หุ้นเด่น : หุ้นแบงก์โตได้ ท่ามกลางวิกฤต

ภาพรวมตลาดที่ทยอยปรับฐานขึ้นพอทำให้นักลงทุนเริ่มใจชื้นขึ้นมาได้ แต่การลงทุนในช่วงนี้ก็ยังต้องระมัดระวังเช่นเคย ตราบใดที่ยังไม่สามารถควบคุมการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ได้ การเคลื่อนไหวของดัชนีหุ้นไทยก็สามารถกลับมาผันผวนได้อีก จึงแนะนำเลือกลงทุนในหุ้นพื้นฐานดี และมีปันผลโดดเด่น คือ บริษัท ทิสโก้ไฟแนนเชียลกรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ TISCO

บริษัทหลักทรัพย์ ฟิลลิป (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) คาดการณ์กำไรอยู่ที่ 1.85 พันล้านบาท เพิ่มขึ้น 7% หากเทียบกับช่วงเดียวกันของปี 2562 จากการตั้งสำรองที่คาดว่าจะลดลงและรายได้ค่าธรรมเนียมที่คาดว่าจะเพิ่มขึ้น แม้ไตรมาส 1 ที่ผ่านมาการตั้งสำรองลดลงจากไตรมาส 4 ปีที่แล้ว แต่การลดลงของรายได้จากอัตราดอกเบี้ย และรายได้จากค่าธรรมเนียม คาดว่าจะทำให้กำไรลดลงจากไตรมาสก่อน 0.8% ในขณะที่สินเชื่อของกลุ่มธนาคารในช่วงครึ่งหลังของปี 2563 จะเติบโต 0.4% แต่สินเชื่อของบริษัทอาจหดตัวอยู่ที่ 0.8% แต่ยังไม่น่าจะเพียงพอที่จะทำให้การเติบโตกลับมาเป็นบวกได้ จึงประมาณการกำไรของบริษัทลงเหลือ 7.3 พันล้านบาทเพิ่มขึ้น 0.3% หากเทียบกับช่วงเดียวกันของปี 2562 จากเดิมที่คาดไว้ว่าจะโตที่ 7.4 พันล้านบาท แต่เนื่องจากบริษัทมีปันผลโดดเด่น จึงแนะนำให้ซื้อในราคาพื้นฐานที่ 82 บาทต่อหุ้น

บริษัทหลักทรัพย์ ฟินันเซีย ไซรัส จำกัด (มหาชน) มองว่า รายงานกำไรสุทธิไตรมาส 4/2562 อยู่ที่ 1,865 ล้านบาท ทรงตัวหากเทียบกับไตรมาสที่ 3/2562 แต่เพิ่มขึ้น 8% หากเทียบกับช่วงเดียวกันของปี 2561 น้อยกว่าที่ตลาดคาดการณ์ไว้ประมาณ 3% เนื่องจากรายได้ที่ไม่ใช่ดอกเบี้ยน้อยลง ส่วนใหญ่เกิดจากรายการกำไรจากเงินลงทุน และค่าใช้จ่ายสำรองที่มากกว่าคาด โดยรายได้ค่าธรรมเนียมสุทธิที่ทำได้ดีกว่าที่คาดการณ์ไว้ประมาณ 3.2% ส่วนใหญ่มาจากรายได้จากธุรกิจจัดการกองทุน ที่รับรู้รายได้ประจำปีไปแล้ว ขณะที่รายได้ดอกเบี้ยสุทธิใกล้เคียงกับที่คาดไว้ ซึ่งลดลงประมาณ 1.3% จากต้นทุนทางการเงินที่ขยับขึ้น เนื่องจากอัตราดอกเบี้ยเงินฝากที่สูงขึ้น เพื่อทดแทนหุ้นกู้ที่ครบอายุแล้ว ในแง่ของสินเชื่อไตรมาส 4/2562 ขยับขึ้น 0.25% ทำให้สินเชื่อทั้งปีน่าจะโตที่ 0.96% ส่วนใหญ่มาจากการเพิ่มขึ้นของสินเชื่อธุรกิจ บวกกว่า 15.4% ในหมวดอสังหาริมทรัพย์และก่อสร้าง ขณะที่สินเชื่อรายย่อยลดลง 0.8% สำหรับสินเชื่อจำนำทะเบียน ขยายตัวจากฐานต่ำในปี 2561 ประมาณ 11% คุณภาพหนี้ที่ดีขึ้น และหนี้เสียงที่ลดลงมาอยู่ที่ 2.4% จาก 2.77% ในไตรมาส 3/2562 ทำให้การที่คุณภาพสินเชื่อดีขึ้น จึงน่าจะกลับมาเติบโตได้

คงคำแนะนำซื้อราคาเหมาะสมที่ 82 บาทต่อหุ้น

Advertisement
QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image