นั่งฟังการอภิปรายทั่วไปแบบไม่ลงมติเมื่อวันที่ 11 กันยายนที่ผ่านมา ยอมรับว่า “เหนือความคาดหมาย”
“ผู้เป็นใหญ่” กลับกลายเป็นเด็กอมมือ !
ขณะฝ่ายค้านกำลังอภิปรายถึงความบกพร่อง ความไร้ประสิทธิภาพของฝ่ายบริหาร พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม กลับตอบโต้ด้วยโวหารวกวนว่า หลายคนเคยเป็นทหารมาก่อน แต่ไม่ประสบความสำเร็จจึงมักจะโจมตีทหาร
ฟังแล้วอึ้ง ทึ่ง และมึนงงว่า “ประยุทธ์” แถแถกแดกดันแบบนั้นได้อย่างไร !
มากระจ่างเมื่อ น.อ.อนุดิษฐ์ นาครทรรพ เลขาธิการพรรคเพื่อไทย นายทหารอากาศผู้แสนจะเป็น “สุภาพชน” โพสต์ทางเฟซบุ๊กว่า
“ผมเป็นผู้เสนอญัตติและลุกขึ้นอภิปรายเป็นคนแรก และเป็นอดีตนายทหารคนเดียวที่ลุกขึ้นอภิปราย จึงคิดเป็นอย่างอื่นไม่ได้ว่าท่านพูดถึงใคร”
“น.อ.อนุดิษฐ์” จำเป็นต้องอธิบายความแล้ว
ที่ว่า “ไม่ประสบความสำเร็จจากการเป็นทหาร” นั้นจริงหรือไม่
“อนุดิษฐ์ นาครทรรพ” เข้าเรียนเตรียมทหารตั้งแต่อายุ 15 ปี และจบเตรียมทหารรุ่น 23
จบนายเรืออากาศรุ่นที่ 30 สอบได้
ที่ 1 ของรุ่น
จากนั้นรับใช้ชาติในฐานะ “นักบินรบ” !
เป็นผู้บังคับฝูงคนแรกของฝูงบินขับไล่สกัดกั้นที่ 102 (F-16 ADF)
เป็นผู้บังคับหน่วยบินขับไล่โจมตีไอพ่น เป็นเสนาธิการฝึกร่วมคอบร้าโกลด์ 1999 เป็นผู้บังคับฝูงบินผสมการฝึก Red Flag 03 ของเครื่องบินรบเอฟ-16 ที่สหรัฐอเมริกา
แต่เมื่อจะเข้าสู่เส้นทางการเมืองก็ตัดสินใจลาออกจากราชการ
“น.อ.อนุดิษฐ์” จึงต้องถามว่า
ระหว่าง “ทหารที่ฉีกรัฐธรรมนูญ” ปล้นอำนาจ แล้วให้เขียนรัฐธรรมนูญเพื่อสืบทอดอำนาจ กับ “ทหารที่ลงสมัครรับเลือกตั้ง” ตามกติกาประชาธิปไตยสากลนั้น แบบไหนกันที่เรียกว่า “ทหารที่ประสบความสำเร็จ”
การลาออกจากราชการทหารมาทำงานการเมืองของ น.อ.อนุดิษฐ์เป็นเรื่องของความคิดความเชื่อและทางเลือกของบุคคล ซึ่งเมื่อเลือกที่จะลงสู่สนามการเมืองก็ทำตามกฎหมาย ตรงไปตรงมา ไม่ใช่สมคบคิดกันก่อรัฐประหาร
คำถามจาก “น.อ.อนุดิษฐ์” พรั่งพรูราวทำนบกั้นที่พังทลาย
ใครตั้ง ผบ.เหล่าทัพ เป็น ส.ว.เพื่อโหวตให้ตัวเองเป็นนายกฯ
ใครนำกองทัพมารับใช้ตัวเองและพวกพ้อง
ใครเอากองทัพมารับใช้นักการเมือง
ใครที่ทำให้กองทัพมัวหมอง…
อย่าบิดเบือน หรือเบี่ยงเบนไปทิ่มแทงผู้อื่น !?!!