พสกนิกรรวมใจ แต่งสีฟ้า สวดมนต์พิธีมหามงคลบำเพ็ญพระราชกุศล ณ พระลานพระราชวังดุสิต

ตามที่ สมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้จัดพิธีมหามงคลบำเพ็ญพระราชกุศลอุทิศถวาย พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช บรมนาถบพิตร และเจริญพระพุทธมนต์ถวายพระพรชัยมงคล สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ ในรัชกาลที่ 9 และสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ณ พระลานพระราชวังดุสิต ในวันที่ 17 สิงหาคม เวลา 18.00 น.นั้น

เมื่อเวลา 18.00 น. วันที่ 17 สิงหาคม สมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯให้ นายพลากร สุวรรณรัฐ องคมนตรี เป็นผู้แทนพระองค์ โอกาสนี้ ผู้แทนพระองค์วางพวงมาลาหน้า พระบรมราชานุสรณ์พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว จุดธูปเทียนเครื่องทองน้อยถวายราชสักการะ กราบราบ จากนั้นเดินทางเข้าสู่พลับพลาพิธี ซึ่งมี สมเด็จพระวันรัต เป็นประธานฝ่ายสงฆ์ และพระสงฆ์ร่วมเจริญพระพุทธมนต์ จำนวน 195 รูป

ผู้แทนพระองค์ จุดธูปเทียนนมัสการบูชาพระพุทธนรสีห์ พระพุทธรูปสำคัญที่ สมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯให้พลอากาศเอก เกษม อยู่สุข หัวหน้าสำนักงานราชเลขานุการในพระองค์ อัญเชิญมาประดิษฐานเป็นพระประธานในพิธี ผู้แทนพระองค์กราบ จากนั้นจุดธูปเทียนเครื่องทองน้อยถวายราชสักการะพระบรมฉายาลักษณ์ พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช บรมนาถบพิตร กราบ เปิดกรวยกระทงดอกไม้ธูปเทียนแพหน้าพระฉายาลักษณ์ สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ ในรัชกาลที่ 9 และพระฉายาลักษณ์ สมเด็จพระเจ้าอยู่หัว กราบ ถวายความเคารพพระราชอาสน์ และนั่งเก้าอี้ที่จัดไว้ให้

Advertisement

เวลาต่อมา สมเด็จพระวันรัต ประธานสงฆ์ให้ศีล จบ พระสงฆ์ 195 รูป สวดมาติกา จบ ผู้แทนพระองค์และข้าราชการชั้นผู้ใหญ่ ทอดผ้าไตรจนครบ 195 รูป จากนั้นกรวดน้ำ พระสงฆ์ 195 รูป เจริญพระพุทธมนต์ถวายสมเด็จพระบูรพมหากษัตริยาธิราช, พระสยามเทวาธิราช และพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช บรมนาถบพิตร ถวายพระพรชัยมงคล สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ ในรัชกาลที่ 9 และสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ต่อมาผู้แทนพระองค์และข้าราชการชั้นผู้ใหญ่ ประเคนจตุปัจจัยไทยธรรมแด่พระสงฆ์ กรวดน้ำ ผู้แทนพระองค์กราบที่เครื่องนมัสการ กราบที่หน้าพระบรมฉายาลักษณ์และพระฉายาลักษณ์ ถวายความเคารพพระราชอาสน์ และเดินทางกลับ จากนั้นมีพิธีอัญเชิญพระพุทธนรสีห์กลับไปประดิษฐานที่พระที่นั่งอัมพรสถาน พระราชวังดุสิต

โอกาสนี้ สมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯให้จัดพิมพ์หนังสือบทเจริญพระพุทธมนต์ เพื่อพระราชทานแก่ผู้มาร่วมพิธี และพระราชทานภาพวาดฝีพระหัตถ์เป็นภาพสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ ในรัชกาลที่ 9 ประทับท่ามกลางดอกไม้ในพระนามาภิไธยฯ ได้แก่ กุหลาบควีนสิริกิติ์ แคทลียาควีนสิริกิติ์ ดอนญ่าควีนสิริกิติ์ และบัวควีนสิริกิติ์ พิมพ์เป็นภาพปกหนังสือบทเจริญพระพุทธมนต์ และเชิญอักษรพระปรมาภิไธย ว.ป.ร. พระบรมฉายาลักษณ์พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช บรมนาถบพิตร ที่ฉายกับสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ ในรัชกาลที่ 9 ล้อมกรอบด้วยรูปหัวใจ และข้อความ “สืบสานพระราชปณิธาน ธรรมราชินี” และปกรองของหนังสือบทเจริญพระพุทธมนต์ลงพิมพ์ภาพดอกไม้ในพระนามาภิไธยสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ ในรัชกาลที่ 9 พร้อมประวัติความเป็นมาและความหมายของดอกไม้ดังกล่าว

Advertisement

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า พสกนิกรจากทุกสารทิศพร้อมใจใส่เสื้อสีฟ้าและสีขาว ทยอยเดินทางมาร่วมพิธีจนเนืองแน่นพื้นที่จัดงาน โดยในการเข้างานจะต้องแสดงบัตรประชาชนเข้าจุดคัดกรอง จากนั้นจะได้รับหนังสือบทเจริญพระพุทธมนต์พระราชทาน ซึ่งพสกนิกรต่างมีสีหน้าปีติยินดี

นางสมพิศ พิชัยสมประสงค์ อายุ 65 ปี ชาวอำเภอพระประแดง จังหวัดสมุทรปราการ มาในชุดจิตอาสาเราทำความ ดี ด้วยหัวใจ เสื้อลายฝีพระหัตถ์สีฟ้า เล่าด้วยรอยยิ้มว่า ตนมาร่วมสวดมนต์ที่พระลานพระราชวังดุสิตทุกครั้ง เพราะอยากทำบุญถวายเป็นพระราชกุศล ในหลวง รัชกาลที่ 9 สมเด็จพระราชินี ในรัชกาลที่ 9 และสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ขณะเดียวกันก็อยากมาร่วมในพิธีทำบุญครั้งใหญ่ ซึ่งไม่บ่อยครั้งจะมีในบ้านเมือง ทั้งนี้ ตนชอบสวดมนต์อยู่แล้ว ปกติจะสวดมนต์อยู่ที่บ้าน และตามวัดในโอกาสสำคัญต่างๆ เพราะการสวดมนต์ทำให้จิตใจดีขึ้น ใจเย็นขึ้น มีสติและสมาธิในการใช้ชีวิต บางครั้งที่เครียดเพียงสวดมนต์ก็รู้สึกดีขึ้น จึงอยากเชิญชวนคนไทยมาร่วมในพิธีมหามงคลอย่างนี้

“ดิฉันเก็บสะสมหนังสือบทเจริญพระพุทธมนต์ทุกเล่ม บางครั้งก็นำมาสวดมนต์เองที่บ้าน ก็ตั้งใจว่าจะเก็บหนังสือนี้เป็นที่ระลึกให้ลูกหลานดู เพราะเป็นหนังสือที่มีคุณค่ามาก ซึ่งสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงออกแบบและเรียบเรียงด้วยพระองค์เอง” นางสมพิศกล่าว

ขณะที่ นางวรกัลยา มงคลประเสริฐ อายุ 61 ปี มาพร้อมหลาน ด.ญ.วรอร ประพฤติธรรม วัย 11 ขวบ ชาวเขตดอนเมือง กรุงเทพฯ กล่าวว่า ปกติก็สวดมนต์และปฏิบัติธรรมอยู่แล้ว แต่ก็อยากมาสวดมนต์เพื่อถวายเป็นพระราชกุศลด้วย เพราะรู้สึกสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ ในรัชกาลที่ 9 ที่พระราชทานโครงการศูนย์ศิลปาชีพ ในการพลิกฟื้นศิลปะพื้นบ้านสู่ผลิตภัณฑ์สร้างรายได้ให้ราษฎร อีกทั้งเป็นการรักษาภูมิปัญญาท้องถิ่น โอกาสนี้ ตนขอปฏิบัติตนเป็นคนไทยที่มีประโยชน์ ขอถวายพระพรให้พระองค์ทรงมีพระพลานามัยแข็งแรงสมบูรณ์ อีกทั้งจะสอนให้ลูกหลานได้ทราบถึงพระราชกรณียกิจพระองค์ว่าได้ช่วยคนไทยอย่างไร สำนึกพระมหากรุณาธิคุณสถาบันพระมหากษัตริย์

ขณะที่ ด.ญ.วรอรซึ่งครั้งนี้มาเป็นครั้งที่ 2 กล่าวสั้นๆว่า ตนชอบสวดมนต์อยู่แล้ว เพราะการสวดมนต์ทำให้จิตใจสงบ สมองปลอดโปร่ง และทำให้มีสมาธิกับการเรียนมากขึ้น

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image