นายสุรศักดิ์ สุทองวัน รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท โตโยต้า มอเตอร์ ประเทศไทย จำกัด เปิดเผยว่า ยอดขายรถยนต์ประจำเดือนพฤษภาคม 2563 มียอดการขายรวมทั้งสิ้น 40,418 คัน ลดลง 54.1% ประกอบด้วย รถยนต์นั่ง 11,733 คัน ลดลง 65.1% รถเพื่อการพาณิชย์ 28,685 คัน ลดลง 47.4% ขณะที่รถกระบะขนาด 1 ตัน 23,137 คัน ลดลง 47.5%
ประเด็นสำคัญ
นายสุรศักดิ์กล่าวว่า สถานการณ์การขายของเดือนพฤษภาคม มีแนวโน้มปรับตัวดีขึ้นจากเดือนเมษายนที่ผ่านมา สืบเนื่องจากการที่รัฐบาลได้ทยอยประกาศผ่อนปรนมาตรการควบคุมเพื่อป้องกันการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ทำให้บางธุรกิจที่ได้รับการผ่อนปรนเริ่มทยอยกลับมาดำเนินงาน ส่งผลในเชิงบวกให้กับตลาดรถยนต์ อย่างไรก็ตามสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ยังคงอยู่ในช่วงของการค่อยๆ ฟื้นตัว ทำให้ผู้บริโภคยังมีความระมัดระวังการใช้จ่ายอยู่ รวมถึงภาครัฐยังได้ออกมาตรการดูแลและเยียวยาเพื่อช่วยเหลือประชาชนและผู้ประกอบการที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์นี้ด้วย
นายสุรศักดิ์กล่าวว่า ส่วนตลาดรถยนต์สะสม 5 เดือน มีปริมาณการขาย 270,591 คัน ลดลง 38.2% เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีที่ผ่านมา ตลาดรถยนต์นั่งมีอัตราการเติบโตลดลง 42.2% ตลาดรถเพื่อการพาณิชย์มีอัตราการเติบโตลดลง 35.6% เป็นผลกระทบมาจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ไม่เพียงแต่ตลาดรถยนต์ไทย แต่ส่งผลต่อเศรษฐกิจโดยรวมของประเทศและทั่วโลกต่อเนื่องกัน 5 เดือน
นายสุรศักดิ์กล่าวว่า สำหรับเดือนมิถุนายนนี้ จากการที่ภาครัฐได้ดำเนินการผ่อนคลายให้ธุรกิจสามารถกลับมาดำเนินการได้ในระยะที่ 3 และการควบคุมสถานการณ์เป็นไปในทิศทางที่ดีขึ้น ไม่มีผู้ติดเชื้อภายในประเทศ และได้มีการคลายล็อกระยะที่ 4 มีผลบังคับใช้วันที่ 15 มิถุนายน โดยให้กิจการและกิจกรรมอีกหลายประเภทกลับมาดำเนินธุรกิจได้ภายใต้มาตรการที่ภาครัฐกำหนดเพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้ประชาชน และเศรษฐกิจไทยเดินหน้าต่อไปได้ อย่างไรก็ตามประชาชนยังต้องเฝ้าระวัง และป้องกันการใช้ชีวิตตามมาตรการความปลอดภัยเพื่อป้องกันการเกิดการแพร่ระบาดรอบ 2 ดังนั้น แนวโน้มของตลาดรถยนต์ในเดือนมิถุนายนจะมีทิศทางที่ดีขึ้นต่อเนื่อง
ปริมาณการจำหน่ายรถยนต์ เดือนพฤษภาคม 2563 ตลาดรถยนต์รวม ปริมาณการขาย 40,418 คัน ลดลง 54.1% อันดับที่ 1 โตโยต้า 13,611 คัน ลดลง 53.7% ส่วนแบ่งตลาด 33.7%
อันดับที่ 2 อีซูซุ 10,130 คัน ลดลง 35.3% ส่วนแบ่งตลาด 25.1% อันดับที่ 3 ฮอนด้า 4,178 คัน ลดลง 62.8% ส่วนแบ่งตลาด 10.3%
ตลาดรถยนต์นั่ง ปริมาณการขาย 11,733 คัน ลดลง 65.1% อันดับที่ 1 โตโยต้า 3,557 คันลดลง 62.9% ส่วนแบ่งตลาด 30.3% อันดับที่ 2 ฮอนด้า 3,514 คัน ลดลง 59.2% ส่วนแบ่งตลาด 29.9% อันดับที่ 3 ซูซูกิ 1,218 คัน ลดลง 37.3% ส่วนแบ่งตลาด 10.4%
ตลาดรถเพื่อการพาณิชย์ ปริมาณการขาย 28,685 คัน ลดลง 47.4% อันดับที่ 1 อีซูซุ 10,130 คัน ลดลง 35.3% ส่วนแบ่งตลาด 35.3% อันดับที่ 2 โตโยต้า 10,054 คัน ลดลง 49.2% ส่วนแบ่งตลาด 35.0% อันดับที่ 3 ฟอร์ด 1,823 คัน ลดลง 50.9% ส่วนแบ่งตลาด 6.4%
ตลาดรถกระบะขนาด 1 ตัน ปริมาณการขาย 20,567 คัน ลดลง 46.8% อันดับที่ 1 อีซูซุ 8,955 คัน ลดลง 32.5% ส่วนแบ่งตลาด 43.5% อันดับที่ 2 โตโยต้า 7,830 คัน ลดลง 48.4% ส่วนแบ่งตลาด 38.1% อันดับที่ 3 มิตซูบิชิ 1,403 คันลดลง 48.2% ส่วนแบ่งตลาด 6.8%
ตลารถกระบะดัดแปลง (พีพีวี) 2,570 คัน
โตโยต้า ฟอร์จูนเนอร์ 1,308 คัน มิตซูบิชิ ปาเจโร่ สปอร์ต 420 คัน อีซูซุ มิว-เอ็กซ์ 363 คัน ฟอร์ด เอเวอเรสต์ 277 คัน นิสสัน เทอร์รา 181 คัน และเชฟโรเลต เทรลเบลเซอร์ 21 คัน
สำหรับสถิติการจำหน่ายรถยนต์ เดือนมกราคม-พฤษภาคม 2563 ตลาดรถยนต์รวม ปริมาณการขาย 270,591 คัน ลดลง 38.2% อันดับที่ 1 โตโยต้า 80,856 คัน ลดลง 43.3% ส่วนแบ่งตลาด 29.9% อันดับที่ 2 อีซูซุ 59,393 คัน ลดลง 21.8% ส่วนแบ่งตลาด 21.9% อันดับที่ 3 ฮอนด้า 35,504 คัน ลดลง 32.4% ส่วนแบ่งตลาด 13.1%
ตลาดรถยนต์นั่ง ปริมาณการขาย 98,948 คัน ลดลง 42.2% อันดับที่ 1 ฮอนด้า 29,702 คัน ลดลง 25.3% ส่วนแบ่งตลาด 30.0% อันดับที่ 2 โตโยต้า 25,124 คัน ลดลง 50.4% ส่วนแบ่งตลาด 25.4% อันดับที่ 3 นิสสัน 10,908 คัน ลดลง 34.5% ส่วนแบ่งตลาด 11.0%
ตลาดรถเพื่อการพาณิชย์ ปริมาณการขาย 171,643 คัน ลดลง 35.6% อันดับที่ 1 อีซูซุ 59,393 คัน ลดลง 21.8% ส่วนแบ่งตลาด 34.6% อันดับที่ 2 โตโยต้า 55,732 คัน ลดลง 39.4% ส่วนแบ่งตลาด 32.5% อันดับที่ 3 มิตซูบิชิ 12,854 คัน ลดลง 39.5% ส่วนแบ่งตลาด 7.5%
ตลาดรถกระบะขนาด 1 ตัน ปริมาณการขาย 122,848 คัน ลดลง 35.4% อันดับที่ 1 อีซูซุ52,757 คัน ลดลง 19.2% ส่วนแบ่งตลาด 42.9% อันดับที่ 2 โตโยต้า 43,509 คัน ลดลง 37.8% ส่วนแบ่งตลาด 35.4% อันดับที่ 3 มิตซูบิชิ 9,589 คัน ลดลง 38.1% ส่วนแบ่งตลาด 7.8%
ตลาดขายรถกระบะดัดแปลง (พีพีวี) 13,985 คัน โตโยต้า ฟอร์จูนเนอร์ 5,381 คัน มิตซูบิชิ ปาเจโร่ สปอร์ต 3,265 คัน อีซูซุ มิว-เอ็กซ์ 2,448 คัน ฟอร์ด เอเวอเรสต์ 1,786 คัน นิสสัน เทอร์รา 495 คัน และเชฟโรเลต เทรลเบลเซอร์ 610 คัน