เล่าเรื่องหนัง : The Kid Detective เมื่อต้องแบกความคาดหวังผิดๆ ไว้บนบ่า

เล่าเรื่องหนัง : The Kid Detective เมื่อต้องแบกความคาดหวังผิดๆ ไว้บนบ่า

เปิดดูภาพยนตร์เรื่องนี้แบบที่เรียกว่าฆ่าเวลา ดูเพลินเอาสบายๆ ด้วยชื่อเรื่อง “The Kid Detective” ที่ทำเอารู้สึกว่านี่อาจจะเป็นหนังตลกเบาสมอง แนวหนังสายลับสำหรับเด็ก แต่ผิดคาด The Kid Detective เป็นหนังดาร์กคอมเมดี้ตลกร้ายที่เล่าเรื่องให้ผู้ใหญ่อย่างเราดูโดยเฉพาะ โดยเฉพาะผู้ใหญ่ที่กำลังประสบจุดดำดิ่งในชีวิตและยังหาทางลุกขึ้นมาไม่สำเร็จ

หนังเปิดเรื่องให้เราเห็นชีวิตพังๆ ของ “เอ็บ แอปเปิลบาล์ม” หนุ่มวัย 32 ที่ดูหดหู่ไร้ชีวิตชีวา หน้าตาบุคลิกเหน็ดเหนื่อยเฉื่อยชา มีพ่อแม่มาเยี่ยมเยียนดูแลพร้อมซื้อของมาใส่ตู้เย็นให้ถามไถ่สารทุกข์สุกดิบห่วงใยถึงเรื่องการเงินการทอง ขณะที่เจ้าตัวแสดงท่าทีเบื่อหน่ายกับความพยายามใส่ใจอย่างที่สุดของพ่อแม่

หนังปูให้เราเห็นชีวิตเอ็บในมุมผู้ชายขี้แพ้ได้ไม่นาน จากนั้นก็พาย้อนกลับไปดูจุดเริ่มต้น เมื่อ “เอ็บ” ในวัย 12 ที่เป็นเด็กฉลาดเฉลียว ช่างสังเกต มีความกระตือรือร้น สดชื่นร่าเริง และที่สำคัญสัญชาตญาณและพรสวรรค์ของเขายังทำให้เขากลายเป็น “นักสืบจิ๋ว” ในหมู่เพื่อนนักเรียน และฝีไม้ลายมือในการสืบเสาะไขเรื่องราวแนวใครลักเล็กขโมยน้อย ใครขโมยของใครไป ไปจนถึงช่วยตำรวจไขคดีโจรกรรมจิปาถะได้ ใครๆ ในเมืองตั้งแต่เด็กจนถึงผู้ใหญ่ก็มักจะจ้าง “เอ็บ” ให้เป็นนักสืบจิ๋วสืบคดี บ้างก็จ่ายให้เป็นค่าที่ปรึกษา ซึ่งบางคดีแค่นั่งเล่าเรื่องราวให้ฟังเด็กชายเอ็บก็สามารถปะติดปะต่อไล่เรียงจนบอกตัวหัวขโมยได้ทันที ผลงานและเกียรติประวัติไขคดีของเขาที่มีต่อเนื่องได้รับความสนใจจากสื่อท้องถิ่นและผู้คนในเมืองที่ต่างก็รักใคร่เขา จนในที่สุด “เอ็บ” ก็กลายเป็นคนดังประจำเมือง นายกเทศมนตรีถึงกับมอบกุญแจเมืองเพื่อเป็นเกียรติให้เขา และยังออกทุนสร้างสำนักงานนักสืบให้เด็กชายตัวน้อยไว้ด้วย

Advertisement

แต่จุดเปลี่ยนเกิดขึ้นเมื่อเขาไขคดีสำคัญไม่สำเร็จ เมื่อมีการลักพาตัว “เกรซี่” เพื่อนนักเรียนของ “เอ็บ” และยังเป็นลูกสาวของนายกเทศมนตรี ซึ่งตำรวจไม่สามารถแกะรอยและตามหา “เกรซี่” ได้ ขณะที่ “เอ็บ” นักสืบเด็กอัจฉริยะที่แบกความหวังคนทั้งเมืองไว้ด้วยก็ไม่สามารถไขคดีนี้ได้เช่นกัน หนำซ้ำนายกเทศมนตรีที่เศร้าโศกก็ตัดสินใจฆ่าตัวตาย ส่งผลให้คดีการหายตัวไปของเกรซี่กลายเป็น “ปม” ในชีวิตของเอ็บมาตั้งแต่นั้น

จากเด็กชายผู้ประสบความสำเร็จในชีวิตตั้งแต่อายุน้อยได้รับการยกย่อง ไฟสปอตไลต์สาดส่องมาที่เขาอย่างแพรวพราว ผ่านมาจนเขาเติบโตเป็นเอ็บในวัยผู้ใหญ่ ไม่ได้เป็นคนป๊อปปูลาร์ในเมืองอีกต่อไป แต่ด้วยพรสวรรค์และสัญชาตญาณติดตัวทำให้เอ็บยังคงยึดอาชีพเปิดสำนักงานนักสืบต่อไป แม้จะไม่ได้รุ่งโรจน์เหมือนเช่นสมัยเด็ก แต่ลูกค้าในเมืองก็มักว่าจ้างเขาด้วยคดีเล็กๆ น้อยๆ เรื่องราวง่ายๆ ที่ไม่จำเป็นต้องไปตามสืบก็ยังได้ เอ็บในวัยผู้ใหญ่ไม่ได้สำคัญและจำเป็นต่อเมืองนี้เหมือนในวัยเด็กอีกแล้ว

Advertisement

เล่ามาอย่างนี้เหมือนกับหนังจะหนักและมีความดราม่า แต่ “The Kid Detective” ทำได้น่าสนใจกว่านั้น หนังเลือกที่จะเล่าในท่วงท่าของความตลกร้าย จังหวะหนังที่ทำให้เรื่องเครียดให้กลายเป็นเรื่องขำแบบขื่นๆ ตัวละครอย่าง “เอ็บ” น่าเห็นใจจนอยากเอาใจช่วย พร้อมกับที่หนังแทรกเรื่องราวสืบสวนสอบสวนคดีฆาตกรรมไปด้วย เมื่อเกิดคดีสังหารโหดเด็กหนุ่มโรงเรียนมัธยม ตำรวจยังไม่สามารถไขคดีนี้ได้ กระทั่ง “แคโรไลน์” แฟนสาวของเด็กที่ถูกฆาตกรรม ว่าจ้างให้เอ็บเข้ามาสืบคดีและหาแรงจูงใจของการก่อเหตุ

หนังเล่าเรื่องได้สนุกกำลังดีระหว่างชีวิตผุๆ พังๆ ของเอ็บนักสืบที่มีภาวะเสี่ยงจะซึมเศร้า แอบเล่นยา ชอบเมาค้าง พร้อมกับความน่าสงสัยและกึ่งสมเพชตัวเองตลอดว่าเขาอาจจะไม่เฉียบคมเท่าสมัยยังเป็นนักสืบจิ๋วอัจฉริยะ และยิ่งเมื่อเทียบว่าคดีที่เขาทำมามีแต่คดีเล็กๆ น้อยๆ เมื่อเป็นคดีฆาตกรรมที่เขายิ่งไม่มีประสบการณ์ด้วยแล้ว พร้อมกับปมที่เขาไม่สามารถคลี่คลายคดีการหายตัวไปของ “แคโรไลน์” ได้ ทำให้การสืบคดีฆาตกรรมหนนี้เหมือนเป็นการพยายามลงสนามแก้ตัวใหม่อีกครั้งของเขา ซึ่งหนังเลือกเล่าได้ดี ถ่ายทอดมาในจังหวะตลกเสียดสี อารมณ์และคาแร็กเตอร์ของเอ็บไม่ได้ถูกเล่าให้เป็นฮีโร่คัมแบ๊ก แต่ยิ่งสืบคดีกลับพบว่าในอดีตที่รุ่งโรจน์อันแสนภาคภูมิใจของเขานั้น เขาเองที่ทำผิดพลาดชี้ตัวผู้ก่อเหตุผิดคน กว่าจะรู้ก็ล่วงเลยมาถึง 20 ปี

หนังพาเราไปติดตามชีวิตของคนคนหนึ่งที่พยายามจะลุกขึ้นมายืนหยัดและเชื่อมั่นในตัวเองอีกครั้ง เฉกเช่นตัวละครอย่าง “เอ็บ” ที่แม้วิธีทำงานของเขาจะเหมือนตกยุคในสายตาคนอื่น แต่เอ็บก็ลงมือสืบคดีไปตามสัญชาตญาณและพรสวรรค์ติดตัว ซึ่งก็มีทั้งรอดทั้งแป้กสลับกันไป ที่สำคัญคดีฆาตกรรมนี้ทำให้เอ็บได้ย้อนเวลากลับไปทบทวนและเชื่อมโยงตัวเองระหว่างเอ็บคนปัจจุบันกับเอ็บนักสืบจิ๋วในอดีตอีกครั้ง และได้ไขปมคดีพร้อมกับชะล้างอดีตที่ติดค้างในใจเขามาตลอดกว่า 20 ปี

“The Kid Detective” ไม่ได้เป็นหนังชวนลุ้นระทึกเข้มข้นแบบสไตล์หนังสืบสวนสอบสวนจัดจ้าน แต่เป็นหนังที่ดูสนุกไม่ขายความฮาไร้สาระและวางจังหวะใส่อารมณ์ขันออกมาได้พอดิบพอดี หนังสามารถเล่าเรื่องราวชีวิตพังๆ ของคนคนหนึ่งออกมาในแบบไม่หดหู่ชวนหม่นหมอง ขณะเดียวกันก็ไม่ได้ใส่ความฟีลกู้ดมองโลกบวกใดๆ ไปในเรื่องเพื่อให้คงคอนเซ็ปต์ความตลกร้ายให้อารมณ์ขื่นขันตั้งแต่ต้นจนจบ โดยเฉพาะในฉากสุดท้ายที่เป็นฉากจดจำและสรุปหนังทั้งเรื่องได้ดีที่สุด เมื่อ “เอ็บ” มองเห็นสัจธรรมทั้งหมดตรงหน้า เข้าใจ รับรู้ สัมผัส และเลิกแบกความคาดหวังผิดๆ ที่ฝังแน่นตลอดหลายปีออกจากบ่าตัวเองได้สำเร็จ

(ภาพประกอบ Youtube Video / Sony Pictures Entertainment)

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image