⦁…เพราะชีวิตไม่ได้มี “มิติเดียว” โรคระบาดปลุก “ความกลัว”ให้ยอมทุกอย่างขอแค่ “ไม่ถูกแพร่เชื้อ” เริ่มต้นอย่างนั้้นกันได้ทั้งหมด เพราะ “ยังพอมีกินมีใช้” และคิดว่า “คงไม่กี่วัน” เมื่อรัฐบาลบอกว่าจะแจก “คนละ 5,000” แบบเรียงหน้ากระดานมารับได้เลย “ยิ่งอุ่นใจ” พอสนุกได้ด้วยทุกข์ยังไม่แสดงฤทธิ์ นานเข้าทุกอย่างไม่เป็นเหมือนที่คิด “ชีวิต” เริ่มถูกกดดันด้วย “ความจำเป็นที่สำคัญด้านอื่น”
⦁…ถ้าไม่เอาแต่หลับหูหลับตาทะเลาะกับประชาชน ที่ยกกันมา “ตะโกนด่าอยู่หน้ากระทรวงการคลัง” เพราะห่วงว่าจะ “วุ่นวาย” และ “เสียหายต่อภาพลักษณ์” ค่อยๆ ฟังเพื่อจับสาระ ด้วยความรู้สึกว่า “ได้เรียนรู้ในการร่วมอารมณ์เดือดร้อน” ทั้ง “นักการเมือง” และ “ข้าราชการ” น่าจะเข้าใจปัญหาได้ลึกซึ้ง จนบางทีอาจจะเกิดไอเดียที่จะแก้ไขได้
⦁…ว่าไปนี่เป็นเพียงเริ่ม ชีวิตจริงของคนกลุ่มที่ “บ้านต้องเช่า ข้าวของเครื่องใช้ทุกอย่างคือหนี้ที่จะต้องหาเงินผ่อน” เสียงตะโกนหน้ากระทรวงการคลัง ไม่ใช่แค่มาขอ “5,000 บาท” แต่มี “ร้องไห้อ้อนวอน ให้เปิดหนทางทำมาหากินได้” ไม่ว่าจะ “ให้เปิดร้านขาย จ่ายงานให้ทำ” อยู่บ้านน่ะได้ แต่ “ปากท้องของลูกเมียใครจะหาป้อน” เรื่องราวเหล่านี้ “คนมีฐานะ” ไม่ว่าจะเป็น “นักการเมือง-พ่อค้า” หรือ “ข้าราชการ” ที่ “เงินเดือนยังเป็นปกติ” ไม่มีทางเข้าใจ
⦁…คำว่า “ความลำบากของชีวิตไม่ได้มีแค่โควิด” จะดังถี่ขึ้นเรื่อยๆ “ความเหลื่อมล้ำ” ที่ถ่างกว้าง ทำให้ “ชีวิตห่างจากความเข้าใจในกันและกัน” แต่ในวันที่ “ความเดือดร้อนแผ่กระจาย” ไม่มีใครหนีพ้น แม้มีเงินเปรอปรน “ท้องอิ่ม ลิ้นอร่อย สะดวกสบายในความเป็นอยู่” แต่ถึงที่สุดแล้ว “สังคมที่ร้อนระอุ” ย่อมกระทบมาให้กระเทือนไม่ทางใดก็ทางหนึ่ง
⦁…แม้ตัวเลขผู้ป่วยใหม่จะลดลง แต่ “ยังไม่มีใครตอบได้” ว่าเมื่อไร “ชีวิตปกติจะเริ่มต้นได้อีกครั้ง” เมื่อทำมาหากินไม่ได้ “ความหวังของชีวิต” จึงอยู่แค่ “การเยียวยา” เมื่อ “ระบบปั่นป่วน” ทำงานไม่ได้อย่างที่ควรทำ “คนที่เดือดร้อนไม่ได้ ไปจ่ายให้คนที่สุขสบาย” ความรู้สึกว่า “ไม่เป็นธรรม” จึงเกิดขึ้น และอย่างที่บอก “นี่เป็นแค่เริ่มต้น” ขบวนคนทุกข์มีแต่จะขยายทั้ง “สาหัส” และ “ปริมาณ” การรับมือของ “คนที่ไม่เข้าใจชีวิตชาวบ้านเอาแต่สั่งแต่สอน” ซึ่งแก้ปัญหาไม่ได้ จะกลายเป็น “ราดน้ำมันให้กองไฟ” ให้ลุกท่วมไม่รู้หยุด
⦁…ที่ยังพออาศัยคือ “ไทยเป็นเมืองพุทธ” วัดวาและพระสงฆ์ยังเป็นหลักได้ ไม่ว่าจะเป็น การให้สติ ให้ความคิด “เยียวยาใจ” และทำ “โรงทาน” ให้อาหารเยียวยากาย ช่วยกันให้มาก “บริจาคให้หลวงพ่อที่ทำงานด้านสงเคราะห์ชาวบ้าน” จะเป็นการให้เจือจานเพื่อพยุงสังคมที่ดีที่สุด
⦁…วิกฤตเที่ยวนี้ แสดงให้เห็นความโดดเด่นของ “พลังชุมชน” ไม่ว่าจะเป็น การให้ความรู้ ป้องกันการแพร่ระบาด เข้าเวรเข้ายาม ตามช่วยเหลือสารพัด “การเมืองท้องถิ่น” และ “เครือข่ายอาสา” เป็นความพิเศษสุด ที่ช่วยกอบกู้ให้ยังอยู่ร่วมกันได้
ชโลทร