ก่อนจะมีรัฐประหารในเดือน พ.ค.2557 ฝ่ายบริหารหรือรัฐบาลโดยนายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม “คิดการใหญ่” เตรียมจะลงทุนโครงสร้างพื้นฐานของประเทศไทย
ให้มี “รถไฟความเร็วสูง”
สภาผู้แทนราษฎรผ่านร่าง พ.ร.บ.เงินกู้ 2 ล้านล้านบาท
ใครจะไปคิดว่าจะถูกดับฝัน !
นายสุพจน์ ไข่มุกด์ ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญแสดงทรรศนะชี้นำด้วยความมั่นใจในระหว่างการไต่สวนนายชัชชาติว่า
“เอาถนนลูกรังให้หมดไปจากประเทศไทยก่อน ทำสิ่งต่างๆ ให้เสร็จก่อนไปคิดถึงระบบความเร็วสูง ความเห็นส่วนตัวผมคิดว่า ความเร็วสูงยังไม่จำเป็นสำหรับประเทศไทย และเงินกู้ 2 ล้านล้านบาทนี่ คุณชัชชาติตายไปเกิดใหม่มารุ่นลูกรุ่นหลานก็ยังใช้หนี้ไม่หมดเลย”
“ชัชชาติ” ไม่ได้เดือดดาลหน้าแดง แต่แววตาหมองเศร้า
จินตนาการอันบรรเจิดสูญสิ้น !
วลีนั้นยังกึกก้องอยู่ในหู
“รถไฟความเร็วสูงยังไม่จำเป็นกับประเทศไทย ควรจะให้ถนนลูกรังหมดไปก่อน”
คำวินิจฉัยชี้ขาดจากศาลรัฐธรรมนูญออกตามนั้น
ยิ่งไปกว่านั้น “ความปรารถนาดี” ที่จะพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานของประเทศด้วย “พ.ร.บ.เงินกู้ 2 ล้านล้าน” ยังถูกศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยว่า “ขัดรัฐธรรมนูญ” ด้วยเหตุที่มี ส.ส.บางคน “กดบัตรลงคะแนน” แทนกัน
“กระบวนการ” ตรา พ.ร.บ.เงินกู้ 2 ล้านล้านถูกชี้ว่า “ไม่ชอบด้วยกฎหมาย”
หลักการก็คือ ส.ส. 1 คนควรจะมี “1 เสียง”
หลักต่อมาคือ ผู้เป็น ส.ส. ต้องไม่อยู่ในอาณัติหรือถูกครอบงำใดๆ
“มติ” ของสภาผู้แทนราษฎรในการร่าง “พ.ร.บ.เงินกู้ 2 ล้านล้าน” ถูกชี้ว่า “เป็นมติที่ไม่ชอบ”
ผลก็คือ ร่าง พ.ร.บ.เงินกู้ 2 ล้านล้านไม่ถูกต้องตามรัฐธรรมนูญ !
6 ปีต่อมา
ในระหว่างที่มีการพิจารณา “ร่าง พ.ร.บ.งบประมาณ พ.ศ.2563” วาระสอง ตั้งแต่มาตรา 31 เป็นต้นไป และวาระสาม เห็นชอบทั้งฉบับนั้น นายนิพิฏฐ์ อินทรสมบัติ รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ร้องว่า
“มี ส.ส.ในพรรคฝ่ายรัฐบาลกดบัตรลงคะแนนแทนกัน”
เลขาธิการสภาฯยอมรับว่าเป็นความจริง
แต่ พ.ร.บ.งบประมาณปี พ.ศ.2563 ไม่ล้ม และรัฐบาลก็ไม่คว่ำ !
นั่นแค่ 1 ตัวอย่าง
“ความไม่คงเส้นคงวา” ในการวินิจฉัยหรือชี้ขาดข้อพิพาทหรือคดีที่เกิดขึ้นบ่อยครั้งในสังคมไทย
นับเป็นอันตรายแก่ “คณะบุคคล” และ “องค์กร” !?!!