⦁…ดีเดย์ 25 ส.ค. ศาลฎีกาฯนัดอ่าน “คำพิพากษา” ชี้ชะตา ยิ่งลักษณ์
ชินวัตร ในคดี “จำนำข้าว” ฐานที่ “ปล่อยปละละเลย” ไม่ระงับยับยั้งโครงการรับจำนำข้าวจนเกิดความเสียหาย ตาม ป.อาญา มาตรา 157 พ.ร.บ.ประกอบ รธน.ว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต 2542 ละเลยไม่ระงับยับยั้งโครงการรับจำนำข้าว ทำให้รัฐเสียหายกว่า 5 แสนล้านบาท
⦁…คสช.สั่ง “4 กองทัพภาค” เกาะติดการเคลื่อนไหวของ “มวลชนอดีตนายกฯปู” รวมถึงเข้า “ชี้แจง-ทำความเข้าใจ” กับ “ผู้นำชุมชน” ให้ยอมรับคำพิพากษาของศาล ขณะที่บรรดากลุ่มผู้สนับสนุนพรรคเพื่อไทย “ยืนยัน” เดินทางเข้ากรุงมาให้กำลังใจ “อดีตนายกฯ” แน่นอน งานนี้คงได้เห็น “ด่านสกัด” ตามเส้นทางหลักๆ เข้ากรุง
⦁…จะเป็นเรื่อง “กินใจ” กันต่อไป ระหว่าง “ทหาร” กับ “มวลชน” ยิ่งมีข่าวจากกองอวยรัฐบาลบอกว่า รายการนี้จะระดมคนมา “10 ล้านคน” เบิกค่าจ้าง 10 ล้านคน มุมแบบนี้เป็น “ตรรกะ” เดิมๆ โหลๆ ถ้าเป็นเพื่อไทย-เสื้อแดง ก็ต้องเป็นเรื่องของ “จ้าง-ซื้อ-ทักษิณซื้อ” ส่วนอีกฝั่งเป็นเรื่องของ “สติปัญญา-ความรู้ทันทักษิณ” ตามปรัชญาอมตะ ดีเข้าตัว ชั่วคือ “คนอื่น”
⦁…อีกรากเหง้าความแตกร้าว จับตา “2 สิงหาฯ” คดีสลายม็อบพันธมิตรที่หน้ารัฐสภา มี สมชาย วงศ์สวัสดิ์-พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ-พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ เป็นจำเลยหลัก ส่วน “25 สิงหาฯ” มี 2 คดีใหญ่วันเดียวกัน เริ่มจาก “จำนำข้าว” ที่ ยิ่งลักษณ์ เป็นจำเลย และ “ขายข้าวจีทูจี” มี บุญทรง
เตริยาภิรมย์ คนสนิท “เจ๊แดง” เป็นจำเลยหลัก การเมืองจะเดินต่อยังไง ต้องเอา “สถานการณ์ของเดือนสิงหาฯ” เป็น “ตัวตั้ง”
⦁…อีกคดีที่เกิดใกล้เคียงกัน จันทร์ 24 ก.ค.ที่่ผ่านมา ศาลอุทธรณ์ตัดสินคดียึดทำเนียบรัฐบาล เมื่อ “25 พฤษภาคม 2551” มี พล.ต.จำลอง ศรีเมือง สนธิ ลิ้มทองกุล พิภพ ธงไชย สมเกียรติ พงษ์ไพบูลย์ สมศักดิ์ โกศัยสุข สุริยะใส กตะศิลา เป็นจำเลยที่ 1-6 ศาลชั้นต้นสั่งจำคุก 3 ปี ลดโทษ 1 ใน 3 เหลือ 2 ปี ศาลอุทธรณ์แก้เป็นจำคุก 8 เดือน ไม่รอลงอาญา
⦁…คำพิพากษาบางตอน มีดังนี้ “แต่เมื่อพิจารณาแล้วเห็นว่าการกระทำของพวกจำเลยมิได้เป็นประโยชน์เพื่อกลุ่มใดกลุ่มหนึ่ง และไม่ใช่เพื่อประโยชน์ส่วนตน จึงเห็นควรพิพากษาลงโทษให้เหมาะสมกับพฤติการณ์ จึงพิพากษาแก้ จากเดิมที่ศาลชั้นต้นพิพากษาจำคุก 2 ปี ให้เป็นจำคุก 1 ปี โดยลดโทษให้ 1 ใน 3 คงจำคุกจำเลยทั้ง 6 เป็นเวลาทั้งสิ้น 8 เดือนโดยไม่รอลงอาญา …”
⦁…เรื่องของ “วงการสื่อ” กันบ้าง “ทีวีดิจิทัล” ที่ว่ากันว่า “กระเตื้องขึ้น” จากยอดโฆษณาที่เริ่มเป็นเนื้อเป็นหนัง แต่เปิดตัวเลข 4 ปี 2556-2559 ช่องหลักที่มีกำไร มีแค่ “ช่อง 7 หรือช่อง 35” แต่กำไรก็หดเป็นขั้นบันไดจาก 5 พันล้าน เหลือ 1.5 พันล้าน ในปี 2559, ช่อง 3 ที่เรตติ้งสูสีกับช่อง 7 ขาดทุนทั้ง 3 ช่อง, เวิร์คพอยท์ ช่อง 23 กำไร 106 ล้าน ในปี 2559 เป็นปีแรก, ช่อง 8 ที่เรตติ้งติด 1 ใน 4 แต่ปี 59 ยังขาดทุน 150 ล้าน
⦁…นอกนั้น ไทยรัฐทีวี ปี 58 ขาดทุน 1.1 พันล้าน ปี 59 ขาดทุน 928 ล้าน, เนชั่น ช่อง 22 ปี 59 ขาดทุน 241 ล้าน ช่องนาว 26 ขาดทุน 480 ล้าน, เอ็มคอท ช่อง 30 กำไรมาเรื่อย ปี 59 ขาดทุน 782 ล้าน, พีพีทีวี ปี 59 ขาดทุน 1.9 พันล้าน, อมรินทร์ ปี 59 ขาดทุน 846 ล้าน, นิวทีวี ช่อง 18 ปี 57 ขาดทุน 425 ล้าน ปี 58 ขาดทุน 741 ล้าน ปี 59 ยังไม่มีตัวเลข, สปริงนิวส์ ปี 59 ขาดทุน 211 ล้านบาท, ไบรท์ทีวี ช่อง 20 ปี 58-59 ขาดทุน 229 ล้าน กับ 191 ล้าน ตามลำดับ
กาแฟป่า