บางทีเพื่อที่จะ “อ่านปัจจุบัน” ก็ต้องย้อนกลับไปค้นหา “อดีต”
เมื่อปี 2556 มีผู้ร้องศาลรัฐธรรมนูญให้ “วินิจฉัยพฤติการณ์” การชุมนุมของ กปปส.ที่ปิดเส้นทางจราจร เคลื่อนขบวนปิดล้อมและบุกยึดสถานที่ราชการ สถานที่เอกชน และรัฐวิสาหกิจต่างๆ จนทำให้ข้าราชการและเจ้าหน้าที่รัฐปฏิบัติหน้าที่ไม่ได้
ศาลรัฐธรรมนูญมีมติเสียงข้างมาก 6 ต่อ 3 ว่า
“การชุมนุมเป็นเสรีภาพเป็นการชุมนุมโดยสงบและปราศจากอาวุธ เพื่อแสดงเจตนารมณ์ทางการเมือง
มีเหตุผลมาจาก ความไม่ไว้วางใจในการบริหารราชการแผ่นดินของรัฐบาล
อันถือเป็นการใช้เสรีภาพตามรัฐธรรมนูญ และเป็นการเรียกร้องของประชาชนจำนวนมาก”
มาถึงวันนี้ ม็อบนักเรียนนักศึกษาเริ่มจากจำนวนพันจำนวนหมื่นขยายวงไปทั่วประเทศเขตคามลุกลามเป็นเรือนแสนเรือนล้าน
พฤติการณ์คือ แค่ผู้คนมารวมตัวกันแล้วแสดงพลังด้วยการเดิน-เดิน-เดิน ส่งเสียงร้องขับขานขับประยุทธ์ ออกไป-ออกไป-ออกไป
22 พ.ค.ปี 2557 “ประยุทธ์” กับพวกก่อรัฐประหาร ฉีกรัฐธรรมนูญทิ้ง ล้มล้างการปกครองพร้อมกับบอกว่า “ขอเวลาไม่นาน”
แต่กลับให้พวกเขียนรัฐธรรมนูญฉบับที่เรียกว่า “รัฐธรรมนูญฉบับนี้ดีไซน์มาเพื่อพวกเรา” เพื่อที่จะ
“อยู่นาน”
ดูดนักการเมืองมารวมกันในพรรคนอมินีแล้วส่งลูกพี่ไปคุม
ไม่ง่ายๆ ไม่ซื่อ ไม่ตรงไปตรงมา ใช้กติกาฉ้อฉลให้ “หัวหน้า คสช.” ตั้ง ส.ว.ขึ้นมา 250 คน เพื่อให้ยกมือสนับสนุน “หัวหน้า คสช.” กลับมาเป็นนายกรัฐมนตรีอีก
บริหารราชการแผ่นดินไม่เอาไหนจนผู้คนสิ้นความอดทน ตั้งแต่นักเรียนมัธยมต้น มัธยมปลาย นิสิตนักศึกษา
ในมหาวิทยาลัยทุกจังหวัด พ่อค้าแม่ค้า นักวิชาการทั่วประเทศนับแสนนับล้านลุกขึ้นส่งเสียงขับไล่
“เป็นการใช้เสรีภาพตามรัฐธรรมนูญของประชาชนจำนวนมาก” ?
แทนที่จะเปิดสมองเปิดใจ “รับฟัง” กลับไล่จับกุมผู้ชุมนุมที่เป็นเด็กและเยาวชนด้วยข้อหาสารพัด ประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินตีสี่ตีห้าแล้วฉกฉวยจังหวะเข้าสลายการชุมนุมตอนเช้ามืด
การวิพากษ์วิจารณ์รัฐบาลกลายเป็นการสร้างความวุ่นวาย ทำลายความมั่นคง ส่งคนเสื้อเหลืองเข้าก่อกวนรุมทำร้ายนักศึกษาที่มหาวิทยาลัยรามคำแหง ทั้งที่เห็นได้ว่า ผู้ชุมนุมในปี พ.ศ.นี้ “อารยะที่สุด” เท่าที่เคย
มีมา
แค่คนมารวมตัวกันแสดงออกถึง “พลัง” เพื่อขับไล่ผู้นำรัฐบาลที่ล้มเหลวในการบริหารราชการแผ่นดิน
แต่กลับไปลากเอา “ความมั่นคงของชาติ” มาบังหน้า !?!!