ไปดูในคลิปที่เผยแพร่ในยูทูบ “ทนายวันชัย สอนศิริ” ส.ว.พูดเอาไว้ชัดถ้อยชัดคำว่า เป็นคนออกแบบ
“ส.ว.” ในรัฐธรรมนูญฉบับนี้เองเริ่มจากให้สมัครมา 7 พันคน แล้วให้เลือกกันเองเหลือ 200 คน
จากนั้นก็นำ 200 ชื่อให้ “ประยุทธ์ จันทร์โอชา” หัวหน้า คสช.หยิบมา 50 คน
นี่เรียกว่า “ส.ว.กลุ่มสาขาอาชีพ”
อีก 6 คนเป็น “กลุ่ม ส.ว.โดยตำแหน่ง” คือปลัดกระทรวงกลาโหม, ผู้บัญชาการทหารสูงสุด,
ผู้บัญชาการทหารบก, ผู้บัญชาการทหารอากาศ,ผู้บัญชาการทหารเรือ และผู้บัญชาการ
ตำรวจแห่งชาติ
ได้มา 56 แล้ว ที่เหลืออีก 194 “คสช.” ตั้งคณะกรรมการสรรหา ให้ไปสรรหามา 400 ชื่อ จากนั้นก็เสนอให้ “ประยุทธ์ จันทร์โอชา” หัวหน้า คสช.เลือกหยิบเอาอีก 194 ชื่อ
194+6+50 กลายเป็น 250 ส.ว.ที่ทนายวันชัยกล่าวด้วยความภาคภูมิใจในวันนั้นว่า
“จากที่ไม่มีน้ำหนักอะไร ผมเป็นคนเขียนในรัฐธรรมนูญให้ ส.ว. 250 คนนี้มีสิทธิโหวตเลือกนายกรัฐมนตรี แปลว่า คสช.มีคนพร้อมโหวตให้เป็นนายกรัฐมนตรีอยู่ในกระเป๋าแล้ว 250 คน”
ชัดเจน เข้าใจง่าย “กติกา” จึงถูกเรียกว่า “กติโกง” !
รัฐประหาร 22 พ.ค.2557 ล่วงผ่านมา 6 ปี “หัวหน้า คสช.” ผู้นำรัฐประหาร ฉีกรัฐธรรมนูญฉบับเดิมทิ้ง
กับ “นายกรัฐมนตรีหลังเลือกตั้ง” คือคนเดียวกัน
เด็กชั้นประถมยังอ่านออก รู้ทัน !
เด็กประถม 6 เมื่อวันนั้น ตอนนี้กำลังจะเข้ามหาวิทยาลัย
เด็กมัธยมต้น เมื่อวันก่อน วันนี้อยู่ในมหาวิทยาลัย
เด็กมัธยมปลายปี 57 ขณะนี้กำลังจะจบมหาวิทยาลัยกับส่วนหนึ่ง “ตกงาน”
6 ปีที่ “คนหน้าเดิม” ทำ ไม่เห็นจะมีอะไรดีขึ้น มีแต่ชี้หน้าด่าผู้อื่น
เมื่อเด็กลุกขึ้นต่อว่า มาทวงถาม วิพากษ์วิจารณ์การทำงานของรัฐบาล ทำไมถึงต้อง “ปฏิบัติการ
ไอโอ” ให้เด็กเป็น “ผู้ร้าย”
กลายเป็นเจเนอเรชั่นหัวรุนแรง ไม่รู้คุณกตัญญู ไม่เคารพครู ไม่รักพ่อแม่ ก้าวร้าว สร้างความเกลียดชัง ไม่รักชาติ ไม่รักสถาบัน ทำลายจารีตประเพณี
มีคำกล่าวว่า เด็กนั้นเติบโตขึ้นมาด้วยการดูแผ่นหลังของผู้ใหญ่
หมายความว่า ในสังคมที่ดีนั้น ผู้นำหรือผู้ใหญ่ต้องประพฤติเป็น “ตัวแบบที่ดี” เช่น ความเป็นผู้มีเหตุผล มีเมตตาไม่ก้าวร้าว ไม่พูดจาหยาบคาย ไม่ให้ร้ายบิดเบือน ไม่กะล่อนปลิ้นปล้อนฉ้อฉลหลอกลวง มีคุณธรรม มีความยุติธรรม ตรงไปตรงมา
รู้เท่าทันคน และไม่เคารพคนที่ประพฤติผิด เด็กผิดตรงไหน !?!!
