ทําไม “แดง” กับอีกหลายคนจึงยังคงมีความเชื่อว่า “คนชังชาติ” มีอยู่จริง
“ชังชาติ” เป็นวาทะกรรมที่ถูกสร้างขึ้นมาเพื่อแบ่งแยกทางการเมืองระหว่าง “เขา” กับ “เรา”
ย้อนไปแต่ก่อนนี้ ใครไม่เชื่อฟังไม่ทำตาม จอมพล ป. พิบูลสงคราม ก็ว่าเป็น “ภัยคุกคาม” ของชาติ
แต่ “ป.” ก็ล่มสลายลงด้วย “สฤษดิ์” ที่ใช้กำลังแห่งกองทัพเข้าหักหาญ ไม่ใช่ “พวกชังชาติ” !
สิ้นสฤษดิ์ในปี พ.ศ.2506 “ถนอม-ประภาส” ก็สืบทอดอำนาจต่อจนถึงกาลอวสานในวันที่ 14 ตุลา 2516
นึกว่าจะสิ้นสุดระบอบการเมืองอภิสิทธิ์ชน !
วันที่ 6 ตุลา 2519 กลายเป็นจุดยูเทิร์นทางการเมือง “อำนาจ” หวนคืนสู่อภิสิทธิ์ชนอีกครั้งพร้อมๆ กับ
วาทะกรรมที่ทำลายฝ่ายตรงข้ามว่าเป็นภัยคุกคามของชาติ
“ชาติ” กับอภิสิทธิ์ชนเป็นหนึ่งเดียวกันมาตั้งแต่ยุคจอมพล ป.ใครท้าทายอำนาจรัฐเป็นกบฏ เป็นพวกแบ่งแยกดินแดนและคอมมิวนิสต์
ถัดมาในยุคสฤษดิ์ คำว่า “คอมมิวนิสต์” ก็ยังใช้ได้ดีจนถึงกับนายกรัฐมนตรีสั่ง “ยิงเป้า” นายครอง
จันดาวงศ์ อดีตเสรีไทยอดีต ส.ส.สกลนคร ณ หลักประหาร กลางลานเมืองสว่างแดนดิน ชนิดที่ไม่ได้รู้สึกผิดบาปอับอาย
จากยุคถนอม-ประภาส -14 ตุลา 16 -6 ตุลา 19 ก็ยังใช้คำว่า “คอมมิวนิสต์” ทำลายฝ่ายตรงข้าม กระทั่งมี “นโยบาย 66/23” คอมมิวนิสต์จึงเดินทางถึงบทสุดท้าย
แม้ไม่มีอะไรจะให้ใช้เป็นภัยคุกคามอีกแล้ว “อภิสิทธิ์ชนในกองทัพ” ก็ยังคงช่วงชิงอำนาจกันเอง เช่น เมษาฮาวาย ปี 2524 และกบฏ 9 กันยา 2529
ทักษิณ-เสื้อแดง-ล้มเจ้า-เผาบ้านเผาเมือง เป็นวาทะกรรมที่ผุดขึ้นในยุคหลัง เพื่อยืนยันถึง “ความชอบธรรม” ในการยึดครองอำนาจทางการเมืองภายใต้การค้ำจุนของ “กองทัพ”
ในวันนี้ทักษิณเปลี้ยเต็มทีแล้ว
ยังมี “คนรุ่นใหม่” ขี้สงสัย และปฏิเสธรัฐบาลที่ทหารสนับสนุน
“สีส้ม” ที่สดใสกาววาวจึงได้กลายเป็น “ส้มเน่า”
น้องนุ่งลูกหลานเยาวชนที่ชอบวิจารณ์รัฐบาลก็เป็นพวก “ฟันน้ำนม”
ไม่ว่าใครก็ตามที่คิดจะผลักไส “อภิสิทธิ์ชน” ออกไปจากบัลลังก์แห่งอำนาจทางการเมืองมันผู้นั้นเป็น “พวก
ชังชาติ”
ไม่มีผู้รุกรานให้กองทัพไทยขับไส
ไม่มีใครมาตอกลิ่มให้ประชาชนแตกแยก
นอกจาก “อภิสิทธิ์ชน” ผู้รักชาติ !?!!