เล่าเรื่องหนัง : Intimacy เส้นแบ่งความเป็นส่วนตัวกับสาธารณะ

เล่าเรื่องหนัง : Intimacy เส้นแบ่งความเป็นส่วนตัวกับสาธารณะ

 


Intimacy

เส้นแบ่งความเป็นส่วนตัวกับสาธารณะ

“Intimacy” เป็นซีรีส์การเมืองของสเปนที่อยากนำมาเล่าให้ฟังกันสัปดาห์นี้ ตัวเรื่องย่อเผินๆ แม้จะเหมือนเป็นซีรีส์การเมืองต่อสู้กันบนสังเวียนของการเมืองท้องถิ่น แต่เอาเข้าจริงเนื้อหาหลักๆ คือประเด็นร่วมสมัยชวนตั้งคำถาม เกี่ยวกับเรื่องราว “การรักษาความเป็นส่วนตัว” ในยุคดิจิทัลและโซเชียลมีเดีย รวมทั้งการเรียกร้องสิทธิให้ผู้หญิงที่ตกเป็นเหยื่อคุกคามทางเพศและกระทบต่อชีวิตส่วนตัวและหน้าที่การงาน

Advertisement

ตัวเรื่องตั้งประเด็นน่าคิดว่า กิจกรรมส่วนตัวบางอย่างเมื่อถูกละเมิดนำมาเปิดเผยในที่สาธารณะและคนๆ นั้นก็ถูกสังคมตัดสินจากพฤติกรรมส่วนตัวทำให้ต้องรู้สึกอับอายและรู้สึกผิด ทั้งที่เธอไม่ได้ยินยอมให้เรื่องส่วนตัวนั้นถูกเผยแพร่ออกไป

“Intimacy” เดินเรื่องด้วยผู้หญิง 6 คน ที่มีเส้นเรื่องมาพัวพันกันด้วยกรณีที่ว่ามา เริ่มต้นเรื่องด้วย “อาเน่” หนึ่งในตัวละครหลักกำลังเริ่มต้นเล่าเรื่องตัวเอง แต่คนดูจะได้เห็นว่านั่นคือเธอที่กำลังนอนลอยบนผิวน้ำแบบไร้ชีวิตไปแล้ว ก่อนจะค่อยๆ ลำดับให้เราเข้าใจสาเหตุที่เธอปลิดชีวิตตัวเอง เพราะถูกอดีตแฟนหนุ่มนำภาพถ่ายและวิดีโอที่เคยมีเพศสัมพันธ์ในอดีตมาเผยแพร่ทางโทรศัพท์ส่งต่อกันในหมู่เพื่อนร่วมงาน เธอต้องต่อสู้ทนทุกข์กับการเรียกร้องให้บริษัทช่วยหาทางออกและปกป้องคุ้มครองทั้งในสิทธิแรงงาน และมนุษยธรรม แต่ทุกอย่างก็ถูกแก้ไขโดยขาดความใส่ใจดีพอ ยิ่งทำให้สถานการณ์ตึงเครียดมากขึ้นเมื่อ “อาเน่” ถูกปล่อยผ่านทั้งจากเพื่อนร่วมงานและองค์กรที่ทำงานอยู่ด้วยคำปลอบใจที่ว่าเดี๋ยวทุกอย่างก็เงียบไปเอง รวมทั้งการต้องอดทนทำงานในบรรยากาศที่ย่ำแย่และไปไหนไม่ได้เพราะสภาพทางเศรษฐกิจไม่เอื้ออำนวยให้เปลี่ยนงานใหม่ได้ แต่เรื่องราวมันไม่ได้มีแค่มิตินั้น ซีรีส์พาไปติดตามดูภาพสะท้อนแท้จริงของหญิงที่ตกเป็นเหยื่อว่าสภาพจิตใจนั้นแย่และเลวร้ายแค่ไหน

Advertisement

ผู้หญิงอีกหนึ่งคนที่เป็นตัวละครสำคัญหลักของเรื่อง “มาเลน” รองนายกเทศมนตรีเมืองบิลเบาในสเปน ที่กำลังจะได้รับการประกาศให้เป็นผู้ชิงตำแหน่งนายกเทศมนตรีของเมือง แต่ปรากฏว่าเซ็กซ์เทปของเธอกับชายปริศนาที่ไม่ใช่สามีถูกเผยแพร่บนโซเชียลมีเดียจนเป็นข่าวครึกโครมไปทั่ว ทำให้อาชีพและภาพลักษณ์ทางการเมืองของเธอสะดุดลง ซีรีส์ตั้งคำถามว่า กิจกรรมและชีวิตส่วนตัวของนักการเมืองหญิงรายนี้ถูกนำมาแฉบนโซเชียลมีเดียรวมทั้งสื่อกระแสหลักต่างๆ ที่ต่างพากันนำเสนอข่าวและภาพอย่างไม่เคารพสิทธิมนุษยชนและครอบครัวของเธอ ทำให้ “มาเลน” ที่นอกจากตกที่นั่งลำบากด้วยการถูกดิสเครดิตทางการเมืองแล้ว ก็ยังถูกสังคมตัดสินทางศีลธรรม จริยธรรมของบุคคลสาธารณะ ที่สุด “มาเลน” ก็คือหนึ่งในเหยื่อของการถูกล่วงละเมิดความเป็นส่วนตัวเช่นกัน

เหตุการณ์นี้ทำให้เชื่อมโยงมายังตัวละครหญิงคนที่สาม “อลิเซีย” ตำรวจหญิงที่เข้ามาสืบสวนคดีฆ่าตัวตายของ “อาเน่” และคดีเซ็กซ์เทปของ “มาเลน” ซึ่ง “อลิเซีย” ก็มีปมเก็บงำเรื่องราวส่วนตัวที่ตัวเองเป็นเลสเบี้ยนและกำลังจะสร้างครอบครัวกับแฟนสาว ติดที่ “อลิเซีย” นั้นไม่กล้าออกมายอมรับและแสดงออกในเรื่องนี้ เพราะมองว่านี่คือรสนิยมและชีวิตส่วนตัวไม่จำเป็นต้องเปิดเผย ถือเป็นเรื่องส่วนตัวของเธอเท่านั้น

ตัวละครหญิงคนที่สี่คือ “เบโก” พี่สาวของอาเน่ เธอเป็นครูโรงเรียนมัธยมที่ออกมาร่วมกับ “อลิเซีย” ตามหาต้นตอคนปล่อยคลิปน้องสาว และเพื่อทวงสิทธิความยุติธรรมให้น้องสาวที่ฆ่าตัวตาย เป้าหมายของเธอไม่ใช่เพียงแค่ให้บริษัทและพนักงานที่มีส่วนในการบุลลี่ “อาเน่” ต้องสำนึกผิด แต่เธอต้องการให้คนที่ส่งต่อภาพและคลิปวิดีโอส่วนตัวของน้องสาว ต้องได้รับการลงโทษ แม้คนเหล่านั้นจะไม่ได้เป็นคนต้นตอเผยแพร่คลิป แต่พวกเขามีส่วนในการส่งต่อกระจายคลิปออกไป รวมทั้งมีพฤติการณ์พูดจาแสดงการกระทำล้อเลียนกดดันให้ “อาเน่” ยิ่งตกเป็นเหยื่อทางอ้อมจากสังคมในที่ทำงานจนทนมีชีวิตต่อไปไม่ได้

ตัวละครหญิงคนที่ห้า คือ “เลเร่” ลูกสาววัยมัธยมของมาเลนที่กำลังเผชิญชีวิตเด็กวัยรุ่นที่มีปัญหากับตัวตนตัวเอง ครอบครัว และอดีตแฟนหนุ่ม ซึ่งทำให้เธอหลอนระแวงว่าตัวเองจะถูกคุกคามด้วยภาพและวิดีโอส่วนตัวด้วยหรือไม่ และตัวละครที่หก “มิเรน” นักการเมืองหญิงรุ่นพี่ของ “มาเลน” ที่ดูเหมือนจะไม่เกี่ยวข้องกับใคร แต่แท้จริงเธอก็มีความลับในอดีตที่เคยต้องแลกเส้นทางอาชีพทางการเมืองกับการถูกล่วงละเมิดจากนักการเมืองที่มีอิทธิพลกว่าเพื่อไต่เต้าทางอาชีพการงาน ซึ่งเรื่องราวเล่าเรื่องสลับไปมาระหว่างตัวละครหญิงทั้งหมดว่าพวกเธอคือ “เหยื่อ” ทางตรงและทางอ้อมจากการถูกล่วงละเมิดความเป็นส่วนตัวนั่นเอง

ซีรีส์นำเสนอให้เห็นว่าปัญหานี้ผู้หญิงส่วนหนึ่งพยายามที่จะปฏิเสธที่จะเกี่ยวข้องหรือพูดถึงใดๆ รวมทั้งบ้างก็ถูกทิ้งให้อยู่กับความรู้สึกอับอายและถูกยัดเยียดให้ตัวเองรู้สึกผิด โดยเฉพาะการเลือกจะบอกว่าตัวเองไม่ได้ตกเป็นเหยื่อ ทำให้เก็บงำ และไม่เลือกที่จะใช้กระบวนการยุติธรรมนำคนผิดมาลงโทษ แต่พวกเธอคิดว่าจะสามารถหลีกเลี่ยงและผ่านสถานการณ์นี้ไปได้

แต่ Intimacy ต้องการนำเสนอให้เห็นว่าเมื่อแท้จริงการถูกล่วงละเมิดเผยแพร่ความเป็นส่วนตัวส่งผลทางจิตใจแบบน้ำซึมบ่อทราย กรณีของ “อาเน่” คือการลงเอยที่หนีออกจากโลกนี้ “มาเลน” คือการยืนหยัดสู้ในแบบที่ไม่ใช้กระบวนการยุติธรรม “มิเรน” คือคนที่ใช้วิธีลืมและปฏิเสธที่จะพูดถึง ขณะที่ “เบโก” เลือกจะทำให้โครงสร้างปัญหานี้ได้รับการแก้ไขอย่างจริงจังตามกฎหมาย

ดราม่าซีรีส์เรื่องนี้พูดถึงประเด็นละเอียดอ่อนได้มีมุมมองเราจะเห็นสารที่สื่อออกมาจาก “Intimacy” ว่าเมื่อเรื่องเหล่านี้ถูกพูดถึงทางสังคมเหยื่อมักถูกตำหนิและต้องรับผลที่ตามมา ทั้งที่สังคมควรจะพูดว่า เธอเหล่านั้นไม่ได้ทำผิดแต่พวกเธอต่างเป็นเหยื่อของการเผยแพร่ ส่งต่อภาพ วิดีโอส่วนตัวเหล่านั้น

ซีรีส์ใช้ท่วงทำนองวิธีเล่าเรื่องโดยแทรกเสียงของ “อาเน่” หญิงสาวที่ตายไปแล้วตั้งแต่ต้นเรื่องมาคอยอธิบายความรู้สึกนึกคิดลึกๆ ของตัวละครหญิงเหล่านี้ว่าพวกเธอกำลังรู้สึกไม่มั่นคงอย่างไร และบางครั้งพวกเธอก็ผ่านช่วงกระบวนการความคิดดิ่งลึกที่สุ่มเสี่ยงแบบเดียวกันด้วย ซึ่งภาพรวมเป็นซีรีส์ที่มีจังหวะเล่าเรื่องเรียบๆ แต่ก็ชวนให้ขบคิดตั้งคำถามที่ว่า อะไรที่เป็นเรื่องสาธารณะและอะไรที่ควรเคารพความเป็นส่วนตัวในยุคที่เทคโนโลยีก้าวหน้า ทุกอย่างถูกส่งต่อได้ง่ายและถูกพูดถึงเพียงชั่วนาที

ใครสนใจติดตามชมซีรีส์จากสเปนเรื่องนี้ได้บนเน็ตฟลิกซ์

ติสตู
(ภาพประกอบ Youtube Video / Netflix)

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image