ใช้ ‘ม.44′ รัว-รัว ลุย’ธัมมชโย-ธรรมกาย’ เช็กสัญญาณ’อยู่ยาว’

นับตั้งแต่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ในฐานะหัวหน้า คสช. ออกคำสั่งตาม ม.44 กำหนดให้พื้นที่วัดพระธรรมกายเป็นพื้นที่ควบคุม ข่าวคราวการเผชิญหน้าระหว่างพระกับเจ้าหน้าที่ก็กลายเป็นประเด็นใหญ่ในสังคม

ทั้งนี้เพราะวัดพระธรรมกายเป็นประเด็นใหญ่ในสังคมมานานแล้ว ยิ่งพระธัมมชโย อดีตเจ้าอาวาสวัดพระธรรมกายด้วยแล้ว

ยิ่งเป็นประเด็นใหญ่ในสังคมไทยมาโดยตลอด

ทั้งเรื่องทรัพย์สินที่มีมหาศาล ทั้งเรื่องคำสอนที่แตกต่างระหว่าง อนัตตาŽ กับ อัตตาŽ

Advertisement

รวมถึงเรื่องการรณรงค์รับบริจาคเพื่อให้ได้บุญ

พระธัมมชโยและวัดพระธรรมกาย ถูกมองด้วยสายตาที่ไม่ไว้วางใจมาโดยตลอด

ยิ่งระยะหลังมีกระแสข่าวว่า วัดพระธรรมกายเป็นฐานที่มั่นอีกแห่งของ ทักษิณ ชินวัตร

Advertisement

ยิ่งทำให้วัดพระธรรมกายตกเป็นเป้าหมาย

กระทั่งเกิดคดีรับบริจาคเงินจากสหกรณ์ออมทรัพย์คลองจั่น และตกเป็นผู้ต้องหาในคดีดังกล่าว

ต่อมาเจ้าหน้าที่ดีเอสไอออกหมายจับ ติดต่อให้พระธัมมชโยเดินทางเข้ารับข้อหา แต่พระธัมมชโย อ้างว่าอาพาธ ไม่ไปพบ

มีข่าวว่า เหตุที่ไม่มา พระธัมมชโยไม่ไป เพราะเกรงจะถูกจับสึก

เกรงว่าพนักงานสอบสวนไม่ให้ประกันตัว และนำไปฝากขัง

ก่อนขังจะต้องถูกจับสึก !

 

การต่อสู้กันทางกระบวนการยุติธรรมระหว่างดีเอสไอกับพระธัมมชโยดำเนินมาอย่างยืดเยื้อ

ดีเอสไอต้องการจับกุมตามหมายศาล ส่วนวัดพระธรรมกายเชื่อว่าพระธัมมชโยไม่ผิด แต่ถูกกลั่นแกล้ง

ทั้งสองฝ่ายจึงมีความขัดแย้งกัน

เมื่อ พล.อ.ประยุทธ์ ออกคำสั่งตามมาตรา 44 กำหนดให้วัดพระธรรมกายเป็นพื้นที่ควบคุม และเปิดทางให้เจ้าหน้าที่เข้าตรวจค้น

ความขัดแย้งที่มีเป็นทุนเดิมก็เริ่มปะทุออกมา

เดิมทีที่มีคำสั่ง ม.44 ตอนนี้มีผู้ข้องใจว่าการเข้าค้น กระทำเพื่อเปิดทางออกในกรณีพระธัมมชโยต้องคดี

แต่เมื่อทหาร ตำรวจ และดีเอสไอ มุ่งมั่นที่จะจับพระธัมมชโยให้ได้

สายตาที่เคยมองการตรวจค้นว่า ทำพอเป็นพิธีŽ ก็เริ่มเปลี่ยนไป

การดำเนินการของเจ้าหน้าที่ครั้งนี้…เอาจริง

กลุ่มมวลชนและสงฆ์ของพระธัมมชโยเริ่มตั้งตัวได้ บริเวณหน้าวัดจึงเต็มไปด้วยกลุ่มต่อต้านเจ้าหน้าที่

สถานการณ์การเผชิญหน้าเริ่มบานปลายกลายเป็นการกระทบกระทั่ง

บริเวณหน้าวัดพระธรรมกายเริ่มมีกลิ่นอายของความรุนแรง

 

ความรุนแรงที่เกิดขึ้นทำให้ที่ประชุมมหาเถรสมาคมห่วงใย

พระพรหมมุนี เลขานุการสมเด็จพระสังฆราชมีบัญชาไปถึงสำนักพระพุทธศาสนาแห่งชาติให้ประสานกับเจ้าคณะสงฆ์ที่ปกครองเขตจังหวัดปทุมธานี ให้ประสานกับเจ้าหน้าที่รัฐจัดการปัญหาที่เกิดขึ้น

ต่อมา นายสุวพันธุ์ ตันยุวรรธนะ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม เปิดเผยว่า สมเด็จพระสังฆราชทรงห่วงใย ทรงมีพระประสงค์ให้เรื่องยุติลงด้วยความเรียบร้อย ไม่เกิดความรุนแรงขึ้น

ขณะที่ พล.อ.เฉลิมชัย สิทธิสาท ผบ.ทบ. ก็มีความเป็นห่วงเช่นกัน

“สิ่งที่ผมห่วงคือพื้นที่ที่เผชิญหน้ากัน เจ้าหน้าที่ต้องระมัดระวังในการดำเนินการ ต้องรอบคอบ อดทน และควบคุมอารมณ์ให้ได้ กลัวว่าจะนำไปสู่การปะทะกัน แต่ที่สำคัญต้องดำรงเจตนารมณ์และความมุ่งหมายในการบังคับใช้กฎหมายให้ประสบผลสำเร็จ บางครั้งเราอาจจะต้องยอมเสียเวลา แต่จะไม่ยอมให้มีการเสียเลือดเนื้อหรือเสียชีวิตซึ่งต้องยึดตามแนวทางนี้Ž”

อย่างไรก็ตาม พล.อ.เฉลิมชัยระบุว่า ขอเวลาในการดำเนินการ ที่ผ่านมาได้ดำเนินการเรื่องนี้มานานพอสมควร

ทุกอย่างมีเริ่มต้นก็จะต้องมีตอนจบ

สําหรับมุมมองของรัฐบาลแล้ว การใช้คำสั่ง มาตรา 44 กับเรื่องวัดพระธรรมกาย คือ การสร้างผลงาน

เพราะหลังจาก พล.อ.ประยุทธ์ประกาศคำสั่งออกมาเสียงเชียร์จากแนวต้านวัดพระธรรมกายก็ดังกึกก้อง

และน่าสังเกตว่า ระยะหลังๆ มานี้ พล.อ.ประยุทธ์ ออกคำสั่ง ม.44 ติดๆ กันหลายคำสั่งในห้วงเวลาอันสั้น

ชี้ชวนให้เห็นว่าต้องการใช้มาตรา 44 เพื่อประโยชน์ในการบริหาร

ใช้อำนาจเพื่อประชาชน !

ทั้งการใช้มาตรา 44 เปลี่ยนแปลงกระบวนการแต่งตั้งตำรวจ เพื่อสกัด นักวิ่งเต้นŽ

ทั้งการใช้มาตรา 44 ปลดผู้ว่าการการรถไฟแห่งประเทศไทย และโละบอร์ด ร.ฟ.ท. เพื่อแก้ไขการทำงานล่าช้า

ทั้งใช้มาตรา 44 ปรับปรุงซุปเปอร์บอร์ด คุมจัดซื้อจัดจ้าง

เป็นต้น

 

แม้รัฐบาลมองว่า การใช้มาตรา 44 กับวัดพระธรรมกาย คือ การรักษากฎหมาย เมื่อมีหมายจับ เจ้าหน้าที่ก็ต้องติดตามจับกุมตัว

แต่สำหรับศิษย์วัดพระธรรมกายแล้ว เห็นว่ามาตรา 44 ที่ใช้มิได้มีเจตนาแค่ควบคุมพระธัมมชโยเท่านั้น

การผลักดันให้คนออกจากวัด และการเข้าตรวจสอบพื้นที่ในวัด เป็นสัญญาณว่ารัฐบาลต้องการมากกว่าพระธัมมชโย

การยึดอุปกรณ์เครื่องเพิ่มความดันอากาศ การยึดน้ำมัน

1.4 แสนลิตร บ่งบอกว่า เจ้าหน้าที่มีอำนาจทำได้

ยึดทรัพย์ได้ ยึดพื้นที่วัดได้

สามารถยึดได้ หากมีมาตรา 44 เป็นเกราะคุ้มกัน

ความคึกคักของรัฐบาลในการใช้มาตรา 44 มาบริหารประเทศ

รวมไปถึงจังหวะการย่างก้าวของคณะกรรมการ ป.ย.ป. โดยเฉพาะคณะกรรมการชุดปรองดองที่มีกิจกรรม รับฟังŽ อย่างต่อเนื่อง

และมีกำหนดติดตามเป็นระยะๆ โดยล่าสุดนัดประชุมกันในวันที่ 6 มีนาคมนี้

รวมกับการรุกคืบทางเศรษฐกิจที่ฝ่ายรัฐบาลชูธง ประเทศไทย 4.0Ž อัดฉีดงบประมาณภาครัฐ ชักชวนต่างประเทศลงทุน ปลุกผู้ประกอบการในประเทศให้ตื่นตัวเซ็นสัญญาบิ๊กโปรเจ็กต์ ทั้งรถไฟสายสีต่างๆ และเร่งรัดรถไฟทางคู่ ฯลฯ

ทุกอย่างขับเคลื่อนไปอย่างคึกคัก

เป็นสัญญาณแห่งความสดใสของ พล.อ.ประยุทธ์ และทีมงานที่เริ่มเปล่งประกาย

ประกายของสัญญาณ ยังอยู่อีกยาวŽ ที่ปรากฏขึ้นให้ได้สัมผัสกัน

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image