เพื่อเป็นพระราชานุสรณ์ให้พระเกียรติยศ สมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนี ที่ทรงมีต่อวิชาชีพการพยาบาลและการผดุงครรภ์ให้ยืนยงตลอดไป จึงมีการคัดเลือกและพิจารณาผู้ประกอบวิชาชีพการพยาบาลและการผดุงครรภ์ ที่มีผลงานดีเด่นเป็นที่ประจักษ์ในระดับประเทศและโลก รับพระราชทานรางวัลสมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนี เพื่อเชิดชูเกียรติซึ่งปีนี้จัดเป็นปีที่ 19
ในการนี้ สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี องค์ประธานมูลนิธิรางวัลสมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนี ในพระบรมราชูปถัมภ์ เสด็จฯพระราชทาน รางวัลสมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนี ประจำปี 2561 ณ พระที่นั่งมูลสถานบรมอาสน์ ในพระบรมมหาราชวัง และพระราชทานเลี้ยงน้ำชาเป็นเกียรติแก่ผู้ได้รับพระราชทานรางวัลฯ ณ พระที่นั่งบรมราชสถิตยมโหฬาร ในพระบรมมหาราชวัง
โดยผู้ที่ได้รับรางวัลคือ ศาสตราจารย์เกียรติคุณ ดร.อฟาฟ อิบราฮิม เมลิส ชาวสหรัฐอเมริกา-อียิปต์ เป็นผู้ผลักดันให้เกิดการพัฒนาการศึกษาพยาบาล อย่างหลักสูตรปริญญาเอก สาขาพยาบาลศาสตร์ (Doctor of Nursing Science) ซึ่งเป็นหลักสูตรต้นแบบของการศึกษาระดับปริญญาเอก สาขาพยาบาลศาสตร์ทั่วโลก อีกทั้งยังได้พัฒนาศาสตร์ทางพยาบาลให้เท่าทันต่อสถานการณ์สุขภาพ สถานการณ์สังคม
ศาสตราจารย์เกียรติคุณ ดร.อฟาฟ กล่าวภายหลังได้รับพระราชทานรางวัลฯด้วยสีหน้าปลาบปลื้มว่า รู้สึกภูมิใจและเป็นเกียรติอย่างยิ่งที่ได้รับรางวัลนี้ เพราะสมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนี ทรงเคยศึกษาวิชาชีพการพยาบาลและการผดุงครรภ์ และทรงมีคุณูปการแก่วิชาชีพนี้อย่างมาก และตนยังรู้สึกซาบซึ้ง สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ที่ทรงสืบสานพระราชภารกิจต่อ สะท้อนให้เห็นถึงงานพยาบาลเป็นหัวใจของการสาธารณสุขอย่างแท้จริง
“สำหรับดิฉันที่มีวันนี้ได้ ต้องเริ่มจากแม่ที่เป็นพยาบาล ทำให้ได้ใกล้ชิดและคุ้นเคยกับงานพยาบาลมาก่อน ยิ่งเมื่อได้ศึกษาลึกซึ้งก็ทำให้เกิดความคิดว่า บทบาทพยาบาลไม่ใช่แค่เพียงงานปฏิบัติ แต่ต้องเป็นงานที่มีองค์ความรู้ เพื่อจะดูแลผู้ป่วยให้มีคุณภาพชีวิตที่ดี จึงจำเป็นต้องมีหลักสูตรปริญญาเอกด้านพยาบาลศาสตร์ เพื่อจะทำให้เกิดการค้นคว้าวิจัยเพื่อพัฒนาวิชาชีพนี้ให้ก้าวไปข้างหน้า ซึ่งอย่างปัจจุบันก็มีความท้าทายให้พยาบาลศึกษาวิจัยมากมาย อาทิ โรคเรื้อรังต่างๆ ที่นับวันจะเป็นปัญหามากขึ้นทุกที สถานการณ์สังคมสูงวัย”
ศาสตราจารย์เกียรติคุณ ดร.อฟาฟ อายุ 76 ปี กล่าวทิ้งท้ายว่า การมีหลักสูตรปริญญาเอกด้านพยาบาลศาสตร์ ยังทำให้เราเข้าถึงปัญหาอย่างถูกวิธี ขณะเดียวกันจะสร้างผู้นำพยาบาลที่มีองค์ความรู้ มีกรอบความคิดต่างๆ ที่จะสามารถไปออกเสียงใช้เรียกร้องเพื่อผู้ป่วยได้ ซึ่งตนคิดว่าในการกำหนดนโยบายของชาติและโลก จำเป็นต้องให้พยาบาลเข้าไปมีส่วนร่วม เพราะอย่างตนที่เป็นผู้นำพยาบาล ที่ผ่านมาได้เข้าร่วมในคณะกรรมการสำคัญต่างๆ ก็ได้เข้าไปสร้างความรู้จักให้วิชาชีพอื่นๆ รู้ถึงคุณค่าของการพยาบาลต่อสุขภาพ การให้ความสำคัญต่อสุขภาพผู้หญิง ความเท่าเทียมในสังคม ทำให้ทุกคนได้รับการดูแลอย่างทั่วถึง
พยาบาลรางวัลพระราชทาน
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
‘สมเด็จพระเทพฯ’ พระราชทานรางวัลสมเด็จพระศรีนครินทราฯ ประจำปี 2561
