เล่าเรื่องหนัง : The Innocent ใครคือฆาตกรตัวจริง

เล่าเรื่องหนัง : The Innocent ใครคือฆาตกรตัวจริง

The Innocent เป็นลิมิเต็ดซีรีส์ 8 ตอน สัญชาติสเปนในชื่อ “El inocente” สร้างจากนวนิยายชื่อเดียวกันของ “ฮาร์ลาน โคเบน” เรื่องราวแนวอาชญากรรมสืบสวนสอบสวนเจือดราม่าที่มีวิธีเล่ายอกย้อนซ่อนเงื่อนซ่อนปม

เรื่องราวของ “แมท” หนุ่มวัยรุ่นนักเรียนกฎหมายหัวดีมีอนาคตที่ต้องเผชิญชะตากรรมพลิกผัน เพราะพลั้งมือจนทำให้มีผู้เสียชีวิตระหว่างก่อเหตุวิวาทกับกลุ่มวัยรุ่นในบาร์แห่งหนึ่ง ส่งผลให้เขาถูกตัดสินจำคุก 4 ปี และเมื่อออกจากเรือนจำเขาค่อยๆ ใช้เวลาฟื้นฟูชีวิตของเขาขึ้นมาใหม่จนผ่านไปอีกหลายปี “แมท” ในวัยผู้ใหญ่ที่มีวุฒิภาวะเต็มตัวเติบโตเป็นทั้งทนายความและที่ปรึกษาด้านกฎหมาย มีฐานะและชีวิตความเป็นอยู่ที่มั่นคง พร้อมกับมีแฟนสาว “โอลิเวีย” ที่กำลังตั้งครรภ์ ทั้งคู่กำลังจะสร้างอนาคตร่วมกัน

ดูเหมือนชีวิต “แมท” ได้ละทิ้งฝันร้ายเมื่อหลายปีก่อนไปหมดสิ้นแล้ว ก่อนที่ “The Innocent” จะพาไปดูว่าสิ่งเลวร้ายนั้นไม่เคยหมดไป ฝันร้ายที่เริ่มจากคืนวันที่เขาพลั้งมือทำให้เด็กหนุ่มที่กำลังมีอนาคตไกลเช่นเดียวกับเขาเสียชีวิต กำลังไล่ล่าติดตามตัว “แมท” อย่างไม่หยุดหย่อน ราวกับว่าการที่เขาได้ชดใช้อิสรภาพในคุกนั้นไม่เพียงพอต่อบาปในอดีตนั้น

Advertisement

จากนั้นซีรีส์ค่อยๆ พาคนดูไปรู้จักตัวละครหลักที่เหลือ อาทิ “โอลิเวียร์” แฟนสาวของแมทที่มีที่มาที่ไปน่าสงสัยเคลือบแคลง “ลอเรน่า” นายตำรวจหญิงผู้แสนเย็นชาแต่มีสัญชาตญาณในการคิดวิเคราะห์แยกแยะไขคดี และตัวละครอื่นๆ ที่ค่อยๆ เข้ามามีบทบาทสำคัญผูกโยงกันและกันได้อย่างน่าติดตาม ซึ่งหนึ่งใน “ไฮไลต์” คือ “กลวิธีเล่าเรื่อง” ทำได้ยอดเยี่ยมโดยเฉพาะในสองตอนแรกของซีรีส์ ที่ถูกเล่าให้เสมือนเป็นคนละเรื่องเดียวกัน แต่เมื่อนำมาบรรจบด้วยกิมมิคเล็กๆ ก็ทำให้ซีรีส์มีเสน่ห์ด้วยวิธีเล่าเรื่องที่ไม่ธรรมดาจนชวนให้เราต้องวิ่งไปหาคำตอบให้สุดทาง

อีกหนึ่งไฮไลต์คือ ความดราม่าของเรื่องที่ไม่ได้น้ำเน่าฟูมฟาย แต่พูดถึงชะตากรรมและชะตาชีวิตของตัวละครหลักหลายคนในเรื่อง ในประเด็น “การให้อภัย” “การสมานจิตใจที่แหลกเหลว” และ “การเริ่มต้นชีวิตใหม่” ไม่ว่าจะเป็น “แมท” ที่เคยทำผิดและมีบาปในใจติดตัว “โอลิเวีย” ที่มีอดีตลับลวงพรางเสมือนหนึ่งมีสองตัวตนในคนเดียวกัน “ลอเรน่า” ที่ใช้ชีวิตราวกับจะขอไถ่บาปแทนพ่อผู้เคยเป็นตำรวจที่ล้มเหลวในชีวิตมาก่อน ไปจนถึงตัวละครอย่าง “ซอนย่า” แม่ของหนุ่มวัยรุ่นที่แมทพลั้งมือจนเสียชีวิต เธอเลือกใช้วิธีเยียวยาจิตใจที่แตกสลายเพื่อขอเป็นอิสระจากความเจ็บปวดด้วยการให้อภัยแมท และกล้าที่จะโอบรับแมทเข้ามาในชีวิตจนผูกพันกันเสมือนแม่ลูก ต่างจากฝ่ายสามีที่ปล่อยให้จิตใจของตัวเองถูกทำร้ายกัดกร่อนอย่างหนัก ไม่เคยสลัดทิ้งความรู้สึกเกลียดชังแมทออกไปได้เลย ด้วยเพราะมองว่าการจำคุก 4 ปี คือโทษสถานเบาที่เทียบไม่ได้เลยกับการที่เขาต้องสูญเสียลูกชายที่รัก ขณะที่เมื่อเขามองเห็นแมทออกจากเรือนจำใช้เวลาหลายปีค่อยๆ ฟื้นฟูชีวิตสร้างอนาคตที่ดีขึ้นมาใหม่ ความรู้สึกว่าโลกนี้กำลังเล่นตลก และอยุติธรรมก็ปะทุขึ้นในใจ

Advertisement

ซีรีส์เล่นกับชีวิตของ “แมท” แบบพลิกเหรียญไปมาไม่รู้จะออกหัวออกก้อย เมื่อเขาเป็นคน มุทะลุ ใจร้อน และอาจมีจิตใจที่แฝงการเป็นคนที่ใช้ความรุนแรงควบคุมความโกรธไม่อยู่ เมื่อ “แมท” ต้องกลับมาเผชิญสถานการณ์ไปเกี่ยวข้องกับเหตุการณ์อาชญากรรมครั้งใหม่ และอยู่ในสภาพอันคลุมเครือตกเป็นผู้ถูกกล่าวหาอีกครั้ง ขณะเดียวกันตัวซีรีส์ก็เล่นกับเรื่องราวให้คนดูไขว้เขวได้พอประมาณกับความขมุกขมัวว่าใครกันแน่ที่เกี่ยวข้องกับเหตุอาชญากรรมหรือมีส่วนในการก่อเหตุ ซึ่งเป็นพล็อตที่เรื่องราวจะพาไปติดตามให้เห็นตั้งแต่ต้นจนจบ

ด้วยความที่ The Innocent ดัดแปลงจากนวนิยายดังที่มีพล็อตเรื่องและวิธีเล่าได้คมคาย เมื่อนำมาสร้างเป็นมินิซีรีส์ จึงมีห้วงจังหวะเล่าเรื่องที่แอบอิงกับนวนิยายอยู่ไม่น้อย โดยเฉพาะการปูแบ๊กกราวน์ตัวละครหลักแต่ละคนไปในแต่ละตอน ที่ทำให้เราเห็นมิติที่มาที่ไป ความคิดจิตใจของตัวละครหลักที่เกี่ยวข้องล้อมรอบตัว “แมท” เพื่อที่จะนำมาสู่บทสรุปของการกระทำของแต่ละคน

ขณะที่ในแง่ความสนุกลุ้นระทึกและมีอรรถรส ซีรีส์เล่าเรื่องได้ดีมากโดยเฉพาะในครึ่งเรื่องแรก ขณะที่ช่วง 2-3 ตอนท้ายๆ ดูจะลดหลั่นความระทึกไปบ้าง และเมื่อถึงบทสรุปในช่วงท้ายสุดที่ปริศนาของเรื่องถูกไขออกมาอย่างกระจ่างแบบเรียบง่ายราวกับจงใจเลือกจะให้คนดูซึมซับชะตากรรมชีวิตของ “แมท” แทน มากกว่าจะมุ่งเน้นขายความระทึกคลี่คลายปมตามแบบฉบับหนัง Thriller ทั่วไป ผลคือการเปิดเผยช่วงไคลแม็กซ์ที่มีหลายๆ ช่วงในเรื่องจึงไม่หวือหวาให้ได้ลุ้นระทึกกันนัก

ทว่า นั่นอาจจะเป็นความจงใจของผู้กำกับและนักเขียนบทที่ต้องการให้ “The Innocent” รักษาวิธีเล่าเรื่องเฉกเช่นนวนิยายที่หลอมด้วยความกลมกล่อมของภาษาอักษรไว้ในบางช่วงบางฉาก เพื่อรักษาบรรยากาศในเวอร์ชั่นนวนิยายไว้ ทั้งในฐานะเพื่อให้เกียรติและเคารพต่อตัวเนื้องานต้นฉบับงานเขียนของ “ฮาร์ลาน โคเบน” แต่อย่าเพิ่งคิดว่าเล่ามาขนาดนี้ “The Innocent” จะตลบอบอวลไปด้วยเรื่องเล่าแบบภาษาเขียนมากมายอะไร เพราะเมื่อเป็นเรื่องราวบนจอแล้ว ภาษาหนังที่เคลื่อนไหวได้ก็ยังคงทำหน้าที่สื่อสารกับคนดูผ่านการดูและฟังอย่างมีอรรถรสแน่นอน เพียงแต่บางช่วงขณะจะพบได้ว่าซีรีส์จงใจสอดแทรกภาษาเขียนที่คมคายเข้าไปในช่วงการบรรยายพื้นเพตัวละคร รวมทั้งการใส่บรรยายเสียงวอยซ์โอเวอร์ของตัวละครในการเล่าแฟลชแบ๊กย้อนหลังเหตุการณ์ ซึ่งหลายประโยคเหล่านั้นทำให้บทหนังมีเสน่ห์มากขึ้น

โดยภาพรวม “The Innocent” จึงเป็นลิมิเต็ดซีรีส์ที่รับชมได้สนุก มีความบันเทิงระดับน่าติดตามจนจบ

ติสตู
(ภาพประกอบจาก Youtube Video / Netflix)

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image