน และไม่ใช่เป็นเรื่องที่กระทำไปด้วยความตื่นเต้นตกใจกลัว เพราะขณะเกิดเหตุคุณจำนรรจามีสติสัมปชัญญะสมบูรณ์สามารถชักอาวุธปืนออกจากเอวและจ้องเล็งยิงคุณสมหญิงได้
จึงต้องฟังว่าคุณจำนรรจามีเจตนาฆ่าคุณสมหญิง แต่เป็นการกระทำอันเป็นการป้องกันเกินสมควรแก่เหตุ ตามมาตรา 288 ประกอบมาตรา 68 และ 69 ซึ่งศาลจะลงโทษน้อยกว่าที่กฎหมายกำหนดไว้สำหรับความผิดนั้นเพียงใดก็ได้
ศาลฎีกาพิพากษาแก้เป็นว่า คุณจำนรรจามีความผิดตาม มาตรา 288 ประกอบมาตรา 69
(เทียบคำพิพากษาศาลฎีกาที่ 8063/2560)
+++++++++++++
ประมวลกฎหมายอาญา
มาตรา 68 ผู้ใดจำต้องกระทำการใด เพื่อป้องกันสิทธิของตน หรือของผู้อื่น ให้พ้นภยันตรายซึ่งเกิดจากการประทุษร้ายอันละเมิดต่อกฎหมายและเป็นภยันตรายที่ใกล้จะถึง ถ้าได้กระทำพอสมควรแก่เหตุ การกระทำนั้นเป็นการป้องกันโดยชอบด้วยกฎหมายผู้นั้นไม่มีความผิด
มาตรา 69 ในกรณีที่บัญญัติไว้ในมาตรา 67 และมาตรา 68 นั้น ถ้าผู้กระทำได้กระทำไปเกินสมควรแก่เหตุ หรือเกินกว่ากรณีแห่งความจำเป็น หรือเกินกว่ากรณีแห่งการจำต้องกระทำเพื่อป้องกัน ศาลจะลงโทษน้อยกว่าที่กฎหมายกำหนดไว้สำหรับความผิดนั้นเพียงใดก็ได้ แต่ถ้าการกระทำนั้นเกิดขึ้นจากความตื่นเต้นความตกใจ หรือความกลัว ศาลจะไม่ลงโทษผู้กระทำก็ได้
โอภาส เพ็งเจริญ [email protected]