เหยี่ยวถลาลม : ตำรวจลับ-ไม่ลับ

ในประวัติศาสตร์การเมืองไทย ผู้นำบางคนในอดีตเคยใช้ตำรวจทำหน้าที่เหมือนกับ “การล่าสัตว์”

สมัยนั้นเรียกกันว่า ตำรวจลับ

การไล่ล่า ยิงทิ้ง ดร.ทวี ตะเวทิกุล อาจารย์กฎหมาย คนผู้สร้างคน และอดีตผู้นำเสรีไทยคนสำคัญที่ช่วยไทย
ไม่ให้ตกเป็นฝ่ายแพ้สงครามนั้นเหี้ยมโหดที่สุด !

อีกชิ้นของผลงานชิ้นโบดำอำมหิตคือ เหตุการณ์ที่ตำรวจเบิกตัว 4 อดีตรัฐมนตรี ดร.ทองเปลว ชลภูมิ, ทองอินทร์ ภูริพัฒน์, ถวิล อุดล และ จำลอง ดาวเรือง ออกจากห้องขังโรงพักในยามค่ำคืน แล้วพาไปสังหารหมู่
4 ศพทั้งที่ถูกพันธนาการด้วยโซ่ตรวน

Advertisement

ทุกคนล้วนมีคุณูปการต่อประเทศ

แต่ “เครื่องจักรสังหาร” ไม่ได้มีสำนึกในความมนุษย์แม้แต่น้อย !

การลอบสังหารคู่แข่งทางการเมือง หรือขจัดเสี้ยนหนามให้นายกลายเป็น “หน้าที่”

ที่ชวนย้อนกลับไปอ่านอดีตอย่างนี้ก็เพื่อที่จะบอกว่า องค์กรตำรวจยังไม่ได้ปฏิรูป ยังไม่พัฒนา !

ตำรวจถูกเปลี่ยนให้เป็นดีหรือร้ายก็ได้ตามแต่ “ผู้บังคับบัญชา”

เมื่อก่อนผู้มีอำนาจล้นฟ้าเคยใช้ “ตำรวจลับ” ออกตามเก็บ ตามฆ่ายิงทิ้ง เดี๋ยวนี้ทำเอิกเกริกคึกโครมไม่ได้

ต้องเอาหลังพิง “กฎหมาย” !

ใช้กฎหมายคุกคาม ข่มขู่ ไล่ล่าตั้งข้อหากันระห่ำ บังคับใช้กฎหมายแบบข้างๆ คูๆ เพื่อให้ผู้ที่อยู่ฝั่งตรงข้ามกับ “นาย” กลัว เข็ดหลาบ หวาดผวา

การตั้งข้อกล่าวหากับเด็ก เยาวชน นักเรียน นิสิตนักศึกษา ศิลปินและบรรดาผู้เข้าร่วมชุมนุมขับไล่รัฐบาลก็ตาม การจัดตั้งคนออกไปเที่ยวไล่ด่า “ธนาธร-ปิยบุตร-ช่อ พรรณิการ์” ตลอดจนการจัดหากลุ่มอันธพาลเข้าก่อกวนต่อยตีผู้ชุมนุมอย่างกระเหี้ยนกระหือรือ ทั้งหมดเป็นการสื่อความหมายว่า “กลไก” อันเป็น “ต้นทาง” ของระบบยุติธรรมไม่ได้ตั้งมั่นในหลัก “นิติรัฐ”

“ต้นธาร” กระบวนการยุติธรรมยังขุ่นข้น

วันก่อนรัฐใช้ “ตำรวจลับ”

วันนี้รัฐใช้ตำรวจอย่างเปิดเผย

ตำรวจยังคงเป็นได้แค่ “กลไก” อันทรงพลังของรัฐ ถูกใช้เป็นแค่ “เครื่องมือ” ชนิดหนึ่งสำหรับทำลายฝ่ายตรงข้ามทางการเมือง ไม่ใช่เจ้าพนักงานของรัฐผู้มีความรู้ มีปัญญา มีความสามารถในการอำนวยความยุติธรรม

การพิทักษ์รับใช้ประชาชนเป็นความเชื่อส่วนบุคคล

ไม่มีวันเปลี่ยนแปลงไปในทางที่ดีขึ้นตราบเท่าที่ตำรวจยังสยบยอมกับคำสั่งของนาย ที่ให้บังคับใช้กฎหมายแบบศรีธนญชัย !?!!

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image