กทม.ซ้อมใหญ่พิธีพลีกรรมตักน้ำ – ริ้วขบวนเชิญคนโทน้ำศักดิ์สิทธิ์ ในพื้นที่จริงครั้งแรก (คลิป)

กทม.ซ้อมใหญ่พิธีพลีกรรมตักน้ำ – ริ้วขบวนเชิญคนโทน้ำศักดิ์สิทธิ์ ในพื้นที่จริงครั้งแรก

เมื่อเวลา 13.30 น. วันที่ 4 เมษายน พล.ต.อ.อัศวิน ขวัญเมือง ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร เป็นประธานในการซักซ้อมเสมือนจริง พิธีพลีกรรมตักน้ำศักดิ์สิทธิ์ และเชิญคนโทน้ำศักดิ์สิทธิ์ของกรุงเทพมหานคร จากหอศาสตราคม ในพระบรมมหาราชวังไปยังกระทรวงมหาดไทย

โดยในช่วงเช้า เวลา 11.00 น. คณะผู้บริหารกรุงเทพมหานครที่จะเข้าร่วมริ้วขบวนฯ ได้เข้าร่วมประชุมรับฟังการชี้แจงรายละเอียดพิธีพลีกรรมตักน้ำศักดิ์สิทธิ์ เส้นทางการเดิน วิธีการเดิน และขั้นตอนการปฏิบัติในริ้วขบวนอัญเชิญคนโทน้ำศักดิ์สิทธิ์ โดยได้มีการสาธิตการเดินและปรับแผนการเดินใหม่ หลังจากได้ซักซ้อมที่อาคารกีฬาเวสน์ 2 สนามกีฬาไทย-ญี่ปุ่น (ดินแดง) ไปเมื่อวันที่ 26 มีนาคม

นางศิลปสวย ระวีแสงสูรย์ ปลัดกรุงเทพมหานคร กล่าวว่า สำหรับการซ้อมริ้วขบวนเชิญคนโทน้ำศักดิ์สิทธิ์กรุงเทพมหานครนั้น ขณะนี้มีความพร้อมกว่า 85 เปอร์เซ็นต์ ก่อนหน้านี้มีการซักซ้อมไปแล้วที่ อาคารกีฬาเวสน์ 2 สนามกีฬาไทย-ญี่ปุ่น (ดินแดง) ซึ่งพบว่าการเดินริ้วขบวนยังไม่พร้อมเพรียงจึงได้พิจารณาปรับรูปแบบริ้วขบวนใหม่เพื่อให้เกิดความสง่างามและสมพระเกียรติ โดยวิธีการเดินลักษณะเป็นแถวตอน แถวละ 10 คน ระยะห่างระหว่างแถว 1 เมตร จัดให้ผู้บริหารชายนำหน้า ต่อด้วยผู้บริหารหญิง และพิจารณาเรียงลำดับจากความสูง เพื่อให้การก้าวเดินมีความพร้อมเพรียงและสวยงามยิ่งขึ้น สำหรับการซ้อมริ้วขบวนฯ ในครั้งนี้ สำนักงานจราจรและขนส่ง กรุงเทพมหานคร ได้ทำเครื่องหมายกำหนดจังหวะก้าวเดินบนพื้นถนนที่ริ้วขบวนฯ ผ่าน ซึ่งจากการสำรวจพื้นที่จริงพบจุดคับขัน 3 จุด ได้แก่ จุดหน้าพระลานเข้าถนนสนามไชย จุดถนนสนามไชยเข้าถนนกัลยาณไมตรี และจุดถนนกัลยาณไมตรีเข้าถนนอัษฎางค์ ซึ่งเป็นเส้นทางเลี้ยว จึงได้ทำเครื่องหมายตีระยะกำหนดการเดินไว้โดยตลอดการเดินริ้วขบวนฯ จะมีผู้ควบคุมคอยกำกับ

ทั้งนี้ ได้เน้นย้ำให้ผู้ฝึกซ้อมริ้วขบวนฯ ยืนตัวตรง เชิดหน้า อกผายไหล่ผึ่งและงดสวมใส่เครื่องประดับพร้อมให้แนวทางการเดินริ้วขบวนฯ ต้องมีความอดทน และเดินด้วยความพร้อมเพรียง ทั้งในการฝึกซ้อมและในวันจริง วันศุกร์ที่ 12 เมษายน

Advertisement

ต่อมาเวลา 13.00 น. พล.ต.อ.อัศวิน ขวัญเมือง ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ออกเดินทางจากกรุงเทพมหานครไปยังหอศาสตราคม ในพระบรมมหาราชวัง ข้าราชการชั้นผู้ใหญ่กรุงเทพมหานคร พร้อมกันบริเวณถนนหน้าพระลาน เพื่อตั้งแถวริ้วขบวน จากนั้นผู้ว่ากทม. ซ้อมการตักน้ำศักดิ์สิทธิ์ในหอศาสตราคม พร้อมเชิญคนโทน้ำศักดิ์สิทธิ์จากหอศาสตราคม ขึ้นรถยนต์บริเวณหน้าพระที่นั่งอัมรินทรวินิจฉัย เพื่อออกไปยังริ้วขบวน บริเวณถนนหน้าพระลาน จากนั้น ผู้ควบคุมริ้วขบวนให้สัญญาณทำความเคารพน้ำศักดิ์สิทธิ์ เมื่อรถยนต์เชิญคนโทน้ำศักดิ์สิทธิ์มาถึงถนนหน้าพระลาน และเข้าประจำในริ้วขบวน

ต่อมาเวลา 13.42 น. ผู้ควบคุมริ้วขบวน ให้สัญญาณ เคลื่อนริ้วขบวนเชิญคนโทน้ำศักดิ์สิทธิ์ จากถนนหน้าพระลานไปยังกระทรวงมหาดไทย เมื่อถึงกระทรวงมหาดไทย ผู้ว่าราชการกทม.และผู้บริหารกทม. เชิญคนโทน้ำศักดิ์สิทธิ์ ไปยังห้องดอกแก้ว ชั้น 2 ศาลาว่าการกระทรวงมหาดไทย ร่วมกับคนโทน้ำศักดิ์สิทธิ์จาก 76 จังหวัดทั่วประเทศ ทั้งหมดรวม 108 แหล่งน้ำ เพื่อรอการประกอบพิธีเสกน้ำอภิเษกในวันที่ 18 เมษายน เวลา 17.19–21.30 น. ณ วัดสุทัศนเทพวรารามราชวรมหาวิหาร โดยจะมีการซักซ้อมริ้วขบวนของทั้ง 108 แหล่งน้ำ จากกระทรวงมหาดไทยไปยังวัดสุทัศนเทพวราราม ในวันที่ 11 เมษายน เวลา 06.00 น.

Advertisement

สำหรับเส้นทางริ้วขบวนอัญเชิญคนโทน้ำ จากหอศาสตราคม ในพระบรมมหาราชวัง มายังกระทรวงมหาดไทยนั้น เมื่อออกจากหอศาสตราคม ผู้ว่ากทม. จะอัญเชิญคนโทน้ำศักดิ์สิทธิ์ ขึ้นรถยนต์บริเวณหน้าพระที่นั่งอัมรินทรวินิจฉัย เพื่อออกไปยังริ้วขบวนฯบริเวณถนนหน้าพระลาน จากนั้นจะเคลื่อนริ้วขบวน ตามถนนอมรวิถี เลี้ยวขวาเข้าสู่ถนนจักรีจรัณย์ ผ่านประตูพิมานไชยศรี และประตูวิเศษไชยศรี ไปยังถนนหน้าพระลาน ซึ่งเป็นจุดตั้งขบวน เลี้ยวขวาเข้าสู่ถนนสนามไชย เลี้ยวซ้ายถนนกัลยาณไมตรี เลี้ยวขวาถนนอัษฎางค์ และเข้าสู่กระทรวงมหาดไทย รวมระยะทาง 1,027 เมตร

ทั้งนี้ ริ้วขบวนเชิญคนโทน้ำศักดิ์สิทธิ์กรุงเทพมหานคร ประกอบด้วย วงดุริยางค์จากสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ริ้วขบวนธงชาติและธงตราสัญลักษณ์พิธีบรมราชาภิเษก เชิญธงโดย เจ้าหน้าที่เทศกิจจาก 50 เขต ในกรุงเทพมหานคร และริ้วขบวนผู้บริหารกรุงเทพมหานคร ซึ่งมีผู้เข้าร่วมขบวน ประกอบด้วย ผู้ตรวจราชการสูง, หัวหน้าส่วนราชการในสังกัดสำนักปลัดกรุงเทพมหานคร , ผู้อำนวยการสำนักงานในสังกัดสำนักงานคณะกรรมการข้าราชการกรุงเทพมหานคร (ก.ก.) และสำนัก, ผู้อำนวยการกองหรือผู้อำนวยการส่วนในสังกัดสำนักงาน ก.ก. สำนัก และ ส่วนราชการ ในสังกัดสำนักปลัดกรุงเทพมหานคร และ ผู้อำนวยการโรงพยาบาล รองผู้อำนวยการโรงพยาบาล รวมจำนวนทั้งสิ้น 423 คน

พล.ต.อ.อัศวิน ขวัญเมือง กล่าวภายหลังจากฝึกซ้อมริ้วขบวนฯว่า วันนี้เป็นการซ้อมในพื้นที่จริงครั้งแรก ซึ่งกทม. ได้ทำการบันทึกภาพเคลื่อนไหวเพื่อนำมาปรับให้ริ้วขบวนมีความสง่างามและพร้อมเพรียงมากยิ่งขึ้น อย่างไรก็ตาม จะต้องมีการซักซ้อมอีกครั้งในสัปดาห์หน้า เนื่องจากข้าราชการพลเรือนนั้นไม่ได้ฝึกฝนเรื่องระเบียบแถว และวิธีการเดินเหมือนข้าราชการทหารหรือตำรวจ

พล.ต.อ.อัศวิน กล่าวอีกว่า นอกจากการซ้อมริ้วขบวนฯแล้ว กรุงเทพมหานครยังได้รับมอบหมายให้ปรับพื้นผิวการจราจร ซึ่งขณะนี้ดำเนินงานเรียบร้อยแล้ว เหลือเพียงงานขีดสีตีเส้นที่ยังไม่สมบูรณ์ รวมถึงการปรับภูมิทัศน์บริเวณศาลพระแม่ธรณีบีบมวยผม ซึ่งทำงานร่วมกับสำนักการโยธา กรุงเทพมหานคร และยังมีการปรับปรุงภูมิทัศน์ด้วยการประดับไม้ดอกไม้ประดับ ที่มีความสวยงามโดยเน้นดอกไม้สีเหลืองแซมสีขาว ในบริเวณที่มีงานพระราชพิธีและมีริ้วขบวนฯพาดผ่าน และมีการประดับไฟ ซึ่งกทม.ร่วมรับผิดชอบกับการไฟฟ้านครหลวง โดยงานทุกอย่างจะต้องเสร็จสมบูรณ์ในสิ้นเดือนเมษายน

พล.ต.อ.อัศวิน กล่าวอีกว่า พระราชพิธีบรมราชาภิเษกนี้ ปวงชนชาวไทยจะได้เห็นความสง่างามของพิธี และริ้วขบวนอิสริยยศต่างๆ ที่น่าตื่นตาตื่นใจ อยากเชิญชวนพี่น้องประชาชน หากใครมีโอกาสมารับเสด็จ ก็ดี หรือรับชมการถ่ายทอดสดทางโทรทัศน์รวมการเฉพาะกิจแห่งประเทศไทย

สำหรับ หอศาสตราคม หรือ หอพระปริตร ตั้งอยู่ในกำแพงแก้วด้านทิศตะวันออกเฉียงเหนือของพระที่นั่งอมรินทรวินิจฉัยมไหยสูรยพิมาน ตรงข้ามกับพระที่นั่งดุสิตาภิรมย์ รัชกาลที่ 1 โปรดเกล้าฯ ให้สร้างเห็นพระที่นั่งโถง ลักษณะเดียวกับพระที่นั่งดุสิตาภิรมย์ รัชกาลที่ 4 พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว โปรดเกล้าฯ ให้รื้อพระที่นั่งองค์เดิมแล้วสร้างหอศาสตราคม เพื่อให้พระสงฆ์ฝ่ายรามัญนิกาย ทำพิธีสวดพระพุทธมนต์สัตปริตรคาถาเสกน้ำพระพุทธมนต์ สำหรับสรงพระพักต์ และ น้ำสรง

หอศาสตราคม (ภาพจาก หนังสือ ประมวลองค์ความรู้ พระราชพิธีบรมราชาภิเษก)
QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image