ออสเตรเลียกล่าวหาว่าจีนพูดถึงสันติภาพและความร่วมมือในภูมิภาคกับการกระทำที่ขัดแย้งกัน

เมื่อวันที่ 22 พฤศจิกายนที่ผ่านมานี้ ประธานาธิบดีสี จิ้นผิง แห่งสาธารณรัฐประชาชนจีน ได้ให้คำมั่นกับบรรดาผู้นำประเทศในอาเซียนระหว่างการร่วมประชุมสุดยอดผู้นำจีน-อาเซียน ผ่านระบบเสมือนผ่านเครื่องคอมพิวเตอร์ที่สาธารณรัฐประชาชนจีนเป็นเจ้าภาพ โดยยืนยันว่า จีนจะเป็นเพื่อนบ้านและมิตรที่ดีของอาเซียน และจะไม่ใช้อำนาจรังแกประเทศที่เล็กกว่าโดยกล่าวว่า

“จีนเคยเป็น ยังเป็น และจะเป็นเพื่อนบ้านที่ดี มิตรที่ดี และหุ้นส่วนที่ดี ของอาเซียนเสมอ”

และประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ยังยืนยันอีกว่า

“จีนจะไม่มีวันแสวงหาการครอบงำอำนาจ หรือใช้ประโยชน์จากการเป็นประเทศที่ใหญ่กว่า เพื่อบีบบังคับประเทศที่เล็กกว่า และจะทำงานร่วมกับอาเซียน เพื่อขจัดการแทรกแซงต่างๆ”

Advertisement

ท่าทีของจีนมีขึ้นในขณะที่สถานการณ์ในทะเลจีนใต้ทวีความตึงเครียดมากขึ้น โดยที่ผ่านมารัฐบาลสาธารณรัฐประชาชนจีนอ้างกรรมสิทธิ์และอธิปไตยเหนือดินแดนเกือบทั้งหมดของทะเลจีนใต้ จนเกิดข้อพิพาทกับหลายประเทศอาเซียน อันได้แก่ เวียดนาม ฟิลิปปินส์ บรูไน และมาเลเซีย ไปจนถึงไต้หวัน

ในขณะที่เมื่อสัปดาห์ก่อนหน้าที่ประธานาธิบดีสี จิ้นผิง จะออกมาให้คำมั่นนี้รัฐบาลฟิลิปปินส์ได้ออกมาประณามการกระทำของจีน หลังเกิดการเผชิญหน้าระหว่างเรือยามฝั่งของจีนที่ปิดกั้นน่านน้ำในพื้นที่พิพาท และยิงปืนฉีดน้ำแรงดันสูงใส่เรือขนเสบียงของกองทัพฟิลิปปินส์ ซึ่งกำลังมุ่งหน้าไปยังเกาะปะการังที่อยู่ในการควบคุมของฟิลิปปินส์ จนทำให้เรือของฟิลิปปินส์ต้องยอมถอยซึ่งในเรื่องนี้ประธานาธิบดีฟิลิปปินส์
โรดรีโก ดูแตร์เต กล่าวเสริมว่า ปัญหาในน่านน้ำไม่สามารถแก้ไขได้ด้วยกำลัง และฟิลิปปินส์รู้สึกไม่
พอใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในบริเวณทะเลจีนใต้ที่จีน และฟิลิปปินส์ อ้างสิทธิทับซ้อนกันอยู่

เมื่อเดือนตุลาคมปีนี้ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงต่างประเทศของมาเลเซียกล่าวว่า มองเห็นเรือของจีนมากขึ้นในอาณาเขตทางทะเลของมาเลเซีย โดยนายกรัฐมนตรีมาเลเซีย นายอิซมาอิล ซับรี กล่าวกับ ประธานาธิบดีสี จิ้นผิง และผู้นำอาเซียนว่า ประเด็นทะเลจีนใต้ต้องได้รับการแก้ไขอย่างสันติตามหลักการ ซึ่งเป็นที่ยอมรับในระดับสากล ซึ่งรวมถึงอนุสัญญาสหประชาชาติ ว่าด้วยกฎหมายทะเล ค.ศ.1982 (UNCLOS) ที่มีการตั้งขีดจำกัด การเดินเรือ สถานภาพกลุ่มเกาะและระบอบเดินเรือผ่าน (transit regime) เขตเศรษฐกิจจำเพาะ เขตอำนาจไหล่ทวีป การทำเหมืองพื้นทะเลลึก ระบอบการแสวงประโยชน์ การคุ้มครองสิ่งแวดล้อมทางทะเล การวิจัยทางวิทยาศาสตร์และการระงับข้อพิพาทเท่านั้น (สาธารณรัฐประชาชนจีนเคยปฏิเสธการจัดตั้งอนุญาโตตุลาการตามหลักการระงับข้อพิพาทเรื่องเขตแดนในทะเลจีนใต้ตามอนุสัญญา UNCLOS กล่าวมาแล้ว ตั้งแต่ พ.ศ.2449)

Advertisement

ครับ ! ภายในเวลา 3 วันที่ ประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ได้ให้คำมั่นกับบรรดาผู้นำประเทศในอาเซียนว่าจีนจะเป็นเพื่อนบ้านและมิตรที่ดีของอาเซียน และจะไม่ใช้อำนาจรังแกประเทศที่เล็กกว่า รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมของประเทศออสเตรเลีย นายปีเตอร์ ดัทตัน ก็ออกแถลงการณ์ว่าเรือข่าวกรองของสาธารณรัฐประชาชนจีนได้แล่นเข้ามาในเขตเศรษฐกิจจำเพาะของออสเตรเลียอีกแล้ว โดยที่นายกรัฐมนตรี สก๊อตต์ มอริสัน ของออสเตรเลียย้ำว่าเป็นเรือข่าวกรองลำที่ 2 ในเวลา 2 เดือนที่เข้ามาในน่านน้ำที่เป็นเขตเศรษฐกิจจำเพาะของออสเตรเลีย จริงอยู่ที่เรือข่าวกรองไม่ได้ล่วงล้ำเข้าน่านน้ำที่เป็นเขตอธิปไตยของออสเตรเลีย จึงไม่ได้ละเมิดอำนาจอธิปไตยของออสเตรเลียแต่การส่งเรือข่าวกรองเข้ามาในน่านน้ำเขตเศรษฐกิจจำเพาะก็ทำให้ออสเตรเลียนอนใจไม่ได้จำต้องติดตามดูความเคลื่อนไหวของเรือข่าวกรองของจีนทุกระยะอยู่ดี แสดงให้เห็นว่าไม่มีใครสามารถวางใจต่อสาธาณรัฐประชาชนจีนในภูมิภาคอินโดแปซิฟิกได้เลย

ความจริงสาธารณรัฐประชาชนจีน โดยบริษัทแลนด์บริจด์ กรู๊ปของจีนได้เช่าท่าเรือดาร์วินของ ประเทศออสเตรเลียเป็นเวลา 99 ปี (เหมือนอังกฤษเช่าดินแดนจีนเพื่อขยายเขตฮ่องกงในอดีตนั่นแหละ) ซึ่งเป็นผลจากความขัดแย้งภายในประเทศออสเตรเลียเองระหว่างรัฐบาลกลางที่กรุงแคนเบอร์รากับรัฐบาลของดินแดนเขตเหนือ (นอร์เทิร์น เทอร์ริทอรี) ซึ่งยังไม่ได้เป็นมลรัฐเหมือนมลรัฐรัฐต่างๆ ในออสเตรเลีย ดังนั้นจึงยังต้องของบประมาณเพิ่มเติมจากรัฐบาลกลางอยู่ และรัฐบาลของดินแดนเขตเหนือได้ของบประมาณเพื่อซ่อมบำรุงและขยายท่าเรือไปยังรัฐบาลกลางถึง 14 ครั้ง แต่ถูกปฏิเสธ ทางดินแดนเขตเหนือ (นอร์เทิร์น เทอร์ริทอรี) จึงจัดการประมูลการเช่าท่าเรือเมืองดาร์วินเองใน พ.ศ.2558 ซึ่งบริษัท แลนด์บริจด์ กรู๊ปของจีนได้ชนะการประมูลการเช่าท่าเรือ 99 ปีไปด้วยเงิน 506 ล้านดอลลาร์ออสเตรเลีย หรือราว 12,000 ล้านบาทซึ่งเป็นชัยชนะอย่างไม่คาดฝันของจีนในเชิงภูมิรัฐศาสตร์เลยทีเดียว

แต่ในเดือนพฤษภาคม พ.ศ.2564 นี้ ทางกระทรวงกลาโหมออสเตรเลียกำลังตรวจสอบว่า บริษัท แลนด์บริดจ์ กรู๊ป ซึ่งเป็นของมหาเศรษฐี เย่ เฉิง สมควรจะถูกให้ยกเลิกเป็นเจ้าของท่าเรือในเมืองดาร์วิน เมืองเอกของนอร์เทิร์น เทอร์ริทอรี ด้วยเหตุผลด้านความมั่นคงแห่งชาติหรือไม่ ทั้งนี้ เพราะปรากฏหลักฐานว่าบริษัทแลนด์บริดจ์ กรู๊ป มีความสัมพันธ์ใกล้ชิดกับกองทัพปลดแอกของสาธารณรัฐประชาชนจีนอย่างไม่น่าไว้วางใจ

สรุปแล้วการที่ประธานาธิบดีสี จิ้นผิง แห่งสาธารณรัฐประชาชนจีนได้ให้คำมั่นกับบรรดาผู้นำประเทศในอาเซียนว่าจีนจะเป็นเพื่อนบ้านและมิตรที่ดีของอาเซียน และจะไม่ใช้อำนาจรังแกประเทศที่เล็กกว่านั้นปรากฏว่าไม่มีประเทศไหนในภูมิภาควางใจจีนได้สักประเทศเดียวเลย

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image