เล่าเรื่องหนัง : The Morning Show ซีรีส์แฉเรื่องฉาวในวงการสื่อทีวี

เล่าเรื่องหนัง : The Morning Show ซีรีส์แฉเรื่องฉาวในวงการสื่อทีวี

The Morning Show เป็นซีรีส์เปิดตัวเข้าสู่สนามสตรีมมิ่งของค่ายแอปเปิ้ล ในนาม “แอปเปิ้ลทีวีพลัส” (Apple TV+) เมื่อปี 2562 ผลก็คือ The Morning Show ได้กระแสดีทั้งแง่ตัวเนื้อหาและทีมนักแสดง ช่วงเริ่มต้นก่อนจะดูซีรีส์เรื่องนี้ หากไม่ได้ติดตามมาก่อน อาจจะคิดว่าน่าจะเป็นเรื่องราวแนวดราม่าสงครามการแข่งขันของผู้คนในวงการโทรทัศน์และสงครามผู้ประกาศข่าว แต่ปรากฏว่าเส้นเรื่อง The Morning Show ที่แรกเริ่มอาจจะเหมือนปูเรื่องมาในทางที่ว่า แท้จริงแล้วซีรีส์เรื่องนี้พูดถึงสถานการณ์การคุกคามทางเพศต่อผู้หญิงในวงการสื่อ ซึ่งเป็นปัญหาซุกใต้พรมกระทั่งนำไปสู่การลุกขึ้นมาแฉผู้ทรงอิทธิพลของสถานีโทรทัศน์ที่อยู่เบื้องหลังของปัญหานี้

เล่าเรื่องหนัง : The Morning Show ซีรีส์แฉเรื่องฉาวในวงการสื่อทีวี

ตัวซีรีส์มีอารมณ์เรื่องคล้ายภาพยนตร์เรื่อง “Bombshell” ที่สร้างจากเรื่องจริงของเหล่าผู้ประกาศหญิงแห่งสถานีฟ็อกซ์นิวส์ที่ออกมาแฉถึงการล่วงละเมิดทางเพศในองค์กรและพัวพันกับผู้บริหารที่ทรงอิทธิพล

ด้วยเรื่องราวหลักขับเน้นจากประเด็น “MeToo” ที่เป็นแคมเปญโซเชียลมีเดียเรียกร้องเพื่อสิทธิสตรีในการไม่นิ่งเฉยหรือยอมเงียบทั้งที่ตัวเองตกเป็นเหยื่อต่อการถูกคุกคามทางเพศจากผู้ชายไม่ว่าจะทางร่างกาย วาจา และพฤติกรรมต่างๆ ซึ่งประเด็น MeToo เป็นกระแสโด่งดังนับตั้งแต่กรณีผู้อำนวยการสร้างภาพยนตร์ชื่อดังฮอลลีวู้ดและยังถือเป็นผู้ทรงอิทธิพลในวงการบันเทิงสหรัฐ “ฮาร์วีย์ ไวน์สตีน” ถูกสื่อดังนิวยอร์กไทมส์เขียนแฉถึงพฤติกรรมที่เขาพยายามจ่ายเงินปิดปากผู้หญิงอย่างน้อย 8 คน ที่ถูกเขาล่วงละเมิดทางเพศ นอกจากนั้นเรื่องราวของเขายังถูกแฉต่อจากบรรดานักแสดงหญิงชื่อดังในฮอลลีวู้ด ตลอดจนนางแบบหลายคน รวมทั้งอดีตลูกจ้างหญิงของฮาร์วีย์ก็เคยตกเป็นเหยื่อของเขา จนเรื่องราวนำไปสู่กระแส MeToo ทั่วโลก อีกทั้งตัวฮาร์วีย์ถูกฟ้องร้องดำเนินคดีล่วงละเมิดทางเพศ ซึ่งปัจจุบันเขารับโทษในเรือนจำ ถูกตัดสินจำคุก 23 ปี

Advertisement

ประเด็นของฮาร์วีย์ ไวน์สตีน ถูกนำมาเชื่อมโยงชัดเจนกับการผูกเรื่องใน “The Morning Show” ซึ่งดึงดูดด้วยทีมนักแสดงดัง อาทิ เจนนิเฟอร์ อนิสตัน, รีส วิสเธอร์สปูน, บิลลี่ ครูดรัพ, สตีฟ คาเรล และนักแสดงหญิงดาวรุ่ง กูกู เอ็มบาธา-รอว์ เป็นต้น

เรื่องราวเริ่มต้นในเช้ามืดวันหนึ่งที่รายการข่าวเช้ากำลังจะดำเนินไปอย่างทุกวัน ทว่าเกิดเหตุไม่คาดฝันเมื่อผู้ประกาศข่าวชายชื่อดัง “มิทช์ เคสเลอร์” (สตีฟ คาเรล) ซึ่งถือเป็นนักข่าวและนักเล่าข่าวเช้าที่ประสบความสำเร็จสูงสุดในสหรัฐอเมริกา “มิทช์” เป็นแม่เหล็กดึงดูดทั้งเรตติ้งและรายได้ให้สถานีโทรทัศน์ยูบีเอ แต่เขาถูกคำสั่งด่วนจากฝ่ายบริหารปลดออกจากรายการ เพราะมีคนในองค์กรให้ข่าวกับสื่อดังว่า “มิทช์” มีพฤติกรรมล่วงละเมิดทางเพศเพื่อนร่วมงานหญิงรวมทั้งผู้หญิงอีกหลายคน ดังนั้นเพื่อไม่ให้กระทบกับภาพลักษณ์องค์กรและเรตติ้งรวมทั้งป้องกันผู้สนับสนุนถอนตัวจากการให้โฆษณา เพราะกระแส MeToo กำลังแรง ส่งผลให้ “มิทช์” ที่แม้จะเป็นลูกรักของสถานีต้องปลิวจากตำแหน่ง ผลสะเทือนดังกล่าวทำให้ผู้ประกาศข่าวหญิงร่วมรายการอย่าง “อเล็กซ์ เลวี่” (เจนนิเฟอร์ อนิสตัน) ที่เป็นเพื่อนคู่ซี้อ่านข่าวเช้าด้วยกันมานาน 15 ปี ต้องสติแตกรับมือกับสถานการณ์ เพราะปฏิเสธไม่ได้ว่าทั้งคู่คือคู่ข่าวเช้าเซเลบริตี้ที่มีเคมีระหว่างกันทำให้คนดูชื่นชอบ ทั้งยังสร้างสีสันให้วงการข่าวของสหรัฐอเมริกามาเนิ่นนาน

Advertisement

ตัดมาอีกด้านหนึ่งซีรีส์พาเราไปรู้จักตัวละคร “แบรดลีย์ แจ็คสัน” (รีส วิสเธอร์สปูน) นักข่าวภาคสนามในสถานีโทรทัศน์ท้องถิ่นที่มีความเชี่ยวชาญในการนำเสนอข่าววิกฤตต่างๆ ได้อย่างรอบด้าน เข้าใจและแปรสถานการณ์ความขัดแย้งได้ดี โดยเฉพาะอย่างยิ่งความขัดแย้งที่เกิดจากสองมุมมอง “แบรดลีย์” มีจิตวิญญาณของนักข่าวที่พยายามแสวงหาข้อเท็จจริงและถ่ายทอดออกมาโดยไม่ได้ผ่านจุดยืนว่าตัวเองจะเป็นสายอนุรักษนิยมหรือเสรีนิยมแน่ชัดนัก ซึ่งในระหว่างการทำข่าวประท้วงโรงงานถ่านหิน “แบรดลีย์” ตกเป็นข่าวไวรัลทางโซเชียลมีเดียทั่วสหรัฐอเมริกา เมื่อเธอเหวี่ยงใส่หนึ่งในผู้เข้าร่วมประท้วงด้วยลีลาเด็ดขาดและพยายามอธิบายเหตุผลในมุมมองที่เธอเห็นทั้งสองด้าน จนทำให้คลิปสั้นของเธอไวรัลไปทั่วสหรัฐ แม้จะถูกสงสัยว่า “แบรดลีย์” เป็นนักข่าวประเภท “หิวแสง” หรือไม่ แต่ตัวละครนี้ก็ค่อยๆ เผยให้เห็นถึงความชัดเจน ตรงไปตรงมา กล้าพูดกล้าพังของเธอ

“แบรดลีย์” ได้รับโอกาสจากเหตุการณ์คลิปไวรัลมาเป็นพิธีกรข่าวเช้าคนใหม่ร่วมกับ “อเล็กซ์ เลวี่” และนั่นคือปฐมบทเปิดเรื่องราวใน The Morning Show ที่เสน่ห์ของเรื่องช่วงแรกคนดูจะยังเดาทางเรื่องไม่ได้มากนักว่าจะไปในทิศทางไหน ก่อนที่ตัวซีรีส์ที่มี 10 ตอน จะค่อยๆ ยกระดับความเข้มข้นของเรื่องราว และเฉลยให้เห็นปมปัญหาแบบ MeToo ในสถานีโทรทัศน์ยูบีเอ ซึ่งที่สุดแล้วคนทำผิดอย่างตัวผู้ประกาศข่าว “มิทช์” ที่ว่าแย่แล้ว ยังมีตัวผู้บริหารสถานีที่ถือเป็นผู้มีอิทธิพลในวงการสื่อที่แย่ยิ่งกว่าในการพยายามซุกเรื่อง และแก้ปัญหาแบบให้พ้นๆ ไป ทั้งหมดเพื่อรักษาเรตติ้งและภาพลักษณ์สถานีจนทำให้เกิด “วัฒนธรรมองค์กร” หลับตาข้างเดียว หรือเลือกที่จะไม่พูด แม้พนักงานแต่ละคนจะรับรู้ปัญหากันดี

หนึ่งในเส้นเรื่องที่เล่าได้ดีใน “The Morning Show” คือความลึกซึ้งและซับซ้อนของประเด็น MeToo จากมุมมองของฝ่ายชายและฝ่ายหญิง รวมทั้งจากมุมมองของคนนอกที่มองปัญหาเข้ามา กับคนที่เป็นหนึ่งในเหยื่อ ทั้งหมดถูกเล่าผ่านความหลากหลายของการใช้เหตุผล การแก้ตัว การอธิบาย การรักษาภาพลักษณ์ การรักษาสถานะของการเป็นคนดัง ไปจนถึงความรู้สึกภายในของผู้ที่ได้รับผลกระทบที่บางครั้งก็ยากจะเอ่ยปากออกมา เป็นปัญหาเดียวกัน แต่ให้มุมมองและความรู้สึกต่างกัน ซึ่งมุมมองอันหลากหลายนี้จะถูกสอดแทรกเล่าไว้ตลอด 10 ตอนของซีซั่นแรก ที่จบลงด้วยการตัดสินใจดับเครื่องชนแฉพฤติกรรมหลับตาข้างเดียวของผู้บริหารสถานีกลางรายการสด

โดย “The Morning Show” จบซีซั่นแรกได้น่าติดตาม…เพื่อรอชมกันต่อในซีซั่นสองต่อไป

(ภาพประกอบ Youtube Video / Apple TV)

ติสตู

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image