สมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เสด็จฯ ถวายผ้าพระกฐินวัดราชบพิธฯ ทรงโบกพระหัตถ์ทักทายปชช.

เมื่อเวลา 16.22 น. วันที่ 1 พฤศจิกายน สมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เสด็จพระราชดำเนิน พร้อมด้วยพระเจ้าหลานเธอ พระองค์เจ้าพัชรกิติยาภา และพระเจ้าหลานเธอ พระองค์เจ้าสิริวัณณวรีนารีรัตน์ โดยรถยนต์พระที่นั่ง จากพระที่นั่งอัมพรสถาน พระราชวังดุสิต ไปยังหน้าพระอุโบสถ วัดราชบพิธสถิตมหาสีมาราม ในการพระราชพิธีทรงบำเพ็ญพระราชกุศลถวายผ้าพระกฐิน พุทธศักราช 2561

จากนั้นเสด็จฯ ไปยังพระบรมราชานุสาวรีย์พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงวางพุ่มดอกไม้ ทรงจุดธูปเทียนเครื่องทองน้อยถวายราชสักการะ และทรงกราบ ต่อจากนั้น พระเจ้าหลานเธอ พระองค์เจ้าพัชรกิติยาภา และพระเจ้าหลานเธอ พระองค์เจ้าสิริวัณณวรีนารีรัตน์ ทรงวางพุ่มดอกไม้ ทรงจุดธูปเทียนเครื่องทองน้อยถวายราชสักการะ ทรงกราบ และ เสด็จเข้าพระอุโบสถ ทั้งนี้ พระเจ้าหลานเธอ พระองค์เจ้าพัชรกิติยาภา และพระเจ้าหลานเธอ พระองค์เจ้าสิริวัณณวรีนารีรัตน์ ทรงยืนเฝ้าฯ หน้าพระเก้าอี้

Advertisement

ต่อจากนั้น สมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงรับผ้าไตรจากเจ้าพนักงานศุภรัต ทรงวางผ้าไตรเหนือพานแว่นฟ้าซึ่งตั้งอยู่หน้าอาสน์สงฆ์ใกล้เจ้าอาวาส ทรงจุดธูปเทียนเครื่องนมัสการบูชาพระพุทธอังคีรสประธานพระอุโบสถ แล้วทรงจุดธูปเทียนเครื่องทองน้อยถวายราชสักการะพระบรมราชสรีรางคาร รัชกาลที่ 7 กับพระราชสรีรางคารสมเด็จพระนางเจ้ารำไพพรรณี พระบรมราชินี ในรัชกาลที่ 7 และพระบรมราชสรีรางคาร รัชกาลที่ 9 ทรงกราบ ทรงหยิบผ้าห่มสำหรับพระประธานที่วางอยู่บนหลังผ้าไตร พระราชทานเจ้าพนักงานภูษามาลา แล้วทรงยืน ณ ที่นั้น

จากนั้น เจ้าหน้าที่กรมการศาสนากราบบังคมทูลรายงานจำนวนพระสงฆ์ จบแล้ว ทรงหยิบผ้าไตรที่พานแว่นฟ้านั้นพาดระหว่างพระกร แล้วประนมพระหัตถ์ ผินพระพักตร์สู่พระประธาน ทรงว่า “นะโม ตัสสะ ฯ” จบ 3 หนแล้ว ผินพระพักตร์สู่ที่ชุมนุมสงฆ์ กล่าวคำถวายผ้าพระกฐิน จากนั้น ทรงวางผ้าไตรไว้บนพานแว่นฟ้าที่เดิม ทรงประเคนผ้าไตรและเทียนปาฏิโมกข์แด่พระสงฆ์รูปที่ 2 ทรงรับการถวายความเคารพของผู้มาเฝ้าฯ ประทับพระราชอาสน์ เมื่อพระสงฆ์ทำพิธีกฐินกรรมแล้ว เสด็จฯ ไปทรงจุดธูปเทียนเครื่องทองน้อยถวายสักการะพระอัฐิสมเด็จพระสังฆราช (วาสนมหาเถระ) และ ทรงทอดผ้าไตร 10 ไตรบนพระภูษาโยงที่อาสน์สงฆ์ ประทับพระราชอาสน์ (พระสงฆ์ 10 รูปสดับปกรณ์)

เมื่อ พระสงฆ์ที่สดับปกรณ์และพระสงฆ์ผู้ครองผ้าพระกฐินออกไปครองผ้าพระกฐินเสร็จ กลับมานั่งยังอาสน์สงฆ์พร้อมแล้วเสด็จฯ ไปถวายเครื่องบริวารพระกฐินแด่พระสงฆ์ผู้ครองผ้าพระกฐิน ประทับพระราชอาสน์ ทรงหลั่งทักษิโณทก (พระสงฆ์ถวายอนุโมทนา ถวายอดิเรก) กรรมการวัดกราบบังคมทูลเบิกผู้มีจิตศรัทธาบริจาคเงินสมทบทุนพระจุลจอมเกล้าสำหรับบูรณะพระอาราม เข้าเฝ้าฯ รับพระราชทานของที่ระลึก จำนวน 100 คน จากนั้น เสด็จฯ ไปทรงกราบที่หน้าเครื่องนมัสการ ทรงลาพระสงฆ์ ทรงรับการถวายความเคารพของผู้มาเฝ้าฯ เสด็จออกจากพระอุโบสถ

แล้วเสด็จฯ ไปตามพระระเบียงพระอุโบสถ เข้าพระวิหารทิศ (ด้านทิศตะวันออก) ทรงวางพวงมาลัยแล้วทรงจุดธูปเทียนเครื่องทองน้อยถวายสักการะพระสรีรางคาร สมเด็จพระสังฆราช (วาสนมหาเถระ) พระราชอุปัธยาจารย์ในสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงกราบ

จากนั้น เสด็จเข้าพระเจดีย์ หลังพระอุโบสถ (ด้านทิศใต้) ทรงพระสุหร่าย ทรงเจิมกำพูฉัตร ทรงถือสายสูตรยกนพปฎลมหาเศวตฉัตรขึ้นเหนือคูหาพระเจดีย์ (ขณะนี้พระสงฆ์เจริญชัยมงคลคาถา ชาวพนักงานลั่นฆ้องชัย ประโคมสังข์ แตร ดุริยางค์) ทรงวางพวงมาลัยแล้วทรงจุดธูปเทียนท้ายที่นั่งบูชาพระพุทธรูปนาคปรกศิลาโบราณ ทรงกราบ

จากนั้น เสด็จออกจากพระเจดีย์ (ด้านทิศใต้) เสด็จฯไปทอดพระเนตรภาพแสดงความคืบหน้าในการจัดสร้างพระราชประวัติพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ด้วยกระเบื้องโมเสก ตามพระราชอัธยาศัย แล้วเสด็จฯไป ทรงบำเพ็ญพระราชกุศลถวายผ้าพระกฐิน วัดพระเชตุพนวิมลมังคลาราม ซึ่งเป็นวัดที่ 2

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ทางวัดได้จัดเต็นท์และที่นั่งโดยรอบพระอุโบสถให้ประชาชนได้เฝ้าฯรับเสด็จ พร้อมประดับธงชาติไทย ธงธรรมจักร และธงตราสัญลักษณ์พระปรมาภิไธย วปร. โดยรอบบริเวณวัด ทั้งนี้ มีประชาชนพร้อมใจใส่ชุดสุภาพสีขาวและสีเหลืองมาเฝ้าฯรับเสด็จกันอย่างเนืองแน่น ครั้นถึงเวลาประกอบพระราชพิธีประชาชนต่างพนมมือร่วมสวดมนต์อย่างตั้งใจ ระหว่างพระราชพิธี สมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เสด็จฯมายังระเบียงพระอุโบสถเพื่อเข้าพระเจดีย์หลังพระอุโบสถด้านทิศใต้ซึ่งใกล้เคียงกับบริเวณเต็นท์ที่ประชาชนนั่งร่วมในพระราชพิธี ประชาชนต่างเปล่งเสียงทรงพระเจริญกึกก้องบริเวณวัด จากนั้นทรงโบกพระหันต์ขวา และแย้มพระสรวลทักทายประชาชนด้วยพระพักตร์สดใส เมื่อเสร็จสิ้นพระราชพิธีและเสด็จฯออกด้านข้างพระเจดีย์ ประชาชนต่างเปล่งเสียงทรงพระเจริญกึกก้องเพื่อส่งเสด็จ สมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงหันพระพักตร์มายังเต็นท์ประชาชน แล้วทรงโบกพระหัตถ์ขวาและแย้มพระสรวลทักทายประชาชน สร้างความประทับใจแก่ประชาชนอย่างหาที่สุดไม่ได้

นางผุสดี โอโรร่า ลังค์ อายุ 60 ปี ชาวไทยในเมืองไมน์ ประเทศเยอรมัน ตั้งใจเดินทางกลับมาร่วมงานกฐินที่ประเทศไทยโดยเฉพาะ กล่าวด้วยสีหน้าปลาบปลื้มว่า ตนเดินทางมาถึงไทยตั้งแต่วันที่ 17 ตุลาคมที่ผ่านมา ด้วยความตั้งใจอยากมาทำบุญและร่วมทอดกฐิน ที่ผ่านมาก็ตะลอนทำบุญตามวัดดังต่างๆทั้งในกรุงเทพฯและต่างจังหวัด จนทราบจากเพื่อนว่าสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เสด็จฯพระราชพิธีในวันนี้ จึงตั้งใจเดินทางมา เพราะอยากเห็นพระองค์สักครั้งในชีวิต และอยากกราบแทบพระบาทพระองค์ ก่อนจะเดินทางกลับเยอรมันช่วงกลางเดือนนี้ อย่างไรก็ตาม วันที่ 2 พฤศจิกายน ยังตั้งใจเดินทางไปทำบุญงานกฐินหลวงอีกที่วัดบวรนิเวศวิหาร และรอเฝ้าฯรับเสด็จสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว

ผุสดี โอโรร่า
ผุสดี โอโรร่า

ด้าน ว่าที่ร้อยตรี สยาม ศิริรักษ์ อายุ 47 ปี ชาวเขตมีนบุรี กรุงเทพฯ เดินทางมาพร้อมญาติๆ เพื่อมางานกฐินหลวงที่วัดราชบิธฯ ว่า พาญาติมางานกฐินหลวงเพราะมีพระหลานบวชอยู่ที่วัดแห่งนี้ และอยากเฝ้าฯรับเสด็จสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ซึ่งไม่เคยทำมาก่อน ก็รู้สึกตื่นเต้น ดีใจและตื้นตันใจที่ได้เห็นพระองค์เป็นครั้งแรก

ว่าที่ร้อยตรี สยาม ศิริรักษ์
ว่าที่ร้อยตรี สยาม ศิริรักษ์
QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image