เล่าเรื่องหนัง : 5 ซีรีส์สตรีมมิ่งที่สายมูห้ามพลาด… เปิดตำนานความเร้นลับ

เล่าเรื่องหนัง : 5 ซีรีส์สตรีมมิ่งที่สายมูห้ามพลาด... เปิดตำนานความเร้นลับ

ขึ้นชื่อว่าหนังสยองขวัญ หรือเอาตรงๆ บ้านเราก็ใช้คำง่ายๆ ว่า “หนังผี” เป็นความบันเทิงที่มีทั้งคนชอบดู คนเลี่ยงไม่ดู และคนอยากดูแต่ก็กลัวจะดู ซึ่งเรื่องราวแนวเร้นลับก็เล่นกับความอยากรู้อยากเห็น ความสนใจของมนุษย์เป็นพื้นฐานอยู่แล้วไม่มากก็น้อย เคยมีงานวิจัยจากมหาวิทยาลัยทัวร์คูของฟินแลนด์ลองศึกษาความกลัวของคนที่ได้ดูหนังสยองขวัญ และวัดผลด้วยวิธีสแกน MRI สมอง พบว่าหนังที่น่ากลัวช่วยให้สมองเราผ่อนคลายความเครียดได้ เพราะหนังเหล่านี้จะพาเราไปดูสถานการณ์ที่ไม่ค่อยได้พบเจอในชีวิตจริง มีช่วงกดดัน ตื่นเต้น และโล่งใจเมื่อเรื่องคลี่คลาย เช่นเดียวกับสมองที่ได้ผ่อนคลายไปด้วย งานวิจัยว่าไว้แบบนั้น แต่อันที่จริงสุดท้ายก็ขึ้นอยู่กับรสนิยมของคนดูเป็นตัวตั้ง

สัปดาห์นี้ “เล่าเรื่องหนัง” แนะนำซีรีส์ที่สายมูห้ามพลาด 5 เรื่อง ที่มีทั้งความคลาสสิก และวิธีการเล่าเรื่องได้น่าติดตาม

Advertisement

เริ่มจากเรื่องแรกที่ถือเป็นอภิซีรีส์สยองขวัญที่ได้รับคำชมล้นหลามยาวนานหลายปี และมีแฟนคลับซีรีส์อยู่ทั่วโลก “American Horror Story” ที่ถึงวันนี้สร้างมาแล้วถึง 10 ซีซั่น เรื่องราวแบบหลอนๆ ผีๆ แบบฝรั่งใน AHS (ชื่อย่อที่แฟนซีรีส์เรียกกัน) มีหลากหลายอารมณ์มาก ชื่อก็บอกว่า “รวมเรื่องสยองขวัญชาวอเมริกัน” นั่นทำให้ AHS มีทั้งนำตำนานเล่าขานความหลอนแบบปากต่อปากของคนอเมริกันมาผสม บ้างก็เอาเรื่องจริงของเหตุการณ์อาชญากรรมมาเล่าใหม่ในโหมดอาถรรพ์ บางครั้งก็เล่าไปแบบแนวแฟนตาซีเหนือธรรมชาติ ในแต่ละซีซั่นจะมีหลายอรรถรสมากทั้งแบบที่ขายความน่ากลัวไปเลย หรือแนวพิศวงจิตหลอน โดยซีรีส์ดำเนินเรื่องแบบจบในแต่ละซีซั่นเลย จุดเด่นคือการใช้นักแสดงชุดเดิมมาสวมบทในซีซั่นอื่นๆ วิธีนี้ทำให้คนดูคุ้นเคยและผูกพันกับกลุ่มนักแสดงหลักของเรื่อง

ความโด่งดังของซีรีส์ AHS ยังทำให้ศิลปินนักร้องดังที่ขณะนั้นยังไม่รับงานแสดงใดๆ อย่าง “เลดี้ กาก้า” ยังขอโดดมาร่วมขบวนความหลอนหนึ่งซีซั่นด้วย ใครที่ชอบซีรีส์หลอนและพล็อตเรื่องแปลกๆ หลุดโลกมีความ Cult ห้ามพลาด และเร็วๆ นี้ คาดว่าจะได้ดูซีซั่น 10 กันด้วย ซึ่ง AHS ทั้ง 9 ซีซั่นมีให้ดูในสตรีมมิ่ง Disney+ และบางซีซั่นยังสามารถดูได้ใน Netflix

Advertisement

ซีรีส์เรื่องถัดมาที่คล้ายกันในแง่ ตำนานผีๆ แต่ไม่ Cult เท่า เป็นซีรีส์เร้นลับจากฝั่งสหราชอาณาจักร “Penny Dreadful” ที่จับเอาตัวละครหลอนๆ ในนิยายระทึกขวัญเหนือธรรมชาติที่โด่งดังสมัยศตวรรษที่ 19 มาเขย่าเล่าใหม่แบบรวมมิตร อาทิ แฟรงเก้นสไตน์ แดร๊กคูล่า มนุษย์หมาป่า หรือเรื่องราวของชายที่ไม่มีวันแก่อย่างดอเรียน เกรย์ ทำให้สไตล์ของซีรีส์ได้ความหลอนดาร์กๆ ซึ่งชื่อของ Penny Dreadful ก็มาจากชื่อเรียกนิยายเล่มบางๆ ราคา 1 เพนนีของอังกฤษในยุคศตวรรษที่ 19 ที่มักเล่าเรื่องเนื้อหาชวนสยอง หรือแนวประโลมโลก คล้ายการ์ตูนเล่มละบาทสมัยก่อนของบ้านเรา

Penny Dreadful เป็นซีรีส์หลอนย้อนยุคงานสร้างประณีต เมื่อเราดูไปเรื่อยๆ จะคุ้นเคยกับเรื่องราวตำนานความเร้นลับแบบที่เราเคยได้ยินได้ฟังกันมาตั้งแต่เด็กจนทำให้อยากจะติดตามไขปริศนาต่อไปเรื่อยๆ เพราะตัวเรื่องมีกลิ่นอายแบบสืบสวนสอบสวนประกอบด้วย ดูซีรีส์เรื่องนี้จะเหมือนได้กลับไปนั่งฟังคนแก่คนเฒ่าเอาเรื่องตำนานหลอนๆ ที่ได้ฟังตอนเด็กๆ มาปัดฝุ่นเล่าใหม่ ใครที่อยากดู Penny Dreadful ต้องรอว่าจะมีสตรีมมิ่งค่ายไหนเอามาลงหรือไม่ หรือ Netflix จะนำกลับมาให้ดูอีกหรือไม่ เพราะได้ถอดออกจากระบบการรับชมไปแล้ว

ถัดมาคือซีรีส์เก่าแก่ที่เคยสร้างมาแล้วหลายต่อหลายครั้ง และนำมารีเมกใหม่อีกครั้งให้เข้ากับยุคสมัย “The Twilight Zone” หลายคนอาจเคยได้ยินชื่อนี้ เพราะทีวีบ้านเราในอดีตเคยนำมาฉายใช้ชื่อ “แดนสนธยา” ซึ่งซีรีส์ชุดนี้จัดว่ามีส่วนผสมหลากหลายมากทั้งลึกลับ เขย่าขวัญ ไซไฟ และเหนือธรรมชาติ ซึ่งต้นกำเนิดแรกของ The Twilight Zone สร้างตั้งแต่ปี 1959 และออกอากาศต่อเนื่องถึงปี 1964 จากนั้นมีการสร้างอีกเป็นระยะๆ ในยุค 80, ต้นยุค 2000 และล่าสุดกลับมาอีกครั้งในปี 2019-2020 เรียกว่าเป็นซีรีส์ที่เล่าเรื่องเหนือธรรมชาติหลากหลายมาก และสามารถดูจบเป็นตอนๆ ได้เลย จะข้ามไปดูตอนไหนก่อนก็ได้ทั้งนั้น แต่ต้องยอมรับว่าบางตอนนั้นสนุกและน่าติดตาม แต่บางตอนก็ไม่ได้น่าสนใจอะไร ถือเป็นตัวเลือกซีรีส์หลอนสายคลาสสิกที่อยู่กับวงการทีวีมาอย่างยาวนาน ใครอยากชมตามดูกันได้ทาง HBO GO

ปิดท้ายซีรีส์แนววิญญาณหลอนบ้านผีสิงสองเรื่องจากผู้สร้างคนเดียวกัน “ไมค์ ฟลานาแกน” ที่สร้างซีรีส์เรื่อง “The Haunting of Hill House” (2018) และ “The Haunting of Bly Manor” (2020) ซึ่งเอกลักษณ์ของซีรีส์สองเรื่องนี้คือ เรื่องผีหลอนที่น่ากลัวบนเส้นเรื่องความรัก ความผูกพัน ที่แม้เรื่องหลักจะเป็นแนวหลอน แต่เอาเข้าจริงแก่นหลักของทั้งสองเรื่องกลับมีมิติของความสัมพันธ์ที่ชวนประทับใจ

ใน “The Haunting of Hill House” ถูกชื่นชมจากคนดูและนักวิจารณ์ว่านี่ไม่ใช่แค่เรื่องผี แต่ตัวเรื่องมีดีกว่านั้นมาก และถูกขนานนามว่าเรื่องผีแนวใหม่ แม้แต่เจ้าพ่อนิยายสยองขวัญอย่าง “สตีเฟ่น คิง” ยังยกนิ้วให้ ตัวซีรีส์มีวิธีเล่าเรื่องแบบเล่นกับเวลาย้อนไปมา เล่าเรื่องราวครอบครัวๆ หนึ่งที่ย้ายเข้าไปอยู่ในบ้านฮิลเฮาส์ที่มีความหลอนต่างๆ ผ่านบรรยากาศและเหตุการณ์แปลกๆ เหนือธรรมชาติ เสน่ห์ของเรื่องคือทำให้มีทั้งความเป็นหนังผีและหนังชีวิตไปพร้อมๆ กัน และเรื่องราวชวนขนลุกก็กลายมาเป็นเหมือนเครื่องมือที่จะเล่าเรื่องราวฝั่งดราม่าที่ต้องการสะท้อนความรักความสัมพันธ์ของสมาชิกในครอบครัว

ซีรีส์มีบทที่ดีและงานสร้างที่สมบูรณ์แบบเอามากๆ จนได้รับคำชมล้นหลาม ซึ่ง “ไมค์ ฟลานาแกน” ได้สานต่อมาเป็นซีรีส์หลอนเรื่องต่อมา คือ “The Haunting of Bly Manor” ที่เป็นเส้นเรื่องบ้านผีหลอนผสมไปกับเรื่องราวโรแมนติกความรักนิจนิรันดร์ แม้กระแสจะไม่แรงเท่าผลงานก่อนหน้า แต่ด้วยมาตรฐานแล้วซีรีส์ผีในแบบ “ไมค์ ฟลานาแกน” ไม่ธรรมดาแน่นอน เพราะไม่ได้ให้เราหลอนกันแบบไม่มีประเด็น แต่มักจะใส่แง่คิดบทสรุปเรื่องราวความรัก ความสัมพันธ์ที่ยั่งยืนและน่าประทับใจปิดท้าย

ใครที่ชื่นชอบสไตล์การเล่าเรื่องหลอนแนวใหม่สามารถชมได้ที่ Netflix

ติสตู

(ภาพประกอบจาก Youtube Video / FX / Showtime / Paramount Plus / Netflix)

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image