เมื่อเวลา 16.27 น. วันที่ 2 พฤศจิกายน สมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เสด็จฯพร้อมด้วย พระเจ้าหลานเธอ พระองค์เจ้าพัชรกิติยาภา โดยรถยนต์พระที่นั่งจากพระที่นั่งอัมพรสถาน พระราชวังดุสิต ไปยังวัดบวรนิเวศวิหาร ในการพระราชพิธีทรงบำเพ็ญพระราชกุศลถวายผ้าพระกฐิน พุทธศักราช 2561 จากนั้นเสด็จเข้าพระอุโบสถ พระเจ้าหลานเธอ พระองค์เจ้าพัชรกิติยาภา ทรงยืนเฝ้าฯ หน้าพระเก้าอี้
การนี้ สมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงรับผ้าไตรจากเจ้าพนักงานศุภรัต ทรงวางผ้าไตรเหนือพานแว่นฟ้าซึ่งตั้งอยู่หน้าอาสน์สงฆ์ใกล้เจ้าอาวาส ทรงจุดธูปเทียนเครื่องนมัสการบูชาพระพุทธชินสีห์ประธานพระอุโบสถ แล้วทรงจุดธูปเทียนเครื่องทองน้อยถวายราชสักการะพระบรมราชสรีรางคาร รัชกาลที่ 6 และพระบรมราชสรีรางคาร รัชกาลที่ 9 ทรงกราบ
จากนั้น ทรงหยิบผ้าห่มสำหรับพระประธานที่วางอยู่บนหลังผ้าไตร พระราชทานเจ้าพนักงานภูษามาลาแล้วทรงยืน ณ ที่นั้น เจ้าหน้าที่กรมการศาสนากราบบังคมทูลรายงานจำนวนพระสงฆ์ จบแล้ว ทรงหยิบผ้าไตรที่พานแว่นฟ้านั้นพาดระหว่างพระกร แล้วประนมพระหัตถ์ ผินพระพักตร์สู่พระประธาน ทรงว่า “นะโม ตัสสะ ฯ” จบ 3 หนแล้ว ผินพระพักตร์สู่ที่ชุมนุมสงฆ์ กล่าวคำถวายผ้าพระกฐิน ทรงวางผ้าไตรไว้บนพานแว่นฟ้าที่เดิม ทรงประเคนผ้าไตรและเทียนปาฏิโมกข์แด่พระสงฆ์รูปที่ 2 ทรงรับการถวายความเคารพของผู้มาเฝ้าฯ ประทับพระราชอาสน์
เมื่อพระสงฆ์ทำพิธีกฐินกรรมแล้ว เสด็จฯ ไปทรงจุดธูปเทียนเครื่องท้ายที่นั่งถวายสักการะพระรูป สมเด็จพระมหาสมณเจ้า กรมพระยาปวเรศวริยาลงกรณ์ , สมเด็จพระมหาสมณเจ้า กรมพระยาวชิรญาณวโรรส และ สมเด็จพระสังฆราชเจ้า กรมหลวงวชิรญาณวงศ์
การนี้ สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงทอดผ้าไตร 10 ไตรบนพระภูษาโยงที่อาสน์สงฆ์ ประทับพระราชอาสน์ (พระสงฆ์ 10 รูปสดับปกรณ์) พระสงฆ์ที่สดับปกรณ์และพระสงฆ์ผู้ครองผ้าพระกฐินออกไปครองผ้าพระกฐินเสร็จ กลับมานั่งยังอาสน์สงฆ์พร้อมแล้ว เสด็จฯ ไปถวายเครื่องบริวารพระกฐินแด่พระสงฆ์ผู้ครองผ้าพระกฐิน ประทับพระราชอาสน์ ทรงหลั่งทักษิโณทก (พระสงฆ์ถวายอนุโมทนา ถวายอดิเรก) เสด็จฯ ไปทรงกราบที่หน้าเครื่องนมัสการ ทรงลาพระสงฆ์ ทรงรับการถวายความเคารพของผู้มาเฝ้าฯ แล้วเสด็จออกจากพระอุโบสถ ไปประทับรถยนต์พระที่นั่ง เสด็จฯ ไปยังวัดมหาธาตุยุวราชรังสฤษฎิ์ ซึ่งเป็นวัดที่ 2
ผู้สื่อข่าวรายงานบรรยากาศงานพระราชพิธีทรงบำเพ็ญพระราชกุศลถวายผ้าพระกฐิน พุทธศักราช 2561 ที่วัดบวรนิเวศวิหาร มีประชาชนจากทุกสารทิศพร้อมใจใส่ชุดสุภาพสีขาวและสีเหลืองมารอเฝ้าฯ รับเสด็จและร่วมทำบุญในพระราชพิธีจนเนืองแน่นบริเวณวัด โดยทางวัดได้จัดเตรียมเต็นท์และที่นั่งให้ประชาชนด้านข้างพระอุโบสถ ซึ่งวัดยังมีการรักษาความปลอดภัยอย่างเข้มงวด โดยทางเจ้าหน้าที่ตำรวจและทหาร ที่ได้ตั้งจุดตรวจค้นอาวุธบริเวณประตูทางเข้า และวางกำลังเจ้าหน้าที่ดูแลรักษาความปลอดภัยโดยรอบ
ครั้นถึงเวลาเสด็จฯ ประชาชนต่างพร้อมใจเปล่งเสียงทรงพระเจริญดังกึกก้องบริเวณวัด สมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงหันพระพักตร์แย้มพระสรวลทักทายประชาชน และเมื่อเสร็จสิ้นพระราชพิธี ประชาชนต่างพร้อมใจเปล่งเสียงทรงพระเจริญ สมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงแย้มพระสรวล ก่อนเสด็จฯไปยังวัดมหาธาตุยุวราชรังสฤษฎิ์ อย่างไรก็ตาม หลังพระราชพิธีเสร็จสิ้น ประชาชนต่างทยอยเข้าไปในพระอุโบสถ เพื่อกราบถวายสักการะ พระบรมราชสรีรางคาร พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช บรมนาถบพิตร
นางนุจรีย์ เรืองเดช อายุ 54 ปี ชาวเขตห้วยขวาง กรุงเทพฯ กล่าวว่า มาทำบุญที่วัดบวรฯเป็นประอยู่แล้ว เพราะชอบมากราบถวายสักการะ พระบรมราชสรีรางคาร พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช บรมนาถบพิตร และพระสรีรางคารของ สมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก ยิ่งพอทราบว่ามีงานพระราชพิธีในวันนี้ จึงตั้งใจเดินทางมาเพื่อทำบุญและเฝ้าฯรับเสด็จ แม้คนจะเยอะและอากาศร้อน แต่ก็รู้สึกประทับใจและตื้นตันใจที่ได้เห็นพระองค์และร่วมทำบุญในครั้งนี้
ขณะที่ นางสาวอรพรรณ เติมวิชชากร อายุ 73 ปี ชาวเขตลาดพร้าว กรุงเทพฯ มาพร้อมเพื่อน กล่าวว่า การมาร่วมทำบุญในงานกฐินถือเป็นหน้าที่หนึ่งของชาวพุทธที่ควรกระทำ เป็นเรื่องที่ทำแล้วได้บุญ ใครทำใครได้ ตนอายุมากแล้ว วันที่เหลือเริ่มน้อยลงทุกวัน ในช่วงกฐินอย่างนี้จึงตระเวนทำบุญตามวัดต่างๆ โดยเฉพาะวัดป่าตามต่างหวัดที่มีพระเกจิอาจารย์ รวมถึงการเรียนธรรมะ นั่งสมาธิ ซึ่งเหล่านี้เมื่อได้ทำเรื่อยๆ สะสมเรื่อยๆ ก็ทำให้ตนเป็นคนอารมณ์เย็นขึ้น ทิฐิลดลงไปมาก จากที่เป็นคนไม่ยอมใคร โกรธง่าย ทั้งนี้ รู้สึกปลาบปลื้มใจที่ครั้งนี้ได้ทำบุญและรับเสด็จ เพราะที่ผ่านมาไม่เคยรับเสด็จสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเลย
