การระบาดของ “โควิด-19” ไวรัสสะท้านโลกเริ่มคลี่คลายไปในทางที่ดีขึ้น เฉพาะอย่างยิ่งประเทศไทยเรา นานาประเทศยอมรับว่าการรับมือมีประสิทธิภาพสูงยิ่ง
ยอดผู้ติดเชื้อรายใหม่ที่ลดลง การรักษาหายมากขึ้น คุมการเสียชีวิตได้ ทำให้จำนวนผู้ป่วยในโรงพยาบาลน้อยลง และที่สำคัญที่สุดคือความกังวลว่าระบบสาธารณสุขจะรับไม่ไหวค่อยๆ เบาและหมดไป
เกิดความเชื่อมั่นว่า “เอาอยู่”
และนั่นเป็นที่มาของชื่อเสียงว่าเป็นประเทศที่มีระบบสาธารณสุขที่แข็งแกร่ง ตั้งแต่ทีมวางแผน กำหนดยุทธศาสตร์ ยุทธิวิธี และเครือข่ายบุคลากรที่มีความพร้อมสูง ตั้งแต่ทีมคิดและวางแผน จนถึงฝ่ายปฏิบัติการจากแพทย์ พยาบาล
จนถึงอาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้าน หรือ “อสม.” ที่ทำงานประสานสอดคล้องกันอย่างเป็นระบบ
“ทีมนักรบเสื้อกาวน์” เป็นกำลังหลักที่ยืนต้านการระบาดอย่างกล้าหาญและอดทน
เป็นทั้งผู้บริหารจัดการและให้สติกับหน่วยงานอื่นๆ อย่างมีประสิทธิภาพ
ทว่าถึงประสบความสำเร็จสูงยิ่งเพียงใดก็ตาม ทั้งหมดทั้งสิ้นก็เป็นแค่ “การควบคุมการระบาดของโลก” ซึ่งแม้จะแน่นอนว่าถึงที่สุดแล้ว การรักษาชีวิตไว้ย่อมสำคัญที่สุด แต่ในความเป็นจริงของชีวิตมีเรื่องจำเป็นในมติอื่นอีกไม่น้อยที่จะต้องบริหารจัดการให้เกิดประสิทธิผลด้วย
การมุ่งเน้นที่ “ให้รอดจากการติดเชื้อ” โดยมาตรการที่เข้มข้น ส่งผลต่อชีวิตปกติหนักหน่วง โดยเฉพาะในเรื่องการทำมาหากิน การประกอบธุรกิจ การหาเลี้ยงปากเลี้ยงท้อง จนถึงความรับผิดชอบต่อภาระหนี้สิน เลยไปถึงค่าใช้จ่ายที่ต้องเตรียมไว้กับการสร้างอนาคตที่ดีงาม
มาตรการเด็ดขาด เข้มงวด รุนแรง ทำให้วงจรชีวิตในมิติต่างๆ แทบหยุดนิ่ง ส่งผลตามมามากมายในความเป็นจริงของชีวิตที่ต้องแบกรับภาระ
ที่ยิ่งนับวันยิ่งปรากฏภาพของความเลวร้ายให้เห็น
การฆ่าตัวตาย เสียงโหยไห้ของความอดอยาก เสียงของความอึดอัดที่ทำมาหากินไม่ได้ เสียงถามไถ่ถึงการเยียวยาที่เกิดคำถามมากมายถึงความเป็นธรรมและทั่วถึง
ค่อยๆ ดังแรงขึ้นเรื่อยๆ จนเป็นที่น่าสังเกตว่าดูจะกลบเสียงความกลัวด้วยซ้ำ โดยเฉพาะในคนระดับล่างๆ
ท่ามกลางอารมณ์ที่ผ่อนคลายจากความกลัวการระบาด ด้วยตัวเลขที่ไปในทางที่ดีขึ้น
นั่นหมายความว่า “ไฟสปอตไลต์” ที่เคยส่องที่หมอและพยาบาล “นักรบเสื้อกาวน์” เริ่มที่จะเปลี่ยนไปจับโฟกัสที่ “ทีมเศรษฐกิจ”
และเมื่อพูดถึง “ผู้บริหารเศรษฐกิจ” ผู้คนย่อมเล็งไปที่ “สมคิด จาตุศรีพิทักษ์” เพราะคงไม่มีใครที่จะฝากความหวังเรื่องแบบนี้ไปที่ “พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา”
“ทีมเศรษฐกิจ” ภายใต้การวางยุทธศาสตร์ และยุทธวิธีที่จะรับมือจากแรงสะเทือนหนักหนาสาหัสกับการช็อกระบบเศรษฐทั้งหมดเพื่อรับมือ “โควิด-19”
นับแต่นี้มีความจำเป็นอย่างยิ่งว่าที่ “ทีมเศรษฐกิจจะต้องส่งเสียงสื่อสารกับประชาชน” ทั้งเพื่อการทำความเข้าใจร่วมกัน และอดทนปฏิบัติไปในทิศทางเดียวกัน
“สมคิด จาตุศรีพิทักษ์” จะให้เกิดความเข้าใจได้เท่ากับที่ “นพ.ทวีศิลป์ วิษณุโยธิน” ทำไว้ ได้หรือไม่
เป็นความท้าทายยิ่งในโฟกัสของสปอตไลต์ที่เอียงองศาเข้าหา