ทันทีที่มีข่าวว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี จะส่งจดหมายถึงบรรดามหาเศรษฐีอันดับ 1-20 ของเมืองไทย ผู้มียางอายหลายคนก็กังวลว่าการ “แบมือขอเงิน” จะก่อให้เกิดภาพที่เสื่อมทรามเสียหาย
ไม่ทันไร ในทวิตเตอร์ก็พากันติดแฮชแท็ก “รัฐบาลขอทาน” !
แต่ “วิษณุ เครืองาม” ก็ว่าให้รอดูเนื้อความในจดหมายก่อน
ส่วนประธานสภาหอการค้าฯ “กลินท์ สารสิน” บอกว่า มหาเศรษฐีอันดับ 1-20 เป็นสมาชิกหอการค้าฯทุกคน ยืนยันพร้อมร่วมมือแก้ปัญหาเพื่อให้ประเทศเดินหน้าไปได้ นายกรัฐมนตรีเชิญมาเมื่อไหร่จะไปในทันที
ต้องไม่ลืมว่ามหาเศรษฐี 20 อันดับแรกของเมืองไทยทั้งหมดเป็นคนไทยเชื้อสายจีน
มีคำว่า “เชื้อสายจีน” ย่อมมีอัตลักษณ์ทางขนบประเพณีวัฒนธรรม ความคิดความเชื่อและแบบแผนการดำเนินชีวิตที่สืบทอดมายาวนานนับพันปี
ถ้าสังเกตจะพบว่าหลายสำนวนโวหารที่คุ้นเคยก็มาจาก “คติธรรม” และการประพฤติปฏิบัติอย่างจีน
เช่น เหนือฟ้ายังมีฟ้า, กินอยู่อย่างต่ำ กระทำอย่างสูง, อยากได้ลูกเสือ ต้องเข้าถ้ำเสือ กระทั่งคำว่า
“ต้องตอบแทนแผ่นดินเกิด” นั่นก็เป็นสำนวนที่ผูกอยู่กับเรื่องความกตัญญูรู้คุณของคนจีน ซึ่งเมื่อทำมาหากินจนร่ำรวยแล้วก็จะทำคุณประโยชน์แก่สังคม
จึงคาดได้ว่า ถ้ารัฐบาลกล้าที่จะขอ มหาเศรษฐีทั้งหลายก็กล้าที่จะ “ให้”
แต่คำถามก็คือ เราจะฝ่าวิกฤตการณ์นี้ไปได้อย่างไร
วิกฤตการณ์นี้เหมือน “เหรียญ” ที่มี 2 ด้าน
ด้านที่หนึ่ง เป็นวิกฤตที่เกิดจาก “การระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโควิด-19” ซึ่งต้องใช้หลายวิธีรับมือ นับตั้งแต่ศักยภาพของระบบสาธารณสุข ความสามารถและการตัดสินใจของผู้นำทางการเมือง และอุปนิสัยใจกับวินัยของพลเมือง
อีกด้านหนึ่ง เป็น “วิกฤตเศรษฐกิจ” ที่เกิดจากการปิดบ้านปิดเมือง หยุดพักหรือลดกิจกรรมทางสังคม ทางเศรษฐกิจ หยุดค้าขาย ปิดโรงแรม โรงงาน ห้าง ร้านค้า การท่องเที่ยวเพื่อลดการไปมาหาสู่ หยุดเดินทางซึ่งส่งผลกระทบเป็นลูกโซ่ทั่วประเทศและทั่วโลก
สมมุติว่า พรุ่งนี้มะรืนนี้เราก้าวข้ามพ้นจาก “ด้านหนึ่ง” ของเหรียญได้ ไม่มีคนป่วยไม่มีคนตายเพิ่มขึ้น
แต่อีกด้านหนึ่งของเหรียญเป็นเรื่องยาว
ถ้าไม่ฟังใครทั้งยังไม่มี “ปัญญา” พอก็ยากที่จะฝ่าข้าม !?!!