ตั้งแต่ปี 2549 เป็นต้นมา อุตสาหกรรมสิ่งพิมพ์ญี่ปุ่นหดตัวลงอย่างรุนแรงและต่อเนื่อง สวนทางกับการเติบโตของ E-Book
แต่ตอนนี้ทุกอย่างเปลี่ยนแปลงไป เพราะการเกิดขึ้นของมังงะสุดฮอตอย่าง Demon Slayer: Kimetsu no Yaiba หรือชื่อไทยคือ ดาบพิฆาตอสูร ผลงานของ โคโยฮารุ โกโตเกะ
japantoday.com เปิดเผยถึงผลการสำรวจของ Research Institute for Publications in Tokyo ว่าปี 2563 ที่ผ่านมา อุตสาหกรรมสิ่งพิมพ์ญี่ปุ่นมียอดขายลดลงเพียง 1% เมื่อเทียบกับปี 2562 ซึ่งลดลงน้อยที่สุดในรอบ 16 ปี นับตั้งแต่ปี 2549 ซึ่งปี 2549 นั้น ยอดขายของสื่อสิ่งพิมพ์ลดลงเพียง 4.3% เมื่อเทียบกับ 2018
กว่าทศวรรษที่ผ่านมา วงการสื่อสิ่งพิมพ์หดตัวอย่างต่อเนื่อง เป็นเวลาถึง 16 ปีแล้วที่ E-Book เติบโตอย่างต่อเนื่อง สวนทางความนิยมที่ลดลงของหนังสือเล่ม japantimes.co.jp รายงานว่า ในปี 2563 E-Book มียอดขายรวม 24.3% ของอุตสาหกรรมสิ่งพิมพ์ทั้งหมด เป็นครั้งแรกที่ E-Book มีส่วนแบ่งตลาดเกิน 20% แถม E-Book ยังทำให้ภาพรวมของตลาดที่มีทั้งหนังสือกระดาษและระบบดิจิทัลมียอดขายถึง 1.62 ล้านล้านเยนในปี 2020 โดยเพิ่มขึ้น 4.8% จากปี 2549 เพราะโควิด-19 ที่ทุกคนต้องกักตัวอยู่บ้าน ทำให้คนหันมาอ่านหนังสือกันมากขึ้น
ปรากฏการณ์พลิกฟื้นดังกล่าวของหนังสือเล่ม เกิดขึ้นเพราะ Demon Slayer :Kimetsu no Yaiba (ดาบพิฆาตอสูร) นั่นเอง
ไม่น่าเชื่อว่ามังงะเพียงเรื่องเดียว จะสามารถพลิกฟื้นอุตสาหกรรมสิ่งพิมพ์ญี่ปุ่นได้ในปีเดียว แต่ก็เกิดขึ้นแล้ว
ยอดขายเล่มที่ 23 ของการ์ตูนเรื่องนี้ ฉบับตีพิมพ์ครั้งที่ 1 มียอดขายถึง 3.95 ล้านเล่ม และยอดรวมของทั้งฝั่งหนังสือเล่มและฝั่ง E-Book ก็คือ 120 ล้านเล่ม !!
ปีที่ผ่านมา Demon Slayer กลายเป็นการ์ตูนที่ขายดีอันดับ 1 ด้วยยอดขายรวม 12,057,628 เล่ม แซงหน้าที่ 2 อย่าง Kingdom และที่ 3 อย่าง One Piece แบบทิ้งห่างไม่เห็นฝุ่น
Demon Slayer: Kimetsu no Yaiba (ดาบพิฆาตอสูร) เป็นเรื่องของ “คามาโดะ ทันจิโร่” เด็กหนุ่มที่เป็นลูกชายคนโตในครอบครัวคนเผาถ่าน เขาเป็นกำลังหลักของครอบครัวหลังจากที่พ่อตายจากไป แต่วันหนึ่งอสูรร้ายกลับฆ่าทุกคนในครอบครัวของเขา เหลือเพียงน้องสาว “เนซึโกะ” แต่เธอก็กลับกลายเป็นอสูรไป ทันจิโร่จึงตัดสินใจเป็นผู้ล่าอสูร เพื่อล้างแค้นให้ครอบครัว และพยายามทุกวิถีทางเพื่อทำให้เนซึโกะกลับมาเป็นคนอีกครั้ง ซึ่งระหว่างที่เขาเข้าร่วมเป็นส่วนหนึ่งของหน่วยพิฆาตอสูร ก็พบเรื่องราวการผจญภัยมากมาย ทั้งจากมิตรและศัตรู
ในตอนแรก Demon Slayer :Kimetsu no Yaiba เกือบจะเลือนหายไปจากโลกมังงะของญี่ปุ่นแล้วด้วยซ้ำ เพราะช่วงแรกๆ ที่เผยแพร่ในนิตยสารโชเน็งจัมป์ ผลตอบรับที่ได้คือไม่ค่อยดีนัก เพราะมีเสียงวิจารณ์จากผู้อ่านที่เป็นคอการ์ตูนว่าเนื้อเรื่องไม่สนุก ง่ายเกินไปจนคาดเดาได้
แต่ก็กลับฟื้นคืนชีพได้จากคนที่ไม่ใช่คอการ์ตูน เพราะความง่ายของเนื้อเรื่องเมื่อถูกนำมาสร้างเป็นแอนิเมชั่นโดย Ufotable Studio กลับทำให้เข้าถึงคนมากขึ้น คนที่ไม่ใช่คอการ์ตูนหนักๆ สนุกกับแอนิเมชั่นเรื่องนี้ และขยายไปสู่ทั้งซีรีส์ ทั้งภาพยนตร์ Demon Slayer: Kimetsu no Yaiba the Movie: Mugen Train ซึ่งทำรายได้ที่ญี่ปุ่นถึง 8,400 ล้านบาท แถมยังกระจายไปวงกว้างมากขึ้น เมื่อ Netflix ซื้อลิขสิทธิ์ไปฉาย ซึ่งในทุกเวอร์ชั่น นอกจากจะได้รับคำวิจารณ์ว่าเป็นแอนิเมชั่นที่สวยงามอลังการมากๆ แล้ว ยังเล่าเรื่องสนุก เข้าใจง่าย แต่เนื้อหามีความซับซ้อนลึกซึ้ง
นอกจากนี้ยังนำไปสู่การสร้างสื่ออื่นๆ ด้วย อาทิ เกม Demon Slayer: Kimetsu no Yaiba- Hinokami Keppuuta ใน Playstation ที่จะวางจำหน่ายในปีนี้
ความชื่นชมทั้งหมดนี้ นำกลับไปสู่ยอดขายของหนังสือเล่ม
มังงะที่สร้างปรากฏการณ์ให้อุตสาหกรรมสิ่งพิมพ์ญี่ปุ่น ได้พบเจอซากุระในฤดูใบไม้ผลิอีกครั้ง
สิรนันท์ ห่อหุ้ม
