⦁…สัมมนา “ลงทุน 2020 ฟื้นฟูเศรษฐกิจ สร้างชาติ สร้างงาน” ซึ่ง “มติชน” จัดที่โรงแรมพูลแมน คิง เพาเวอร์ รางน้ำ วันก่อน “รองนายกรัฐมนตรี อนุทิน ชาญวีรกูล” ในฐานะผู้กำกับดูแลกระทรวงคมนาคม แสดงวิชั่นการบริหารจัดการประเทศเปิดงาน “ผมใช้นโยบายไทยเฟิร์สต์ ออกแบบโดยคนไทย ลงทุนโดยคนไทย สร้างงานโดยคนไทย ทุกบาทอยู่ในประเทศ เงินลงทุน 1 ล้านล้านบาท จะหมุนเป็น 7-8 ล้านล้านบาท อยู่ในประเทศ” ให้ภาพของ “ความหวังเศรษฐกิจจะได้รับการฟื้นฟู” ชัดเจน
⦁…และเมื่อ “รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม ศักดิ์สยาม ชิดชอบ” เรียบเรียงให้เห็นการลงทุนสาธารณูปโภคพื้นฐานครั้งใหญ่ ทั้ง “ทางถนน ราง ทางน้ำ ทางอากาศ” โยงเป็น “ข่ายใยแมงมุมทั่วประเทศ” ให้เห็นภาพของ “ประเทศเรา” ในอนาคต จะเชื่อมต่อด้วยการคมนาคมที่ทันสมัย และสะดวกสบาย อันสร้างความมั่นใจให้นักลงทุน ชัดเจนว่า “ประเทศไทยในอนาคตจะมีความพร้อมต่อการพัฒนาเศรษฐกิจอย่างสูงยิ่ง”
⦁…นั่นย่อมเป็นเรื่องที่ต้อง “แสดงความขอบคุณอย่างสูงยิ่ง” ต่อ “รองฯอนุทิน” และ “รมว.ศักดิ์สยาม” ที่ให้ความกระจ่างในเรื่องที่ “รัฐบาลจะทำให้ประเทศ” และต้องขอ “ขอบคุณอย่างสูงยิ่ง” เช่นกัน สำหรับ “รายละเอียด” ของแต่ละโครงการที่ “อธิบดีกรมทางหลวง สราวุธ ทรงศิวิไล, กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ ทอท. นิตินัย ศิริสมรรถการ, ผู้ว่าการ รฟม. ภคพงศ์ ศิริกันทรมาศ, กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บีทีเอสซี สุรพงษ์ เลาหะอัญญา, ผู้อำนวยการ สนข. ชยธรรม์ พรหมศร, ผู้อำนวยการ ขสมก. สุระชัย เอี่ยมวชิรสกุล”
ที่ขยายรายละเอียดโครงการของแต่ละส่วนให้ประชาชนได้รับทราบ
⦁…หลายเรื่องราวที่เกิดขึ้นในช่วงนี้ หากใช้แค่ “สามัญสำนึก” มาพิจารณา ล้วนแล้วแต่ยากที่จะเข้าใจว่า “ไฉนเป็นอย่างนั้น” ล่าสุด “อัยการสั่งไม่ฟ้อง บอส อยู่วิทยา” และ “ตำรวจไม่คัดค้าน” อธิบายแค่ว่า “ต้องเคารพกระบวนการยุติธรรม” นั้น ประชาชนคนไทยไม่มีอะไรโต้แย้ง ต้องยอมรับกันทั่วหน้า แต่จะดีกว่าหากผู้เกี่ยวข้องช่วยอธิบายว่า “มันเป็นอย่างนั้นได้อย่างไร”
⦁…ขณะที่ “ลูกหลานนักเรียน นิสิต นักศึกษา” กระจายเวทีตั้งคำถามกับ “ผู้หลักผู้ใหญ่” ถึง “อนาคตของประเทศ” ว่าที่จัดการกันอยู่นี้เป็น “ภาระที่เกินเหตุที่คนรุ่นหลังต้องแบกรับหรือไม่” วิธีที่ดีคือ “ควรรับฟัง” และ “หาทางทำความเข้าใจ” ภาพของการส่งกำลังไปติดตามตรวจสอบ ที่เป็นข้อกังขาว่า “คุกคาม” นั้น ไม่ควรเกิดขึ้น ใช่อยู่ การทำให้ “กลัว” เป็นวิธีที่ได้ผล แต่ถึงที่สุดแล้ว การสร้าง “คนรุ่นใหม่” ด้วยความกลัว จะเกิดผลอย่างไรต่ออนาคตของชาติ เป็นเรื่องที่ “ผู้มีสติปัญญาต้องคิด”
⦁…ดูเหมือนจะนิ่งแล้ว “รายชื่อคณะรัฐมนตรีที่จะปรับใหม่” ทีมเศรษฐกิจที่จะมาแทน “สมคิด จาตุศรีพิทักษ์ และ 4 กุมาร” ที่ออกไป คงต้องทำงานกันอย่างเหนื่อยหนัก เพราะวิกฤตเที่ยวนี้ไม่ธรรมดา และที่อยากฝากไว้คือ ให้ความสำคัญกับ “ปัญหาปากท้องของประชาชน” ก่อน ประเทศไทยเราปัญหาใหญ่คือ “ความเหลื่อมล้ำ” และ “ทุกวิกฤตล้วนเป็นโอกาสของนายทุนใหญ่” หาก “รัฐบาล” ปล่อยตามน้ำของกลไกระบบ “มือใครยาวสาวได้สาวเอา” เท่ากับ “ซ้ำเติมคนระดับล่าง”
⦁…การฟื้นฟูเศรษฐกิจที่ดีที่สุดของโลกยุคนี้คือ “พัฒนาการใช้งานเทคโนโลยีดิจิทัล” จะเห็นได้จาก ท่ามกลางความฝืดเคืองของแทบทุกอาชีพ การทำหากินด้วย “ออนไลน์” เป็นอาชีพที่ชัดเจนว่า “อยู่ได้เป็นอย่างดี” หาก “ปรับ ครม.” เที่ยวนี้ ถือโอกาสเอาผู้มีประสบการณ์มาดูแล ย่อมสะท้อน “การรู้จักใช้คนให้เหมาะสมกับสถานการณ์” บอกตามตรงว่าเสียดาย ฐากร ตัณฑสิทธิ์ ที่มีชื่อโผล่มาแวบๆ ก่อนหน้านั้น แล้วในที่สุดถูกตัดตัว เนื่องจาก “ผลงานที่ผ่านมาพิสูจน์แล้ว” ว่า “สร้างรายได้ให้รัฐ สร้างงานให้ประชาชน” สำเร็จจริง
⦁…เดินเข้มแบบใจเต็มร้อย เคียงบ่าเคียงไหล่กับ “คนจะนะ” ที่ตั้งคำถามกับ “นิคมอุตสาหกรรม” ในฐานะนักการเมืองสงขลา “เจือ ราชสีห์” รู้สึกร่วมในความเดือดร้อนของชาวบ้าน หาทางให้ผู้เกี่ยวข้องรับฟังความคิดความเห็นของประชาชนให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้
ชโลทร