เล่าลือกันนักหนาว่าจะมีการเปลี่ยนแปลงตัว “หัวหน้าพรรค” พลังประชารัฐ ว่ากันว่าบางกลุ่มรวมพลกดดันให้กรรมการบริหารพรรคลาออกเกินกว่าครึ่ง จะได้พาดบันไดให้ “อุตตม สาวนายน” เดินลงได้สวยๆ
ใช่แล้ว ถูกต้องแล้ว ได้เวลาแล้วที่ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีและประธานยุทธศาสตร์พรรคจะได้ขึ้นเป็น “หัวหน้าพรรค” ตัวจริงเสียที
อย่าได้เขินอาย อย่าเคอะเขิน ถึงท่วงท่าจะต้วมเตี้ยมก็ขอให้เดินหน้าสู่เป้าหมาย !
พล.อ.ประวิตรฉายแววมาตั้งแต่สมัยเป็น “รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม” ในรัฐบาลประชาธิปัตย์ที่มี
“สุเทพ เทือกสุบรรณ” เป็นรองนายกรัฐมนตรีและเป็น “ผอ.ศอฉ.”
ตอนนั้น พล.อ.ประวิตร “พี่ใหญ่” ของน้องๆ ก็เป็น “รอง ผอ.ศอฉ.” มี “บิ๊กป๊อก” พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา เป็น ผบ.ทบ. มี “บิ๊กตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เป็นรอง ผบ.ทบ. ร่วมกันปราบม็อบ “พ.ค.2553” มา
ทั้ง ป.ป๊อก ป.ประยุทธ์ อยู่ในบ้าน “พี่ใหญ่” มาตั้งแต่ยังเป็น ผบ.ร้อย มองตาก็รู้ใจ
ถึงแม้ ป.ประยุทธ์น้องเล็กจะมีวาสนาได้เป็น “หัวหน้า คสช.” ได้เป็นนายกรัฐมนตรีถึง 2 สมัย แต่ก็เป็นที่เข้าใจกันว่าถ้าไม่มี “พี่ใหญ่” ก็ไม่มี “ประยุทธ์” ในวันนี้
ครั้งก่อน “3 ป.” ถูกมองเป็นแค่ “เบี้ย” ตัวหนึ่งบนกระดานตามแต่นักการเมืองสายพลเรือนจะใช้เดิน แต่หลังจากรัฐบาลที่จัดตั้งในค่ายทหาร “ทำงานล้มเหลว” พี่น้อง 3 ป.ก็ต้องขบคิดการยุทธ์กันใหม่
“พรรคพลเรือน” มากไปด้วยความวุ่นวาย ไม่เข้มแข็ง คอนโทรลไม่ได้
สร้างเงื่อนไขด้วยทฤษฎีเดิมๆ แล้วล้มกระดาน
เขียนกติกาใหม่ จัดตั้งพรรคการเมืองขึ้นมาใหม่และกำหนดยุทธศาสตร์ใหม่ “มั่นคง ยาวนาน”
นักการเมืองพลเรือนที่ยืมดาบฆ่าคนอาศัย “ 3 ป.” กำจัดฝ่ายตรงข้ามให้สิ้นซากหวังว่าต่อไปจะไร้คู่แข่งนั้น สุดท้ายกลายเป็นแค่ “ไม้ประดับ”
ไม่จำต้องอาศัยโหราจารย์สอพลอก็ทำนายได้ว่า วันนี้ เวลานี้ ดิน น้ำ ลม ฟ้า อากาศเกื้อกูลเป็นใจให้
“พี่ใหญ่” แห่ง 3 ป.ขึ้นเป็นหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ
เป็นตัวจริงที่มีอิทธิพลจริงๆ ต่อเสียงของ ส.ส.ในพรรค พปชร. ต่อ ส.ส.พรรคร่วม และมีอิทธิพลต่อ “250 เสียง” ของ ส.ว.ที่เป็นฐานเสียงอันมั่นคงของ “ระบอบ 3 ป.”
อย่าได้อุทานว่า “ประเทศเปลี่ยนโฉมไป”
นับตั้งแต่ “คมช.” เมื่อ ก.ย. 2549 และ “คสช.” เมื่อ 22 พ.ค.2557 เป็นต้นมา ทุกอย่างยังคงเหมือนเดิม ประเทศยังไม่ได้ไปไหนเลย !?!!
